วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

เรือคนละลำ


มีใครไม่ทราบว่าไว้ WE ARE NOT IN THE SAME BOAT
...หลายคนว่าเราอยู่บนเรือลำเดียวกัน แต่มันไม่น่าจะใช่
เราอยู่ภายใต้พายุเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่บนเรือลำเดียวกัน
บางคนยังอยู่บนเรือดีดี แต่เรือของบางคนอาจแตกไปแล้ว
สำหรับบางคน quarantine มันได้เลย มันเป็นช่วงเวลาปรับตัว ทบทวน แต่ quarantine สำหรับหลายคน คือ ช่วงวิกฤติทางการเงิน อาจถึงสิ้นหวัง
บางคนที่โดดเดี่ยว ยิ่งเหงาจัด เหงาไม่สิ้นสุด 
ในขณะที่บางคนรู้สึกสงบ ได้อยู่กับครอบครัวเต็มที่
เงิน 5000 สำหรับบางคนมันช่วยชีวิต
แต่สำหรับบางคนมันแค่เงินบนตู้เย็น
บางคนบ่นด่าว่าไม่ได้กินเหล้า จิบไวน์ช่วงสงกรานต์
หลายคนแม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน
บางคนอยากกลับไปทำงานเพราะต้องการเงิน
ในขณะที่บางคนอยากจะฆ่าพวกที่ไม่กักเก็บตัว
บางคนติดเชื้อเกือบตาย เสียคนที่รักไป หรือกำลังทุกข์ใจว่าจะรอดไหม แต่หลายคนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน ยังถามหาเสรีภาพอยู่เลย
บางคนมีความหวังว่าจะมีปาฎิหารย์ในปี 2020
แต่บางคนว่าไอ่ที่เลวร้ายกว่านี้มันยังมาไม่ถึง
เรื่องนี้จริงมาก...เราไม่ได้อยู่บนเรือลำเดียวกัน เรามีความรู้สึก ได้ประสบการณ์จากเหตุการณ์โควิด 19 แตกต่างกันมาก แต่ละคนเอาตัวรอดแหวกว่ายในพายุเดียวกันโดยวิธีใครวิธีมัน สิ่งสำคัญ คือ เราคงต้องมองให้ลึกกว่าที่ตาเห็น เราอยู่บนเรือที่แตกต่างกันภายใต้พายุนี้ และมีการเดินทางที่แตกต่างกันมากด้วย !!

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 263

มนุษย์กับโลก 🌏 เหตุผลที่เราต้องเจรจากัน
เมื่อมนุษย์ได้เว้นว่างและห่างหายไปจากที่ต่างๆหลายแห่งในโลก
....ธรรมชาติเยียวยาตัวเองได้อย่างมหัศจรรย์ 🌳🗻🏞🛤🐋🦌
คำตอบไม่สำคัญเท่ากับการทบทวนปฎิสัมพันธ์ของเรา..เหล่ามนุษย์กับธรรมชาติ มันต้องปรับสัมพันธ์กันใหม่ให้แตกต่างจากที่เคยเป็นมา 
มนุษย์ถูกกำหนดให้เป็น "ตัวยืน" ในระบบนิเวศโลกและเครือข่ายห่วงโซ่อาหาร ไม่ใช่เพราะเราสำคัญที่สุด แต่เพื่อให้เราต้อง “ดูแลโลก”
มนุษย์ คือ ผู้ถูกเลือกให้รักษาสมดุลธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์
มนุษย์ต้องยอมรับธรรมชาติที่หลากหลาย ปกป้องแผ่นดิน น้ำ อากาศ ท้องฟ้า ให้เหมือนกับบรรพบุรุษที่เคยทำมาด้วยความนอบน้อมต่อธรรมชาติ เราจึงได้มีโอกาสได้เจอธรรมชาติที่อุดมสมบรูณ์ โลกที่สวยงาม 
ทว่า..ที่ผ่านมา เรากลับเหิมเกริมเอาโลก เอาธรรมชาติมารับใช้จนใกล้จะวอดวาย ซึ่งมันก็ทำให้เราชิบหายไปด้วยในที่สุด โดนกันทั่วทุกทวีปไม่มีเว้น ตอนนี้มันถึงเวลาต้องเจรจากันใหม่แล้วนะ...
ระหว่างมนุษย์กับโลก...กับธรรมชาติ !!

