วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

คิดวันละอย่าง # 279

 อาจเป็นเรื่องเล็กสำหรับใคร แต่แบบนี้ไม่ไหวจะเคลียร์ 

อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะในวงเพื่อนหรือในวงงาน มันมีเรื่องต้องเคลียร์อยู่ไม่กี่เรื่องที่จะทำให้อยู่ดีมีสุขด้วยกัน 

➡️การไม่เสมอต้นเสมอปลาย : คนแบบนี้ผิดหลักสมานัตตตาในสังคหวัตถุ 4 นะ เป็นเพื่อนก็จะจัดการได้ยาก เพราะปฏิบัติกับเพื่อนไม่เท่าเทียมกัน ร่วมทุกข์ยาก อยากแต่จะร่วมสุข เพื่อนจะเพลียมาก และยิ่งถ้าทำงานด้วยนี่ จะยากแสนเข็ญ ไม่รู้จะเอายังไงแน่ time line การจัดการเรื่องต่างๆไม่ชัดเจน พูด สัญญาอย่างไรก็ไม่ทำตามนั้น อันนี้มันทำให้ไม่เหลือความไว้วางใจ และจะพลอยมีวัฒนธรรมลื่นไหลโกหกเพื่อเอาตัวรอดตามมา 

➡️การอยู่แต่ใน Comfort Zone : กลัว ไม่กล้า ซ่อนสบายใจในกะลาตัวเอง แบบนี้มันจะสร้างสรรค์อะไรได้ ไร้การพัฒนาเรียนรู้ใดใดเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นพวกหวังได้แต่ไม่คิดไม่ทำ มันจะเหมือนอยากถูกหวยแต่ไม่ยอมซื้อหวยประมาณนั้น ถ้าอยู่ในองค์กรมันจะเป็นบรรยากาศที่คนจะสนใจแต่งานตัวเอง ต่างคนต่างทำ ไม่ปรึกษาหรือแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ไม่มีภาพของการแบ่งปันความคิด การทำงานไม่สนุกไม่มีความสุข คนก็แค่มาทำหน้าที่ให้จบไปวันๆ องค์กรจะไม่มีการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์เพราะคนไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ 

➡️การไม่ซื่อ : อันนี้บาปหนัก ถ้าเพื่อนกันโกงกันหน้าด้านๆ แบบนี้ไม่ไหวนะ อันนี้ถือว่าร้ายแรงบ่อนทำลายองค์กรที่สุด ไม่จัดการทันทีจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่เลวร้าย คนที่ทุจริตคิดไม่ซื่อจะเหมาเอาเองว่าการกระทำทุจริตไม่ใช่อาชญากรรม และลามปามไปถึงมุมมองที่คนในองค์กรจะเห็นพฤติกรรมทุจริตว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ผิด จะทำให้คนสามารถกระทำการทุจริตในงานได้อย่างหน้าตาเฉย เป็นการส่งเสริมให้คนกระทำการทุจริตโดยปราศจากความรู้สึก สำนึก และตระหนักว่าการกระทำนั้นผิดจริยธรรมหรือกฎหมาย แบบนี้มีแต่เสื่อมลงทุกวัน ไม่มีวันเจริญ 



วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564

คิดวันละอย่าง # 278

เวลาไม่ใช่สิ่งที่รับรองความสัมพันธ์ว่าต้อง “ฟิตเฟิม” ยิ่งอยู่กันนานยิ่งเข้าใจนั้น บางทีไม่จริง คนมันเปลี่ยนน่ะ ทั้งร่างกายจิตใจ ส่งถึงความคิดอ่าน หลักการอะไรก็มีเพี้ยน เข้ากันได้มั่งไม่ได้มั่ง
ดังนั้น อะไรที่ไม่เข้ากัน ก็ไม่ควรผลัก ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต เพราะสุดท้ายยังไงๆก็ไม่สามารถลงล็อคพอดีได้ ฝืนไปไม่ใครก็ใครต้องเชือนเนื้อเถือหนัง และคนที่ยอมนั้น จะยอมไปได้ตลอดหรือ แล้วไอ่คนที่ไม่ยอมก็ได้ใจเชือนเอาๆก็ได้หรือ มันไม่สมดุล มัน “ฟิตเฟิม” ไม่ได้

ชีวิต จะอยู่สบาย..ไม่ควรฝืน เพราะยิ่งฝืน คนที่จะบ้าก่อน คือ ตัวเอง ลองดูนะ มีอาการแบบนี้มั่งไหม

- เพลีย ไม่มีแรง บางทีแน่นท้อง ท้องผูก ปากคอแห้ง อันนี้อาการทางกาย

- สมาธิแย่ลง เหม่อลอย ไปไหนมาสามวาสองศอก ผิดๆถูกๆ หลงลืมง่าย

- ลังเล ตัดสินใจไม่ค่อยได้ ต้องถาม ไม่มั่นใจ คับข้อง ทรมานใจแปลกๆ

- เบื่อหน่าย เก็บตัว เคยทำอะไรแฮบปี้ ตอนนี้ไม่อยากจะทำ ไร้อารมณ์ร่วมใดใด

ถ้าถูกทุกข้อนี่ ตัวใครตัวมันนะ

คาถาเดียว คือ อย่าฝืน !!!

