วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 194

ทุกวันนี้ เราเจอความหลากหลาย (diversity) ที่เป็นทั้งวิกฤติและโอกาสในทุกที่ ความหลากหลายของทั้งเชื้อชาติ เพศ วัย ศาสนา ฯลฯ ซึ่งก่อให้เกิดความแตกต่างในทางความคิด พฤติกรรม สไตล์ การรับและประมวลผลข้อมูล เราจึงได้ยินเสมอกับคำว่า “พูดไม่รู้เรื่อง” อันนั้นคือปัญหาการสื่อสารเลยนะ การเรียนรู้ในการให้เกียรติกันจึงสำคัญที่จะทำให้เกิดการ “อยู่กันดีดี” “พูดรู้เรื่อง” "สวยงามในสัมพันธ์" คนจึงต้องหาทางลดอคติ เพิ่มความเข้าใจ สร้างการรวมใจเพื่อให้โลกนี้มันหมุนไปได้สวยงาม คนแฮบปี้ ทำอะไรคือดีงาม ลองมาดูกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง
สำรวจตัวเองก่อน
มองตัวเอง เรามี personal biases กับความคิดอ่าน การตัดสินใจ การแก้ปัญหาของคนอื่นไหม ใช้เวลาในการทบทวนสักหน่อย ดูการตอบสนองของเราให้ดี มันมีผลกระทบต่อคนอื่นหรือเปล่า อย่ายอมให้มันมาเป็นอุปสรรคในการสัมพันธ์กัน คิดเสียว่ามันแค่ความหลากหลายในโลกนี้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนต่าง
ฝึกหัดตัวเองไป เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่หลากหลายมากขึ้น ให้เห็นภาพชัดๆของความคิดที่แตกต่างจากตัวเอง มองให้เห็นถึงคุณค่า ชื่นชมคุณค่าของความต่าง จะดีไปกว่านั้น ต้องช่วยให้คนอื่นกล้าเจอกับความต่างนั้นด้วยความสบายใจ เราจะเห็นความสวยงาม พัฒนาการที่ดี ความสัมพันธ์ที่เคารพกัน ที่สำคัญมันจะสร้างความมั่นใจให้ทุกคนที่อยู่กับเรา สามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่กระอักกระอ่วน กล้าเป็นจริงและกล้าเจอของจริง 
เห็นต่างต้องลุย see something และ say something
ต้องยอมรับว่าในโลกของความผันผวน เราจะเจอกับมันด้วยดี คือ ต้องอาศัยปัญญา สมองที่หลากหลาย ทางการแก้ปัญหาที่แตกต่าง ไม่อย่างนั้น มันจะเดิมๆ อยู่ที่เดิม ไม่พัฒนา ดังนั้นเมื่อพบเห็นอะไรที่ยังเป็นเรื่องอคติต่อความต่าง เราต้องกล้าลุย ที่จะทำให้เห็นความจริง ความงามของความต่าง ฉลองได้ฉลองกันไปเลย มันคือบ่อเกิดของสิ่งใหม่ๆในชีวิต เรียกสวยๆว่านวัตกรรมนี่แหละ  
ออกมาจาก comfort มาเปิดรับ diversity กันเถอะ 
นี่มัน great game-changing idea เลยนะ !!



วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 193

วันนี้คิดสั้น !!
เหนื่อยกาย ➡️ หยุดพัก
เหนื่อยใจ ➡️ หยุดคิด
เหนื่อยชีวิต ➡️ หยุดทำ ไปหาธรรม



วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 192

เรื่องของคนอยู่เป็น กับ คนอยู่ไม่เป็น 
คนอยู่เป็น คือ อยู่ได้ อยู่ดี อยู่มันได้ทุกสถานการณ์
เรียกดีดีว่า รู้จักปรับตัว 
คนกลุ่มนี้ สามารถแลกทุกอย่างเพื่อ “ได้”
ดูดูไปอาจจะน่าเกลียด แต่มัน คือ ทางรอด
ซึ่งคนก็ต้องดิ้นรนหาทาง “อยู่ได้” ของตัวเอง
ที่น่าสนใจ คือ เราอาจเป็นคน “อยู่ได้” โดยไม่รู้ตัว
เพราะมันคือกลไกของการมีชีวิต 
ไม่ชอบงาน ก็ทนทำได้ เงินมันต้องมีใช้
ไม่มีความสุขกับครอบครัว ก็ทนอยู่ พักตร์มีให้รักษา
กฎเกณฑ์ หลักการที่ไม่เห็นด้วย ก็เอออวยไปได้ มันชินไปแล้ว
มันมีเหตุผลของมันที่ต้องแลก
แต่การพัฒนาตัวเอง พัฒนาอื่นๆ มันจบลงที่ตรง “อยู่ได้” 
ส่วนคนอยู่ไม่เป็น คือ พวกทนไม่ได้
เรียกง่ายๆว่าปรับตัวไม่เป็น
คนกลุ่มนี้ ไม่ยอมแลก แต่ยอม “เสีย”
ดูดูไปเหมือนจะโง่ชอบกล ไม่ยอมดิ้นรนให้ “อยู่ได้”
เห็นอะไรไม่ดี ทนไม่ได้ คิดใหม่
ไม่มีความสุข ไม่ทน หาทาง
ไม่เห็นด้วย สู้กันจนหยดสุดท้าย
ที่น่าสนใจ คือ การเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้น จะมาจากคนกลุ่มนี้
Henry Ford ไม่ทนพัฒนาสายพันธ์ุม้า แต่สร้างรถยนต์
Elon Musk ทนเห็นรถผลาญน้ำมันไม่ได้ Tesla จึงเกิดขึ้น
และอีกหลายกรณี คงเห็นๆกันอยู่จากพวก “อยู่ไม่เป็น”
แม้แต่คนเล็กๆเมื่อทนไม่ได้ จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ
จะ “อยู่เป็น” ไปทำไม 
พื้นที่ในใจมันกว้างนัก เลือกพักตรงถูกใจ ไร้โรคประสาท


วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 191

เตรียมใจ..เดินต่อไปงามๆ
ตอนที่ไปตรวจสุขภาพแล้วเครื่องเอ็กซ์เรย์ปอดไม่เสถียร 
อ่านค่าผิดว่าปอดมีจุดกระจายเต็มไปหมด 
ใจเสียเหมือนกันนะ เพราะกระจายขนาดนั้นมันมะเร็งขั้นสุดท้าย 
ประสาทกินไปหนึ่งวันหนึ่งคืน แล้วก็คิดว่า..เชี่ยเอ๊ย ตายเป็นตาย 
เวลาที่เหลือจะต้องดีสุดสุด ที่คิดได้ มันได้คิดอยู่สองเรื่อง คือ
ไม่กลัวและไม่เร่งไม่กังวล !!!! 
ไม่กลัว : ไม่กลัวเจ็บ ยังมีชีวิต มันก็ต้องมีเจ็บ 
ไม่กลัวป่วย เพราะยังไงก็ต้องป่วย และมันมาแล้ว
ไม่กลัว = ไม่ทุกข์
ไม่กลัว = ไม่ทรุด
การไม่กลัวมันทำให้เราชนะ ไม่ทุกข์ใจ ไม่เบียดเบียนตัวเอง
ที่สำคัญ มันมีแต่ชนะกับเสมอ ไม่มีแพ้นะ
ยังหายใจ มีชีวิตนี่คือ ชนะแล้ว
ไม่หายใจ ความเจ็บ ความป่วย มันก็สูญสลายหายไปด้วย
...มันได้แค่เสมอเราเท่านั้น...
เมื่อเจ็บ เมื่อป่วย มันแค่ความไม่สมดุล
ไม่สมดุล...มันก็เจ็บ ก็ป่วย ไร้พลังชีวิต
เรียกพลังกลับด้วยความไม่กลัว
คิดเสียว่าพวกนี้มันฝึกความมีน้ำอดน้ำทนให้เรา
บางเจ็บมันก็เป็นเวรกรรม ถือว่าชดใช้ไปก็แล้วกัน จบข่าวเลย
เราไม่เพิ่มเวรกรรมโดยให้ใจเป็นทุกข์ ซึ่งมันก็ดีนะ
ทำสิ่งแวดล้อมใจให้มันโล่งๆ สบายๆไป ช่วยได้เยอะ
ไม่เร่ง ไม่กังวล : ตอนนั้นคิดว่าอยากหาย
คิดอีกทีมันจะหายมั๊ย คำตอบ คือ....
คงไม่ ถ้าเป็นมะเร็งจริง มันฟื้นยาก
แต่ถ้าโรคธรรมดา คิดอยากฟื้นเร็ว คิดได้ มันหายได้ แค่อย่าเร่ง
ยึดเร่ง ยึดเร็ว หายไม่ทันใจนี่มันยิ่งทุกข์ ยิ่งเครียด ยิ่งกังวล
ดูแลให้เต็มที่ เมื่อเต็มที่แล้ว ทำใจไป
ใจมันจะดีขึ้น ใจดี เจ็บน้อยลงจริงๆ 
ตรวจใจไปเลย ยึดมันมากไปไหม
หายเร็วหรือช้าช่างมัน ไม่หายก็ยังต้องช่างมัน
ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ใจร้อน
พักกาย หยุดใจ = หยุดทุกข์
คิดว่าเรายังมีบุญให้อาศัย จิตใจจะชื่นมื่นขึ้น
คนเราต้องเจอเวลาแบบนี้กันบ้าง จะเร็วจะช้าเท่านั้น
ทำใจยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
.....และมีชีวิตต่อไปให้มันงาม...ดีกว่าเยอะ
คือ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ชีวิตยังมีเรื่องดีงามให้ยิ้มได้ก็แล้วกันน่า
คนไม่อ่อนแอยามเจ็บป่วย แต่อ่อนแอตอนคิดไม่ตก !!


วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 190

สิ่งที่ทำและที่ว่าดี มันดีจริงๆใช่ไหม
คนเราต่างมีเหตุผลของตัวเองในการจะทำอะไร
และส่วนใหญ่เราคิดว่าที่ทำไปนั้น มันใช่ มันถูกต้อง มันดีแล้ว
คือ ถ้าเอาเหตุผลของตัวมาคุยกัน มันไม่จบ และไม่ต้องอ่านต่อ...

ชีวิตคนนี่มันมีหลักอยู่เพื่อให้พิจารณา ทบทวนตัวเองอยู่นะ
คือ สิ่งที่พูดที่ทำมันต้องสอดคล้องกันกับ 3 เรื่องต่อไปนี้
  1. มันเป็นประโยชน์สำหรับคนหมู่มากหรือเปล่า : เราอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ทุกคนมีเพื่อนร่วมงาน มีเพื่อนฝูง มีหมู่พี่น้องญาติโยม หรือแม้แต่ชุมชน สังคม ประเทศและโลกใบนี้  สิ่งที่ทำถ้ามันเอื้อประโยชน์ให้คนในกลุ่มทั่วกัน ทำแล้วสมานสามัคคีกัน ชีวิตดีขึ้นด้วยกัน อันนี้ทำไปก็ไม่เสียใจ แต่ถ้าทำไปแล้วเห็นแค่ประโยชน์ตัวเอง หรือแค่คนไม่กี่คน อันนี้ติดลบไป จะบอกว่าทำถูกทำดีไม่ได้ 
  2. มันเป็นการเคารพสิทธิ์กันและกัน : เรื่องนี้ไม่ได้ยาก เมื่อไหร่ละเมิด คนจะมีปฎิกิริยาที่ไม่น่าอภิรมย์ตอบกลับมา ถ้ากำลังกลุ้มว่าทำไมคนนู้นคนนี้ทำแบบนี้ ต้องหันกลับมาดูตัวเราว่ากำลังละเมิดอะไร ใครอยู่หรือเปล่า คนนั้นเกิดมามีสิทธิเท่าเทียมกันนะ จะเป็นจ่าฝูง ผู้นำ หัวหน้า ผู้ปกครองก็ต้องให้สิทธิ์นั้นทันที บางทีคนติดตำแหน่ง ติดกับดักความเหนือ จนลืมคิดถึงมุมนี้ไปก็มี อยู่กันไม่ไปค่อยสงบ ทำอะไรให้แน่ใจว่าเราไม่ละเมิดสิทธิ์ใคร มองคนให้เป็นคน ทุกคนมีค่า มีเวลาของตัวเอง อย่าคิดแต่สิทธิ์สบายของตัวเองแล้วไปละเมิดคนอื่น ถ้าคิดไม่ออกก็เอาง่ายๆว่า ถ้าเราถูกทำแบบนั้นบ้างเราจะชอบใจไหม ไม่ได้ยากนะ
  3. มันยุติธรรม : ออกแนวหลักการจัดหน่อย แต่มันจริงในชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นใครมีความสัมพันธ์กันแบบไหน สิ่งที่ต้องมี คือ ชีวิตนี้มันต้องยุติธรรมกับทุกคนอ่ะนะ ความยุติธรรมไม่ได้มีไว้ให้เลือก มันมีไว้ให้ทำ มีไว้ให้ทบทวนตัวเอง เราให้ใครทำอะไรให้ ถึงแม้จะมีการตอบแทน นั่นคือมันแลกกันแล้ว ไม่ได้เป็นบุญคุณทั้งชาติ ส่วนใหญ่นายจ้างจะถือเอาเป็นบุญเป็นคุณ ว่าอุตส่าห์จ้างให้งานให้เงิน แต่ลองคิดดูว่ามันเป็นอาศัยซึ่งกันและกันไหม คิดเป็นบุญคุณนี่มันยุติธรรมแล้วหรือ ถ้าเราคิดว่าเราได้ เขาก็ได้ มันจบตรงนั้นแล้วนะ ความยุติธรรมมันไม่ใช่แค่เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ไอ่เรื่องความคิดนี่แหละ มันสำคัญกว่า เพราะคิดไม่ยุติธรรมนี่มันทำให้ความสัมพันธ์ดิ่งลงได้เหมือนกัน 
ชีวิตนี้มีเรื่องให้ทำมากมายทั้งเรืองใหญ่ เรื่องเล็ก 
ลองทบทวนดูว่าที่เราทำๆไปนั้น
...ที่ว่าดี มันดีจริงๆใช่ไหม...


วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 189

ปล่อยคนโง่ให้เป็นไปตามกรรม
ก่อนอื่น...มาดูกันว่ายังไงบ้างที่เรียกได้ว่า “โง่”
👉โยนความผิด : คนธรรมดาถ้าผิด ก็จะรับได้และใช้มันเป็นบทเรียน แต่ถ้าผิด แล้วโยนความผิดให้คนอื่น เรียกว่าโง่ (แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิด)
👉ถูกเสมอ : อันนี้สืบมากจากข้างบน คือ ยังคิดว่าตัวเองถูกตลอด สังเกตุได้ว่าเวลามีข้อขัดแย้ง จะเถียงเอาเป็นเอาตาย ไม่มีฟังชาวบ้าน ใช้ตรรกะวิบัติ เหตุผลวิบัติไปเรื่อยๆ
👉ก้าวร้าว กลบเกลื่อน : มีวิจัยมาว่าพวกฉลาดน้อยจะก้าวร้าวมากกว่า คือ เมื่อคุมสถานกาณ์ไม่อยู่ จนด้วยเหตุผล อะไรไม่เป็นดังที่คิด จะมีอาการโมโห ก้าวร้าวกลบเกลื่อนหวังสยบให้จบข่าว
👉เหนือตลอด : ไม่ใช่เหนือ-ใต้ แต่เป็นการมองว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น เสียดสี ติติงคนอื่นให้ตัวเองดูดี ตัดสินโดยมีความลำเอียงเกาะติดตลอด มีวิจัยว่าพวกไอคิวต่ำจะรับอะไรได้ยาก เข้าใจอะไรยาก ไม่เหมือนพวกฉลาดที่พร้อมจะเข้าใจ เห็นใจ ทำอะไรให้ใครช่วยเหลือใครก็ไม่หวังผล แต่พวกคนโง่จะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ อัตตามันสูง เมื่อให้แปลว่าต้องได้รับตอบแทน ก็คนอย่างฉันอุตส่าห์ให้คนอย่างเธอ ประมาณนั้น 
เมื่อเจอแบบนี้ วิธีที่น่าจะดี คือ อย่า “กดปุ่มโง่” คือ ถ้ารู้ว่าโง่ ก็อย่าไปกดปุ่มให้โง่ซ้ำๆ เลี่ยงการกดปุ่มเปิดระบบป้องกันตัวและอีโก้โง่ๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับการเถียงกับคนโง่ ถ้าต้องคุย ก็เอาเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวให้ตรงประเด็น หรือ หยุดได้ก็หยุดดีกว่า เล็งจังหวะที่ควรจะหยุด อย่าพยายามเอาชนะ เพราะจะไม่มีวันชนะคนโง่ และยิ่งบ้าด้วยนี่ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม จะใช้เหตุผล หลักฐานอะไรมาให้ดูก็คงไม่สน เผลอๆมีท้าทายกลับมา เราจะเสียอารมณ์เองด้วย 
เอาเป็นว่า...ขอไม่เจอดีกว่านะ มันเหนื่อย !!