วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

โลกไม่ได้สวยงามทุกวัน

ชีวิตไม่ได้ดีไปทุกอย่างทุกวัน
คนทำห่วยแตก ทำให้เสียใจ
ดำเนินการอะไรก็ติดขัด
คนผิดลอยนวล
อ่อนแอกว่าถูกรังแก
คนดีไม่ได้ดี คนชั่วเข้าวิน
Life's not fair.
บางทีเราก็ทำอะไรไม่ได้อ่ะนะ
So just get over it.
เสียเวลาบ่นก่นด่าไปก็เท่านั้น โลกมันเป็นแบบนี้
ทำเท่าที่ทำได้ อย่าเครียด
เห็นอะไรไม่ยุติธรรม ก็แก้ไขไป ไม่ต้องบ่น
เราไม่ได้อยู่ในโลกของความเที่ยงตรงเสมอไป
มีสองอย่างที่ทำได้ คือ ไม่ปลง ก็อยู่ให้มันมี amazing ไปเลย
It's your choice. Happy Halloween

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 203

ความเป็นจริงที่เธอควรเข้าใจ 
  • ยังไงก็ตายและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ : ยอมรับ จะทำอะไรให้ไว ทำชีวิตให้ดีมีความหมายในทุกวันดีกว่า ตายไปจะได้ไม่ต้องห่วงเสียดาย 
  • คนที่เรารัก คนใกล้ตัวก็ตายเหมือนกันและไม่รู้เมื่อไหร่ : อันนี้เศร้ากว่าเราตาย จัดวางความสัมพันธ์ให้ดี อดีตที่ไม่ค่อยดี ทิ้งๆมันไปบ้าง อยู่กันอย่างสงบและสร้างสรรค์
  • สิ่งที่ได้ ความสำเร็จที่มี ไม่ได้ช่วยให้ตายดีขึ้น : การที่คนจะตายตาหลับได้ มีแต่ความสัมพันธ์ดีดีเท่านั้นที่พอปลอบประโลมใจให้ไปอย่างหมดห่วง 
  • ความสุขทางโลกไม่มีจีรัง : ใฝ่หาปัญญาทางธรรมกันบ้างก็ดี จะได้ทำใจได้ในหลายสิ่งหลายอย่าง นึกถึงพระถึงเจ้าเข้าไว้ 
  • เราไม่สามารถทำให้ทุกคนมีความสุข : หยุดเอาใจคนทั้งโลก การทำแบบนั้นมันลดทอนความเคารพในตัวเอง ทำให้ไม่มีเวลาให้ตัวเอง ความจริงคือทุกคนต้องรับผิดชอบความสุขตัวเองนะ
  • ความคิดไม่สำคัญเท่าความรู้สึก : จะคิดเชิงวิชาการหลักการอะไรก็ไม่ทำให้แก้ปัญหาอะไรได้ลุล่วงทั้งหมด คนสุขใจทุกข์ใจอยู่ที่ความรู้สึกไม่ใช่ความคิด ฟังเสียงหัวใจไป แสดงความรู้สึกออกมาให้ชัดเจน แก้ที่ความรู้สึก = แก้ที่ใจ
  • การกระทำสำคัญกว่าคำพูด : อย่าจ้อยย้อย หวานจ๋อย มันไม่ช่วยอะไร ต้องจริงใจรับผิดชอบ ทำในสิ่งที่ชอบที่ควร เดี๋ยวก็มีคนมารักเองนั่นแหละ
  • ไม่มีอะไรสมบรูณ์แบบ : การติดกับดักสังขาร ติดมาตรฐานที่ผิดเพี้ยนก่อให้เกิดทุกข์เท่านั้น สู้กับความจริงไป อะไรที่จริงไม่ต้องสมบรูณ์แบบ มันดีทั้งนั้น เพราะมันคือตัวตนเรา
  • เงินไม่สำคัญเท่าเวลา : ให้เวลากับตัวเอง กับสิ่งที่ชอบที่ใช่ เวลาช่วยเปลี่ยนมุมมองได้จริง
  • no one cares !! : เวลาวิกฤติเกิด ตัวใครตัวมันทั้งนั้น หยุดเรียกร้องหาความเห็นใจ กลับมาอัตตาหิ อัตโนนาโถเถอะ 
  • อะไรเกิดไม่สำคัญเท่ารู้สึกอย่างไร : อะไรเกิดมันเกิดของมันตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว มันอยู่ที่ “รู้สึก” อะไร อย่างไรต่างหาก...ฝึกการยอมรับ ฝึกสติไป
  • คำพูดชัดเจนกว่าความคิด : คิดอะไรไม่มีใครรู้ คิดดีก็พูดดี ให้กำลังใจกันไป แต่ไม่ต้องเว่อ 
  • ความอยากไม่ได้ช่วยถ้าไม่ทำ : อยากเป็นคนดี มีเรื่องให้ทำเยอะ ทำไป อยากให้คนชื่นชมก็ทำตัวให้น่ารักด้วยการเคารพคนอื่น อยากให้คนรักก็ต้องเสียสละให้เป็นอย่าทวงบุญคุณ อยากมีเงิน ซื้อหวยไม่ได้ช่วย ทำงานไป ฝันคือฝัน มันไม่ใช่ความจริง อยากคือแค่อยาก ไม่ทำ ไอ้ที่อยากเป็นไปไม่ได้
  • ความพอใจเป็นเรื่องชั่วคราว ความทุกข์ก็เช่นกัน : อย่าอีโก้จัดนัก ยืดหยุ่นให้เป็น ทำใจให้ได้ หาปัญญามากำกับชีวิต ทุกชีวิตล้วนชั่วคราว
  • การลงทุนกับตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด : ก่อนจะบินยังมีประกาศให้ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจนให้ตัวเองก่อนจะไปช่วยชาวบ้าน มันไม่เกี่ยวกับเห็นแก่ตัว มันเกี่ยวกับเจตนาในการลงทุนให้ตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร 