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 262

ขอบคุณเพื่อนรัก...เพื่อนแท้ 
ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้เสมอ ไม่เคยทรยศ ดีเสมอทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ขอบคุณที่สู้เพื่อกันและทำให้โลกเห็นว่ามิตรภาพเราแกร่งดังหินผา
ขอบคุณที่ไม่ปล่อยให้คนห่วยๆทำเราแตกแยก 
ขอบคุณสำหรับความโปร่งใสเป็นธรรมทุกอย่างที่เราทำมาด้วยกัน
ขอบคุณที่เป็นกระบอกเสียงสานให้คนเข้าใจในตอนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ขอบคุณที่เสี่ยงกับการเสียความนิยมเพื่อปกป้องกัน 
ขอบคุณที่ไม่ปล่อยให้ความเห็นของคนอื่นมาเปลี่ยนมุมมอง
ขอบคุณที่รัก เมตตา ใจดีต่อกันแม้ในยามทุกข์ยาก ไร้คนนำพา
ขอบคุณที่ทำให้แน่ใจว่า อะไรก็ทำลายมิตรภาพเราไม่ได้
ขอบคุณที่ทำให้โลกรู้ว่าจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำกันเล่นๆ
ขอบคุณที่ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองเวลาเสียศูนย์
ขอบคุณที่เสียสละทำทุกสิ่งให้สัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมั่นคงยืนยาว
ขอบคุณที่รักษาคำพูด รับผิดชอบไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานะการณ์ใด
ขอบคุณที่ทำให้เวลาแห่งความสุข มันสุขโคตรๆไปอีกได้
ขอบคุณที่แสดงให้เห็นถึงความหมายของมิตรแท้
ขอบคุณที่ทำให้ทุกคนรู้ชัดไปว่าเราคือมิตรแท้ของกันและกัน
ขอบคุณที่ยืนเคียงข้างในเวลาพายุชีวิตโหมกระหน่ำ
ขอบคุณที่เข้าใจ
ขอบคุณที่ไม่เห็นแก่ตัว
ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต...และยังอยู่ตรงนี้
มีบ้างไหมเพื่อนแบบนี้ที่ไม่รีรอลุกขึ้นมาปกป้องกันในทันที
...ถ้ามี...โชคดีที่สุด 
หรืออีกที..เอาไว้ทบทวนตัวเองว่าเป็นเพื่อนแท้หรือเปล่า
#เพื่อนแท้ถูกทุกข้อ

