วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยิ่งแก่ ยิ่งตัวกู ของกู


ยิ่งแก่ ยิ่งเร่งร้อน หลายอย่างค้ำคออยู่ ตัวสั่นงันงก
ยิ่งเร็ว จะยิ่งช้่า

อ่านมา..ชอบ... เรื่องมีอยู่ว่าชายคนหนึ่ง อยากเป็นนักฟันดาบที่เก่งกาจสามารถจึงไปหาอาจารย์สอนฟันดาบเพื่อให้ช่วยสอน  คำถามแรกที่ถาม คือ "จะใช้เวลานานกี่ปี" ได้คำตอบว่า "ประมาณ 7 ปี" จึงชักรวนเรเพราะ 7 ปีนี้มันเป็นเวลาที่นาน ถ้าพยายามให้สุดฝีมือ สุดความสามารถในการฝึกฝน ทั้งกำลังกายและกำลังใจทั้งหมด จะใช้เวลาสักกี่ปี อาจารย์บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นจะต้องใช้เวลาสัก 14 ปี" (เอ้า..ดันกลายมาเป็น 14 ปี)  มีการโอดครวญต่ออีกว่า...พ่อแก่มากแล้ว จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เขาจะพยายามอย่างสุดสุด ให้พ่อได้ทันเห็นฝีมือฟันดาบก่อนตาย ให้เป็นที่ชื่นใจแก่พ่อ จะพยายามอย่างยิ่งยวดให้ได้ทันตอบแทนพระคุณของพ่อ จะต้องใช้เวลาสักเท่าไร ขอให้อาจารย์คิดดูอีกครั้ง ท่านอาจารย์ก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นต้อง 21 ปี" (หนักเข้าไปอีก) ชายหนุ่มงง แต่ไม่มีทางเลือกเพราะอาจารย์คนนี้เก่งสุดสุด จึงต้องอยู่เรียนรู้ไป

       
อาจารย์จึงสั่งให้ไปทำงานในครัว ตักน้ำ ผ่าฟืน และงานทุกอย่างที่อยู่ในครัว แทนการสอนให้จับดาบ ฟันดาบ (ภาพเฉินหลงหาบน้ำ ผ่าฟืน หุงข้าวในหนังจีน) เมื่อเวลาผ่านไป...วันดีคืนดีอาจารย์ผลุนผลันเข้าไปในครัวด้วยดาบทั้งสองมือ ฟันชายหนุ่มโดยเขาไม่รู้ตัว คราวนี้โอละพ่อ พี่แกเลยต้องสู้ตามเรื่องตามราว ตามกำลังจะสู้ได้ คว้าเอาสิ่งของที่อยู่ใกล้มือแทนดาบ ไม่นานการต่อสู้ก็จบลงโดยอาจารย์เดินจากไป....หลายวันต่อมาก็มีอีกรอบ อีกรอบและอีกรอบโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จนกระทั่งอาจารย์บอกว่ากลับบ้านได้ แปลว่าจบหลักสูตรแล้ว ต่อมาคนนี้กลายเป็นนักฟันดาบที่โด่งดังมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น

คนเราบางที ลืมเสียบ้างว่ากูเป็นใคร กูอยากเก่ง กูมีวาระของกู (ทั้งที่ตัวกูทุกกูจริงจริงก็แค่เกิดมาเป็นคน เดี๋ยวก็ตาย ไม่ต้องคิดอยากให้มันมาก) เหมือนตอนที่ชายคนนั้นอยู่ในครัว ไม่มีความรู้สึกว่าตัวกู ของกู (เพราะมัวแต่ตักน้ำ ผ่าฟืน หุงข้าว ฯลฯ) กูจะต้องฝึกฟันดาบเก่งให้ได้ หรือ ให้พ่อทันได้เห็นความสามารถให้ได้ ความรู้สึกนั้นมันไม่มีในตอนนั้น ทำให้จิตว่างเปล่า ต่อให้มีใครผลุนผลันเข้าไปในลักษณะใด จิตที่ว่างก็มีมากพอจะต่อสู้ออกไปอย่างถูกต้องได้ เขาว่ากันว่า..มันเป็นการปลุกจิต ให้กลายเป็นจิตเบิกบานเต็มที่ สามารถออกท่า หาอาวุธใช้การได้เลย ไม่ต้องรอนานถึง 7 ปี ประมาณนั้น 
     
อันนี้.. คนแก่ทั้งหลายต้องนึกดูว่าความรู้สึกที่เป็นตัวตน ของกูอยู่ตรงไหน เหมือนจะทำอะไรก็ตาม ถ้ามีความคิด ความรู้สึกอย่างที่ว่า
เป็นตัวกูของกู เป็นชื่อเสียงของกู หรืออะไรก็ตามของกูมันเต้นเร่าก้องอยู่ในใจ คงจะไม่มีวันแม่นยำ คมชัดในการใช้ชืวิต เพราะว่ามันจะสั่น 
มือสั่น ใจสั่น ประสาทสั่น ไม่นิ่ง ไม่ว่างด้วยตัวกูหรือของกูนี้แหละ ถอดห่วง กล้าๆหน่อย ลืมๆไปบ้างก็ได้...ตัวกู ของกูไม่มีเหลือ...ให้เหลือสติ เหลือปัญญาไว้คิดอ่าน อะไร อะไร จะได้ไม่สั่น.... 

หมายเหตุประเทศเชียงใหม่
ตอนนี้เหลือ.... แม่กู ลูกกู เพื่อนกูอยู่ (หมากูก็ตายไปแล้ว) อย่างอื่นไม่ค่อยจะมี.. หน้าก็ไม่อยากได้ ชื่อเสียงไม่มีมานานแล้ว เหลือแต่งาน..ที่จริงๆก็ไม่ใช่ของกู แต่ต้องทำเดี๋ยวไม่มีกิน ความอยากได้ใคร่มี ยังมาเป็นพักๆ เช่น อยากดูดีไม่มีพุง อยากเที่ยว เป็นต้น ก็ยังตัวกูอยู่ดี..