คงมีอีกเยอะ ค่อยๆเติมไปนะ แล้วชีวิตจะมีความสบายใจมากขึ้น 


วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 202

เมตตาโอบอ้อมเอื้ออารีเอาใจใส่ คือ สิ่งมีค่า !!
มันคือของขวัญที่ทรงพลังสำหรับโลกใบนี้
...ไม่ใช่ทุกคนจะมีนะ...
และบางทีคนที่มีก็ไม่ค่อยรู้ตัว.. อันนี้เป็นปัญหา
เพราะคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีคุณลักษณะที่เอื้ออารีคนอื่นนั้น จะรู้สึกแปลกแยกหลายครั้งในชีวิต บางครั้งถึงกับรู้สึกว่าตัวเอง overly-sensitive ไปไหม อะไรก็รู้สึกร่วมไปด้วยกับชาวบ้าน กับเหตุการณ์ต่างๆทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เช่น เสือดำถูกฆ่าในป่าสงวนก็อิน น้ำตาซึมสงสารเสือ ฟังเพลงประเทศกูมีก็อิน อารมณ์เสีย (อันนี้ส่วนตัว) ไม่ต้องพูดถึงคนใกล้ตัวที่จะอินไปทุกเรื่องกับเขาอ่ะนะ เขาป่วยก็หมองไปด้วย เขาได้ดีมีสุขก็ดีใจยังกับได้แก้วแหวนเงินทองไปด้วย ซึ่งไม่เป็นไรนะ ให้สบายใจได้ อันนี้ดีกว่าพวกไม่สนโลก ไร้จิตสาธารณะ เอาแต่ตัวเอง ชั่วและเอาเปรียบคนอื่นเยอะเลย 
เพื่อให้สบายใจ ไม่จิตตก รู้จักตัวเองมากขึ้น
ลองมาดูว่าเรามีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นของขวัญมีค่านี้หรือไม่ 
➡️เชื่อในสัญชาติญาณตัวเอง : อาจจะไสยศาสตร์หน่อยๆ แต่เมื่อจะตัดสินอะไร gut instinct เรามักจะแม่นตามนั้น มันช่วยให้เรามองอะไรได้ทะลุทะลวงมากกว่าคนอื่น มองลึกไปกว่าที่คนอื่นเห็น เพราะรู้สึกมากกว่า
➡️อยากอยู่เงียบๆคนเดียว : ถึงแม้จะชอบอยู่กับเพื่อนฝูงคนรอบข้าง แต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน บางทีมีหมดอารมณ์ มันจึงต้องมีเวลา recharge กันบ้าง อันนี้อาจถูกเข้าใจผิดได้ง่ายๆว่าหลีกหนี แต่ไม่ใช่ เราแค่ต้องการเวลาอยู่คนเดียวบ้างแค่นั้น เพื่อกลับมาสดชื่นกับคนอื่นได้ต่อไป
