วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาพลวงตา มายาลวงใจ



ทุกวันนี้เราอยู่โดยแสวงหาความเห็นชอบกัน แสวงหาความเข้าใจกันอยู่  เราพยายาม "หาเรื่อง" มาสนับสนุนความคิดให้ตัวเองยอมรับได้  ถ้าชีวิตเราก็เรียบๆง่ายๆ ก็ไม่เป็นไร สบายๆไม่ต้องคิดมาก แต่หลายคนหลายครั้งมันสับสน วุ่นวาย ซับซ้อนและเราก็ใช้ทุกวินาทีคิด ตัดสินใจ พยายามให้ตัวเองชัดเจน หลีกเลี่ยงความคลุมเครือ ที่หนัก คือ โดดเข้าใส่วิจารณญาณของเราทันที ด่วนสรุปไปก็มี เพราะเราไม่อยากผิด ไม่อยากแพ้  เชื่อเหอะ..เป็นกันทุกคน มีมายาลวงใจกันทุกที่ และมายาอะไรบ้างที่ลวงใจคนอยู่ทุกวัน
  1. ปรากฏการณ์ฮาโล (halo effect) จริงๆแล้วน่าจะเป็นเฮโล เฮละวา หรือ เฮไหนเฮนั่นมากกว่า มันเป็นการนำเอาคุณสมบัติเพียงบางอย่าง หรือ ส่วนหนึ่งที่ดีๆ หรือไม่ดีมาอธิบายลักษณะโดยรวมทั้งหมด เช่น ผู้หญิงสวยต้องนิสัยดี หรือ ผู้ชายหนวดเครารุงรังต้องโจรแน่ และไม่ใช่แค่การรับรู้เกี่ยวกับคน  แต่มันกินรวบไปถึงกลุ่มคน สิ่งของ สินค้าและอื่นๆอีกเยอะ เช่น นปช = ควายแดง อาหารแพงต้องอร่อย เป็นต้น  มันอันตรายตรงนี้  ถ้าเราเกิดถูกใจคนแม้เพียงอย่างเดียวที่เป็น เราจะลืมภาพรวมที่แท้จริงไปเลย เขาพูดอะไร ทำอะไรก็จะได้เครดิตจากเรา กลายเป็นคนดีไปเสียฉิบ   แล้วสุดท้ายอาจต้องมานั่งเจ็บใจตัวเอง เหมือนไปเมืองจีนล่าสุดเจอพี่จีนล้งเล้ง ถ่มถุย พูดเสียงแปดหลอดข้ามหัวเป็น stereo type มาเลย ทำให้เข็ดขยาด อาจอดดูอะไรดีๆที่เมืองจีนในอนาคต หรือที่โดนเศษฝรั่งหลอกที่ฝรั่งเศส ก็ชวนให้มองพี่เศสเป็นพวกทุเรศไป  ไอ้เฮโลแบบนี้มันทำให้การพิจารณาของพวกเราผิดเพี้ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์  และมันมาบ่อยๆอีกด้วย
  2. ลำเอียง (availability bias) เป็นของคู่กับคนมานานแสนนาน เป็นความมักง่ายของเรา เป็นการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเท่าที่มีอยู่ ข้อมูลไม่พอก็ไม่ไปขวนขวายหามา พระพุทธองค์ทรงแบ่งความลำเอียงออกเป็น 4 ชนิดตามสาเหตุ ได้แก่ ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรักใคร่ เลิฟกัน คนพิศวาสกันทำอะไรก็ถูกใจไปหมด  โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ ไม่ชอบขี้หน้ากันทำดีแค่ไหนก็ไม่ขึ้น โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง อันนี้น่าจะรวมอคติเพราะความโง่ไว้ด้วยแล้ว ภยาคติ ลำเอียงเพราะขลาด กลัวภัยจะมาถึงตน กลัวเสียผลประโยชน์ เหล่านี้มันเป็นเพราะว่าเราใฝ่หาแต่ข้างที่เข้ากับเราได้ ความลำเอียงจะแข็งแรงยิ่งขึ้นตามประสบการณ์ที่ไม่ว่าจะพบเอง อ่านมา ฟังมา ดูโฆษณามา มันจะยิ่งชัด และเราก็คิด ตัดสินใจตามนั้น  ใครบ้างไม่เคยซื้อของมีแบรนด์ที่บางทีก็เห็นกันชัดๆว่าของอื่นไม่มีแบรนด์แต่ดีกว่า ถูกกว่า มันเชื่อไปแล้ว ยุ่งแน่ๆ