ชอบก็ว่าชอบ ไม่ชอบก็บอก
ธรรมชาติๆไป ใครรับได้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเรา
มีชีวิตแขวนที่ความคาดหวังคนอื่น มีแต่เหนื่อย
ศีลไม่เสมอกัน ก็ตามมารยาทไป ไม่ต้องเยอะ
ความสุขเรา คนอื่นไม่เกี่ยว
มีชีวิตมาได้ขนาดนี้ถือเป็นบุญ
ทำอะไรไม่ได้ก็ สวดมนต์แผ่เมตตา จบข่าว



📍


วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564

คิดวันละอย่าง # 277


โดนด่าเป็นธรรมดาของคนบนโลก

จงสบายๆไปนะ 😊
1 พวกนี้อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรามาแต่ชาติปางก่อน แผ่เมตตาไปรัวๆ เราอาจเคยว่าร้าย ทำไม่ดีมาก่อน ให้อภัยไป
2 ขำขำไปบ้างก็ดี ยิ่งถูกบิดเบือนใส่ร้ายเรื่องไม่จริงก็ยิ่งแปลว่าพวกนี้หมดหนทางไป นิ่งไป ใส่อารมณ์ขันจะทำให้สงบสุขได้ พึงขำชนะความโกรธ
3 มันแค่ “เป็นไปแบบนั้น” เกิดได้ก็จบได้ ใครมันจะมานั่งด่าเราตลอดชีวิต ถูกหมาเยี่ยวรดบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีเหตุให้จิตตกขนาดนั้น
4 คนโดนด่า คือ คนที่มีจุดยืนชัดเจน จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ไม่โดนด่าคือคนกลางๆลอยๆไม่มีข้อขัดแย้งกับใคร อยู่โซนปลอดภัย ไร้จุดยืน จงสบายใจที่โดนด่าเพราะเราหลักการชัด
5 ความดีย่อมเป็นเกราะคุ้มภัย ถ้าเราดีจริง ต่อให้ขุดโคตรขึ้นมาด่า ก็จงอย่าสะเทือน อย่าทุกข์ใจ ยิ่งด่าเท่าไหร่ แปลว่าสิ่งที่ทำนั้นมันถูกต้องแล้วตามทำนองคลองธรรม จงภูมิใจที่เป็นคนดีที่เข้าใจโลก
6 การปกป้องตัวเอง นิ่งเฉย ไม่ใช่การโต้ตอบ แต่เป็นการเลี่ยงการปะทะแบบมีสติปัญญา ถ้าคันมากทนไม่ไหวอยากโต้ตอบ ก็เอาความจริงเข้าสู้เท่านั้น ไม่มีอะไรเหนือความจริงไปได้
7 ใจไม่เข้มพอ อย่าฟัง อย่าอ่าน อย่ารับรู้ มันจะโอละพ่อ มิจฉาทิฐิจะพุ่งสวนแซงอะไรทั้งปวง จนกว่าจิตแกร่งแล้ว มีภูมิคุ้มใจแรงพอ ก็รับรู้ไปตามนั้นได้แบบเท่าทัน ไม่ปรุงเพิ่ม รับรู้แบบสบายใจ
8 ยามโดนด่า เพื่อนสำคัญมาก จะรู้ว่ารักกันจริงก็ตอนนี้ มันดีต่อใจที่มีคนเคียงข้างยามทัวร์ลง แต่ถึงยังไงก็อย่าคาดหวังมาก ทุกคนก็มีวาระต่างกันไป เรื่องของเรามันอาจจะไม่ใช่เรื่องของเขา ถึงแม้ทุกทีที่เขามีเรื่อง เราโดดใส่ให้ก็ตาม ถึงแม้มีเพื่อนจะดีแต่สุดท้าย คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใจเป็นที่พึ่งแห่งใจตน
9 สำคัญที่สุด คือ ที่โดนด่านี่ เราอยู่ในความเป็นธรรม ไม่ได้ชั่วใช่ไหม อย่าหลง อย่ามั่นใจไร้สติเกิน เราไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้งใช่ไหม ทบทวนบ่อยๆ เราจะไม่หลงทางและยืนท่ามกลางการด่าแบบสง่างาม
นี่ก็คล้ายกับปฎิบัติธรรมอยู่หน่อยๆนะ โดนด่ายังไงก็อย่าให้ใจมันทุกข์ร้อน รักษาใจให้เข้มแข็งได้ ก็จะสบายขึ้นมาก