➡️พี่นี้มีแต่ให้ : ให้มากเพราะแคร์มาก ถึงแม้เป็นสิ่งที่วิเศษ เป็นคุณลักษณะที่คนดีดีพึงมี แต่มันก็เป็นปัญหาเช่นกัน คือให้คนอื่นมากไป จนตัวเองเหี่ยวแห้ง ต้องกลับมาให้ตัวเองบ้าง แบบนี้ไม่น่าผิดนะ
➡️รู้สึกเหมือนที่คนอื่นรู้สึก : อันนี้ไม่ใช่แค่เข้าใจนะ แต่มัน “รู้สึก” ใครมีความสุข จะรู้สึกสุขใจไปด้วย ใครทุกข์ระทม ก็ขมขื่นไปด้วย ประมาณว่าได้ประสบการณ์ตรงๆเต็มๆเหมือนคนนั้นเลย ต่อให้ไม่รู้จัก หรือพบเจอกันน้อยมากก็ยังมีรู้สึกร่วมไปด้วย
➡️sensitive แบบ extreme : คือ upset เอาง่ายๆ กับคนที่ทำร้ายกัน รุนแรงต่อกัน ในขณะที่คนอื่นละเลยหรือแค่รับรู้ คนอาจคิดว่าเรา too sensitive แต่แท้จริงแแล้ว เรามีความสามาถด้าน empathy นะ เป็น empath ตัวจริงเลย ความเสียใจเจ็บปวดของผู้อื่นทำให้เราทนไม่ได้ (ผิดตรงไหน)
➡️ลี้ภัยไปกับธรรมชาติ : เมื่อมันสุดจะทน ต้องพึ่งธรรมชาติมาเยียวยา เชื่อว่าธรรมชาติเป็น best place สำหรับตัวเอง เวลาบ้าๆขึ้นมาก็ออกไปข้างนอก สูดลมหายใจ มองต้นไม้ใบหญ้า แล้วจึงกลับมาปกติได้ อะไรที่เป็นธรรมชาติสามารถให้พลังคืนกลับมายังชีวิตได้ เหมือน rejuvenate เลยนะ
➡️เป็นฝ่ายสนับสนุนสุดลิ่มทิ่มประตู : ไม่ว่าใครมีปัญหา เศร้าหมองจะไปในทันใดจะไปอยู่เคียงข้างเธอ คอยดูแลรักษาใจกันเลย ไม่ว่าจะยุ่ง จะธุระมาก ก็จะไปในทันใด เป๊ะในเวลาที่เขาต้องการ ไม่มีรอสามวันค่อยโชว์ตัว หรือแค่บอกว่าเป็นห่วงนะ รักนะ อันนี้พวก empath ไม่ทำ มันไม่ใช่เรา 
คือ ถ้ามีทั้งหมดนี้หรือมีส่วนใหญ่ เราไม่ใช่พวกแปลกแยกนะ เราเป็น empath เป็นคนดีที่โลกต้องการเลย ซึ่งความจริงแล้วอันนี้ถือเป็น amazing power ที่คนส่วนใหญ่ไม่มีนะ 
จงดีใจ จงภูมิใจที่ได้ใช้คุณลักษณะนี้ช่วยบรรเทาความทุกข์ให้คนอื่น แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย


วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ข้อค้นพบจาก Google:พฤติกรรมของยอดผู้จัดการ 10 ประการ