  3. ตีกรอบ (framing affects) พวกเราล้วนมีกรอบกับทุกอย่างที่เราเชื่อ มันเป็นบริบทของเรา เป็นการตีกรอบการรับรู้บริบทของคนอย่างหนึ่งจากสถานการณ์เดียวกัน แต่หากมองด้วยมุมมองที่แตกต่างกันออกไป การรับรู้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น เมื่อเจออุปสรรคขัดขวาง ถ้าเราไม่เอาไหนก็จะมองว่าสวรรค์แกล้ง ฟ้าไม่เป็นใจ แต่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะมองว่ามันคือความท้าทายที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับเรา บางครั้งเราหมกมุ่นอยู่กับปัญหาด้านหนึ่งมากจนเกินไปจนลืมที่จะมองภาพในมุมกว้าง ซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจแก้ปัญหาได้ดีขึ้น อย่างช่วงนี้ฝนตกมากจนตะไคร่จะขึ้นตัวเขียวไปหมดแล้ว ถ้าจะโทษฟ้าฝน ผ้าไม่แห้ง เดินทางไม่สะดวก ก็ลองจ้องมองสายฝนดีๆอีกที มันให้ความรู้สึกดี ชุ่มฉ่ำ ชื่นใจ โรแมนติกพิลึกก็เป็นได้
  4. ความเข้าใจว่าตัวเองเข้าใจดีแล้ว (illusion of understanding) อันนี้ตัวดี คิดว่าตัวเองรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งที่ความจริงยังมีอะไรอีกตั้งเยอะที่ยังไม่รู้  คนเราต้องการ make sense กับทุกอย่างในโลกส่วนตัวของเราเองที่มาจากประสบการณ์ในอดีต  มันจึงกลายเป็นคำที่อุทานกันบ่อยๆว่า “ฮาว่าแล้ว”  hindsight bias ไปกันใหญ่   ซึ่งมันยากในการกลับตัว กลับความคิด มันฟูมฟักความมั่นใจไร้สติในการมองอนาคต ทำให้ขาดวิสัยทัศน์ พวกนี้ยังลามเลยไปถึงการ overestimate ทักษะ สมรรถนะที่ตัวเองมี หรือ ที่ใช้ในการตัดสินคนอื่น เป็น overconfidence bias มั่นใจแบบไร้ความรอบคอบ โดยไม่ใช้ concrete evidence เพราะมัวแต่..ฮาว่าแล้ว ว่าแล้วเชียว
  5. โลกสวยงามเกินจริง (optimistic bias) มันมีเหตุการณ์เยอะที่เป็นข้อพิสูจน์สิ่งนี้ เช่น ทำไมอาชญากรอย่างทักษิณถึงคิดว่าตัวเองไม่มีวันแพ้ ทำไมคนถึงโดดเข้าไปทำธุรกิจโดยไม่เห็นโอกาสที่จะรวย ทำไมวัยรุ่นถึงอยากโตขึ้นเป็นแบบ ณเดชณ์ แบบแพรี่พาย บางครั้งเราก็แค่หาข้ออ้างสวยๆเป็นกำลังใจตัวเองโดยไม่ได้ดูความเป็นจริงที่มันโหดกว่า..แต่มันจริง
ชีวิตเรามันสร้างมาจากผลของจิตสำนึก ซึ่งทุกคนอยากจะเปลี่ยนมุมให้เกิดสิ่งดีๆที่เป็นผลกับตัวเอง  มันเป็นความท้าทายอันใหญ่ยิ่งของคนที่จะ stay conscious ตื่น มีสติ และตระหนักรู้... เหล่านี้ไม่ได้ง่าย..ใช้ความพยายามอย่างแรง ขอจบดื้อๆด้วย Freud ก็แล้วกัน
“Illusions commend themselves to us because they save us pain and allow us to enjoy pleasure instead. We must therefore accept it without complaint when they sometimes collide with a bit of reality against which they are dashed to pieces.”