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563

หลักการในการมีชีวิตที่ใช่

ถ้ามีคนถามว่า คุณมีหลักการอะไรที่ใช้ประจำในชีวิต คุณจะตอบว่ายังไง สังคม เศรษฐกิจหลังจากนี้จะสับสนอลหม่านมาก ถ้าเราไม่มีหลักการของตัวเองที่ใช่ ชีวิตจะยุ่งยากและมีแต่ปัญหาตามมา โดยเฉพาะ ถ้่าไปเอาหลักการที่เราไม่เข้าใจ ไม่ใช่ตัวเองมาใช้ในการตัดสินเหตุการณ์ต่างๆแล้ว มันจะทำให้ชีวิตผิดทิศผิดทาง 
หลักการที่ “ใช่” นั้นช่วยได้อยู่หลายประการ
➡️ มันคือ “แนวทาง” ที่กำหนดพฤติกรรม ทำให้คนมองเห็นปัญหาต่างๆที่อยู่รอบตัวได้ดีขึ้น กำหนดแนวทาง กำหนดเป้าหมายที่ให้เราสามารถเดินไปอย่างสบายใจ มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต
➡️ มันคือ การตรวจสอบความเชื่อของคน คนมีความเชื่อในเรื่้องต่างๆอยู่แล้ว การมีหลักการจะช่วยตรวจสอบการตัดสินใจ ลดความผิดพลาด ทำให้การตัดสินใจเราเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดขึ้น เพราะมีหลักยึด มีเกณฑ์ที่ใช้ ไม่หลงเชื่องมงายกับอะไรง่ายๆ แต่จะรู้จักเลือกและตัดสินปัญหาสำคัญๆได้ดี มีความเข้าใจโลกทัศน์ของตัวเองถ่องแท้ด้วย
➡️ มันคือ เรื่องของความมีเหตุมีผล อย่างน้อยหลักการที่ใช่ ทำให้เรามีสติ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน รู้ถูก รู้ผิด รู้ดี รู้ชั่ว อะไรคือความถูกต้อง อะไรคือความยุติธรรม อะไรคือการให้เกียรติ อะไรคือความรับผิดชอบ เหตุผลจะทำให้คนมีวิจารณญาณ และทำให้ชนะความถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง เราจะไม่ให้สิ่งที่ไม่มีเหตุผลมาเป็นอุปสรรคทางความคิด ลดความขัดแย้งในตัวเอง
➡️ มันคือ การเข้าใจชีวิต ทำให้คนเกิด “ความใช่และดีงาม” มีโอกาสพลาดในชีวิตได้น้อยกว่าคนอื่นเพราะมีหลักการที่ถูกต้อง ทำให้ชีวิตเดินไปในทางแห่งความสุข มีค่า มีประโยชน์ต่อสังคมรอบข้าง 
มีเวลามากช่วงนี้ ก็ทบทวนลองคิดดูว่าเรามีหลักการที่ดีงามอะไรในชีวิตเราบ้าง จะได้เห็นตัวเองชัดๆและมีหลักยึดที่ใช่ให้ชีวิตเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ ชีวิตที่สวยสง่างาม 

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563

เผื่อใจ...ทุกสิ่งไม่ใช่อากาศถึงขาดไม่ได้

การมองโลก มองเหตุการณ์บ้านเมืองหรือภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่มักจะเห็นแต่ปัญหา หรือด้านลบ การตั้งความหวังมันเป็นเรื่องอนาคตที่ไม่แน่นอน ยิ่งระยะนี้สมหวังยาก ต้องเผื่อใจกันบ้างว่าปัญหาหรือสิ่งเลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ  วิธีเตรียมใจอย่างหนึ่ง คือ การมองว่า ความแก่ ความป่วย ความตาย จะต้องเกิดขึ้น ไม่มีใครหนีพ้น เช่นเดียวกับความพลัดพราก ความผิดหวัง ความเสียใจ แบบนี้มันจะช่วยไม่ให้เราประมาท เพลิดเพลินหลงใหลกับความคาดหวังมากเกินไป
การเผื่อใจจะช่วยให้เราไม่เสียศูนย์เมื่อเจอความพลิกผัน
มันต้องมองชีวิตแบบเผื่อๆกันบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์
➡️ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงเพราะมันเป็นธรรมดาของโลก
➡️ มีความสุขได้ด้วยตัวเอง รักษาระยะห่าง อยู่บ้านก็สุขได้
➡️ คิดให้คนอื่นเกิดสุขด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง
➡️ เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่างของความสุขคนอื่น
➡️ ไม่ควรทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ มองถึงความต้องการคนอื่นด้วย
➡️ มีความรับผิดชอบ เกรงใจสังคมด้วย
คิด “เผื่อใจ” ให้มากในระยะโควิด19 อาละวาดหนัก !!