Google ใช้เวลาวิจัยมา 10 ปีเพื่อค้นหาว่าอะไรที่ทำให้คนเป็น great boss

1. เป็นโค้ชที่ดี
โค้ชที่ดี เมื่อมีปัญหากับทีมจะรีบจัดการทันที ไม่มัวมานั่งสอน หรือ เทศนาให้เสียเวลา คือ ให้คำแนะนำ ให้แนวในการไปสู่ทางสว่างกับทีม เพื่อทีมจะได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ไปด้วยกันเดี๋ยวนั้น
2. ให้สิทธิ์ให้อำนาจทีม
ไม่ลงไปจู้จี้จัดการในรายละเอียด ไม่มีใครชอบให้จู้จี้หรอก มันต้องยืดหยุ่น ต้องมีการให้อิสระในการสำรวจแนวคิดใหม่ ในการทดลองอะไรใหม่ๆ ให้โอกาสในการพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากับสไตล์ของใครของมัน เอาแค่มั่นใจว่าทีมมีเครื่องมือที่ดีพอในการจัดการงานก็พอแล้ว
3. สร้างบรรยากาศลงเรือลำเดียวกัน
เอาใจใส่ในความเป็นอยู่คนของตัวเองอย่างดี ผู้จัดการที่ดีให้ความสำคัญกับการสร้างความไว้ใจเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อไว้ใจ จะเกิดความมั่นใจที่จะผลักดันทำงาน กล้าเสี่ยง ไม่กลัวเสียหน้า ไม่อายที่จะถาม เมื่อผิดก็กล้ายอมรับผิด นี่คือสิ่งแวดล้อมที่เอื้อที่สุดในการทำงานร่วมกัน
4. เน้นผลลัพธ์และผลิตภาพ
ผู้จัดการที่ดีสามารถทำให้คนรอบข้างรู้สึกดี ด้วยการตระหนักถึงศักยภาพของทีม เชี่ยวชาญในการใช้ emotional intelligence จูงใจคน ช่วยคนให้ประเมินศักยภาพตัวเองได้และใช้มันอย่างสุดสุด
5. เป็นนักสื่อสารที่ยอด คนรับฟังที่เยี่ยม
ผู้จัดการที่ดีสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใสในทีม ไม่หมกเม็ด หรือเก็บงำไว้ทำเหนือ คือ จริงใจ ให้จริง ทำดีมีชม
6. ส่งให้คนเติบโตโดยเน้นที่ผลงาน
ลงทุนกับคนอย่างเต็มที่ สนับสนุนลุ้นเต็มที่ให้คนบรรลุถึงเป้าหมายให้ได้ ให้ความเห็นเกี่ยวกับ career path และรู้ดีว่าคนเติบโตในเส้นทางที่แตกต่างกัน ไม่เอาเปรียบ ไม่เอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก
7. ให้วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจน
รู้เส้นทางที่จะไปด้วยกันเป็นอย่างดี และทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนต้องร่วมทางเดียวกัน ไม่ปล่อยให้เคว้งคว้างมืดมน บอกถึงบทบาทหน้าที่คนในทีมเพื่อดำเนินงานตามกลยุทธ์ รวมถึงบอกว่าต้องทำอะไรอย่างไรกันบ้างเพื่อไปถึงวิสัยทัศน์
8. มี key technical skills ในการช่วยปรึกษาแนะนำ
เก่งงานจนมองได้ทะลุ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นสามารถแก้ไขแนะนำได้ทันที ไม่มีต้องเสียเวลาหาข้อมูล หรือ ศึกษาอะไรเพิ่มอีก ประมาณใช้หางตามองก็เห็นทางสว่างแล้ว อันนี้ศรัทธาเกิดขึ้นได้
9. ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งบริษัท
ไม่มีความพวกเขาพวกเรา "us versus them" ไม่แข่งขันไร้สาระกับฝ่ายอื่น มองภาพรวมทั้งบริษัทออก see the big picture และทำงานเพื่อบริษัท เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่แค่ฝ่ายตัวเอง
10. เป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด
ผู้จัดการที่ดี take the lead ไม่ใช่ซ่อนอยู่หลัง สามารถทำการตัดสินใจในเรื่องยากๆ และทำให้ทุกคนเข้าใจที่ไปที่มา เหตุผลของการตัดสินใจนั้น

สรุปมาจาก https://www.inc.com/justin-bariso/google-spent-a-decade-researching-what-makes-a-great-boss-they-came-up-with-these-10-things.html?cid=sf01002&fbclid=IwAR35YRHUbiiz6TuK2OM5BmKJztPHfIgYf0aFifkyCGXohbaeNJ6cXjDIToM

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 201

จัดการแปะป้ายอารมณ์ให้ได้...ชีวิตจะฉายแสงแกร่งกล้า 
อารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจที่จะกระทำการหนึ่งการใด

เมื่อกังวล  จะหลีกเลี่ยง ไม่กล้าเสี่ยง (เดิมๆต่อไป ไม่สร้างสรรค์
เมื่อเศร้า อะไรก็ได้สำหรับคนใจช้ำ (เศร้า อย่าเล่นเกมต่อรอง แพ้เห็นๆ)
เมื่อตื่นเต้น จะลืมคำนวณทางหนีทีไล่ (พลาดแน่นอน)

มีอารมณ์ไหนก็ตาม ตามดูความรู้สึกตัวเองให้ชัด 
แปะป้ายในใจไว้...รู้สึกยังไง เมื่อรู้ จะตัดสินใจได้ดี
เพราะเมื่อเข้าใจความรู้สึก จะรู้เลยว่าเมฆหมอกอันใดที่ปิดบังวิจารณญาณเราอยู่ 
เราจะชัดเจน โดยเฉพาะเวลาชีวิตอึมครึม
..ว่ามัน เศร้า อับอาย หรือผิดหวัง กันแน่ (มันต่างกันนะ)

เช็คให้บ่อยๆ ของมันฝึกกันได้
อย่างน้อยให้มันรู้ไปว่า มันคือความรู้สึกดี บวก หรือ ไม่ดี ลบ (ไม่ยากใช่ไหม)
และไม่ว่าจะอารมณ์ ความรู้สึกนี่จะแบบไหน ยังไง 
มันทั้งช่วยเราและอันตรายในขณะเดียวกัน

โกรธ ช่วยให้มีพลังยืนยันในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และอันตรายเพราะกระตุ้นให้เราทำร้ายคนอื่นได้
กังวล ช่วยให้ไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ แต่ไม่ช่วยให้หลุดจาก comfort zone ชาตินี้จมปลัก

เมื่อตระหนักแล้ว เราจะสามารถรับความรู้สึกจริงเต็มๆได้ 
ถ้ามันไม่ช่วยให้ดีขึ้น มันอันตราย ก็ตั้งสติ 
เปลี่ยนความคิดไปซะ ดีกว่านั้นเปลี่ยนที่จะทำไปด้วย 
ยิ่งทำอะไรในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึก อารมณ์มันจะเปลี่ยนด้วยนะ
แค่ ยิ้ม ในเวลาที่จิตตกหมกมุ่นขุ่นใจ  อารมณ์จะดีขึ้นได้เลย แค่ยิ้มก็ปลุกความสุขได้
หรือ สูดลมหายใจลึกๆยาวๆเวลากังวล อารมณ์เปลี่ยนด้วยนะ

เปลี่ยนพฤติกรรมได้...อารมณ์ก็เปลี่ยนไป

ยุยงให้วิ่งชนความรู้สึกตัวเอง แปะป้ายไป...ตอนนี้รู้สึกยังไง
อย่าเสียเวลา เสียพลังวิ่งหนีสิ่งที่ไม่ชอบใจ ทุกข์ใจ
อย่าให้มันขโมยใจดีดีของเรา 
การยอมอารมณ์เท่ากับถอยหลังลงคลอง...ชีวิตจะอ่อนแรงลงไปทุกที
ชนมันให้รู้ไปเลย...ตอนนี้รู้สึกยังไง...แล้วเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนใจ
รับมือกับมันอย่างเข้าใจ  อันนี้สร้างกล้ามเนื้อใจให้แข็งแรงได้เลยนะ 

you can become the strongest and best version of yourself !!


คิดวันละอย่าง # 200

กังวล...มีกันทุกคน
มันเป็นอารมณ์อันไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากความยุ่งเหยิงภายในจิตใจ กังวลธรรมดา ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดความทุกข์มากเป็นพิเศษ เมื่อไม่ได้ดังใจ ประมาณทุกข์เกินจริง ไร้อารมณ์ เสียสมาธิ ป่วยบ่อย กระวนกระวาย สายเสมอ ลังเลไปทุกสิ่ง เครียดไปวันๆ อันนี้อาการน่าเป็นห่วง 
มันต้องเริ่มรู้ทันความคิด รูปข้างล่างนี้ ⬇️ให้มุมมองได้ดี
...มีปัญหาเหรอ
...ไม่ แล้วจะกังวลทำไม
...ใช่ มันแก้ได้ไหม...แก้ไม่ได้ กังวลทำไม แก้ได้ ก็จะกังวลทำไม 
➡️สำรวจตัวเองเลย ถามใจตัวเอง ถามคนอื่นด้วยก็ได้ว่าเครียดมากไปไหมนี่ ให้หาว่าเราเครียดไปทำไม เครียดแล้วได้อะไรขึ้นมา? กังวลมาก ระวังเป็นบ้า กรุณารับยาช่องสอง
➡️ยังไม่หาย นึกถึงความตายเข้าไว้ จะคิด กังวลอะไรมากมาย ทั้งที่อาจจะตายวันตายพรุ่งก็เป็นได้ !!
ตายแล้วทุกอย่างก็จบทำอะไรไม่ได้งับทุกข์ อมทุกข์ไปก็เท่านั้น
ทำให้มันดีที่สุดเหมือนว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายดีกว่าไหม
เมื่อทำเต็มที่แล้วก็ไม่ต้องมานึกห่วงเสียใจกังวลอะไร 
คำว่า "ช่างแม่ง" ไม่ได้พูดยากขนาดนั้น !!

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สัญญาณแห่งการรักและผูกพัน

คำพูด ไม่แรงเท่า การกระทำ 
จะบอกว่ารัก ห่วง ขอบคุณที่รักกัน น่ารักที่สุด รักนะจุ๊บๆ ยังไงก็ได้...มันแค่คำพูด ใครๆก็พูดได้ แต่คนที่แคร์กันจริงจังเท่านั้น...ที่แสดงออกชัดเจน 
  1. ขอโทษ : เป็นทางหนึ่งของการแสดงออกว่ารักกันจริง คือ การรักษาความสงบแห่งชาติเลยนะ การขอโทษกันจากใจ แม้ไม่ได้ผิดขนาดนั้น หรือบางครั้งไม่ต้องขอโทษก็ได้ แต่ยังมีการขอโทษกัน ถือว่าเป็นการอยากที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้มันต่อเนื่อง มันแปลว่าไม่ต้องการสูญเสียกันไป I don’t want to loose you !!
  2. อยู่ข้างกันแบบไม่มีเงื่อนไข : ประมาณว่าศีลเสมอกัน เลือดสุพรรณ แม้จะผิดก็ยังยืนอยู่ข้างๆจับมือกันไว้ มันคือความซื่อสัตย์ต่อความสัมพันธ์ I am always on your side no matter what !! 
  3. คิด วางแผนด้วยกัน : รักกันจริงต้องมีกันและกันไม่ว่าแผนระยะสั้นหรือยาว เราต้องอยู่ในแผนด้วยกัน ไม่เอาความสะดวกความชอบตัวเองเป็นหลัก มันเป็นเรื่องการเคารพกัน เคารพความคิดเห็นและเวลาของกัน รู้อะไรรู้เท่าๆกันเหมือนๆกัน You are always in my thoughts !! 
  4. ไม่เคยลืมเรื่องสำคัญ : แม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม จะถือว่าเป็นเรื่องลืมไม่ได้ ลืมแปลว่าไม่ใส่ใจ ลืมแปลว่าไม่ได้สำคัญขนาดนั้น มันจะผูกพันกันยังไง การจดจำรายละเอียดที่สำคัญ เท่ากับ การลงทุนในความสัมพันธ์ มันคือ I care about you !!
  5. ให้เวลาเสมอ : ไม่ว่ายุ่ง ไม่ว่าอะไรรัดตัวอยู่ จะเคลียร์ทุกสิ่งอันได้ คือ อยากอยู่ด้วยกัน นี่คือการ prioritize relationship อยู่ด้วยกันแล้วม่วนใจ๋ ต้องมา ต้องเจอ ไม่มีลังเลใจ I make time to see you !! 
  6. ภูมิใจในกันและกัน : ความรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้แปลว่า ชอบกด like ใช่กด love ขนาดนั้น แม้ว่าจะ keep things low-key in public แต่มันต้องฉลาดพอที่จะทำอะไรให้รู้กันไปว่า ดีใจ ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกัน  I am proud to have you in my life !! 
คือ ถ้าใครคิดว่าใครตกข้อไหน ก็ไม่ต้องผิดหวังไป มันเรื่องธรรมดา 

ความสัมพันธ์มันสานได้เสมอ...ถ้ารักกันพออ่ะนะ มันก็แค่ปรับตัว อย่ามัวเอาหน้าแค่คำว่า รัก !! 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 199

เรื่องของความหวังดี 
อย่าหวังดีหัวปักหัวปำ
บางครั้งการห่วงใย กลายเป็นก้าวก่ายไม่รู้ตัว
และความหวังดีที่มาผิดที่ผิดเวลา อาจเรียกได้ว่าเผือก 
เพราะว่า...หวังดีของเราอาจไม่ได้แสดงในทางดี
และ...หวังดีของเราอาจไม่ทำให้คนพอใจเสมอไป
หวังดีไม่ใช่การยืนมองอยู่ในจุดเรา แบบแผนเรา
หวังดีไม่ใช่จัดไป จัดให้ตามใจเพื่อให้รู้ว่ารัก
หวังดีไม่ใช่การฝืน ขืนใจ
หวังดีไม่ใช่การเก็บไว้ในใจเสมอ...ให้คนเดาเอาเอง
หวังดีมีความแตกต่างกันไป
อย่างน้อย...ควรแสดงออกให้รู้ว่าหวังดี
ท้วงติง ตริตรองไม่ให้เกิดการเหลิงลมบน
ที่สำคัญ...หวังดี คือ อิสระ ไม่ฝืน ไม่ต้องการควบคุม !!


วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 198

ถ้าคิดว่าเห่าเก่งกว่าหมาก็เห่าต่อไป

คนเรามีกลไกโต้ตอบอัตโนมัติอยู่ในร่างนี้  
ร้อน..เปิดพัดลม หนาว...หาเสื้อมาใส่
หิว...กิน เหนื่อย...พัก หนัก...วาง 
แบบนี้ไม่เป็นไร มันช่วยให้เราสบายตัว อยู่ต่อไปได้
แต่มันดันมีกลไกโต้ตอบความโกรธ ความเจ็บใจอยู่ในเราด้วยนี่ซิ
ด่ามา...มีด่ากลับ
เจอคำพูดบาดใจ...พ่นกลับไปสามเท่า 
แบบนี้ มันสาสมใจจริงหรือ ทำแล้วสบายใจมากไหม
อาจมีคนตอบว่า ใช่ มันสะใจ แค้นต้องชำระ 
แล้วพอเหตุการณ์ผ่านไป...มีอะไรดีขึ้นบ้างไหม 
ไม่ต้องตอบก็ได้...ของแบบนี้ในใจลึกๆก็รู้ว่า..ไม่มีอะไรดีขึ้น
ตรงกันข้าม...เสียประโยชน์ เสียเวลา เสียความรู้สึก
...ความสัมพันธ์เลวลง ต่อไม่ติด... 

กลไกโต้ตอบนี้มันพัฒนาได้นะ...ด้วยตัวเอง
ต้องยอมรับก่อนว่า ห้ามหมาเห่าไม่ได้ และหมาเห่า อย่า เห่าตอบ 
ไม่มีทางที่คนจะเห่าเก่งกว่าหมาไปได้ 
  • ก่อนเห่า เอ้ย ก่อนพูด ให้อึ้งๆไปสองสามวินาที อันนี้พูดง่าย ทำยาก ปากมันเร็วกว่าใจเสมอ ตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน ฝึกสูดหายใจลึกๆเข้าไว้ ถ้ามีบุญ คำพูดที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่าคิดก่อนพูด” 
  • มุ่งไปที่ปัญหาให้มากกว่าใครเป็นคนพูด หรือคำพูดอะไร การพูดกันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยคนเดียวแน่ๆ มันต้องมีเหตุ มีปัญหามาพูดกันทั้งสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย โฟกัสที่ประเด็นปัญหา จะจบสนทนาได้สวยกว่ามาก แต่ถ้าฝังใจไปกับคำพูดที่เราไม่พอใจ มันจะลืมปัญหา มันจะลากไปเรื่องทัศนคติที่ไม่ชอบใจ เรื่องมันจะยาวไร้สาระไปเลย ความคิดเห็นของคนไม่สำคัญเท่าความจริงของปัญหา 
  • นึกเสมอว่า เราเป็นคนดี เป็นบัณฑิต ต้องมีจิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศล คนดีมีกาละเทศะ ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น คนดีจะไม่ทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดขาดสติ แผ่เมตตาไป ใจเป็นบุญนะ พอใจเป็นบุญเราก็ไม่พูดด้วยอกุศลจิต
  • ถ้าไม่ได้จริงๆก็ท่องไว้ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิดไม่พูดก็ไม่มีใครว่าโง่นะ 

มีคนว่าไว้...
อยากไปข้างหน้า อย่าเสียเวลา "หยุดเตะปากหมา" ระหว่างทาง !!