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563

ความเอื้อเฟื้อกัน

สิ่งที่ชาติต้องการ คือ ความเอื้อเฟื้อกัน ❤️🇹🇭
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นค่านิยมของไทยที่สำคัญ สิ่งนี้ทำให้เราพิเศษแตกต่างจากคนชาติอื่น ซึ่งเราควรยึดถือและนำมาปฏิบัติต่อกันต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในเวลานี้..เวลาวิกฤติ มันจะทำให้เรามีความหวัง เราจะเห็นภาพอนาคตที่สดใส คือ สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทุกคนต่างมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เกิดเป็นความรัก ความสามัคคี สังคมจะเข้มแข็ง มีความปลอดภัยและน่าอยู่อย่างแน่นอน 
ที่ต้องเข้าใจก่อนเป็นอย่างแรก คือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกิดจากจิตใจที่มีความรัก ความเมตตา และความโอบอ้อมอารี แล้วปฏิบัติต่อกันอย่างเกื้อกูล มันเป็นเรื่องข้างใน มีไม่กี่เรื่อง คือ 
❤️ มีน้ำใจ : รู้จักแบ่งปัน เห็นใครเดือดร้อน ไม่นิ่งเฉย ต้องช่วยกัน
🇹🇭 เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม : ไม่ฉกฉวย ไม่เอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว รับผิดชอบต่อสังคมเต็มที่
🥰 ไม่คิดร้าย : คิดแบบมีเมตตา ไม่ทำความเดือดร้อน ไม่สร้างความเสื่อมเสีย ไม่ก่อปัญหา 
เท่านี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลานไทยได้
#การกระทำสำคัญกว่าคำพูด


วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

อยู่บ้านให้สบายใจ


อยู่บ้านให้สบายใจ
  • อย่าคาดหวัง : ระยะนี้สมหวังยาก ปัจจัยเสี่ยงเยอะและลากยาวแน่นอน ทำใจอยู่กับปัจจุบันมีอะไรในบ้านก็ทำไป โดยเฉพาะที่ไม่ได้ทำตอนชีวิตเร่งรีบออกไปทำงาน มองดูต้นไม้ใบหญ้า จัดบ้านช่อง ซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องใช้ จัดดอกไม้ใส่แจกัน วาดรูป เรียนที่อยากเรียนออนไลน์ ฯลฯ สารพัดจะทำได้ในตอนนี้ ที่ไม่ต้องอาศัยความคาดหวัง 
  • อย่าคิดเล็กคิดน้อย : ช่วงโควิด ใครก็หงุดหงิดกัน อะไรไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ปล่อยๆไปบ้างได้ จิตใจจะได้สบาย 
  • อย่าคิดว่าแข็งแรง : ร่างกายคนเรามีถดถอย มีเวลาเยอะก็ยืดเนื้อยืดตัว ออกกำลังกายเบาๆในบ้าน เพราะนอนอ่านหนังสือ ดูหนังเอ็นมันยึด เราไม่ได้ทำกิจกรรมตามปกติ ร่างกายมันแอบเฉาอยู่ แต่ก็อย่าสุ่มเสี่ยงไปในที่อโคจรในเวลาที่ไม่ควรไป เชื้อโรคมันเยอะและอันตรายกว่าที่ร่างกายคนที่ต่อให้แข็งแรง ก็รับไม่ไหว 
  • อย่าใช้จ่ายกับอารมณ์ชั่ววูบ : เรื่องเงินนี้ประมาทไม่ได้ เพราะสถาะการณ์แบบนี้มันฟื้นคืนตัวยาก ใช้เวลานานแน่นอน เอาให้พอใช้จ่ายไปได้ในสิ่งที่จำเป็นยาวๆดีกว่า 
  • แต่ก็ อย่าประหยัดจนอึดอัดกับชีวิต : มันเป็นช่วงประสาท ช่วงอึดอัดของคนอยู่แล้ว ไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก ร้านอาหารก็ไม่มีให้นั่งกิน ห้างสรรพสินค้าร้านรวงก็ปิด สวนสาธารณะก็ไปเดินเล่นไม่ได้ แต่ชีวิตมันต้องมีรางวัลเล็กๆน้อยๆพอชื่นใจ อะไรทำได้ อะไรที่เงินซื้อได้ทำให้ชุ่มหัวใจก็ต้องมีบ้าง อย่าเคร่งครัด งกจนชีวิตขาดความสุข 
  • อย่าลืมใช้เวลาทบทวนตัวเอง : เวลานี้ดีที่สุด ที่จะถือโอกาสใคร่ครวญสิ่งที่เราทำมา อะไรที่ไม่ดีเชิงลบก็อย่าโทษตัวเองจนหมอง แค่อย่าทำอีก อะไรที่เป็นบุญกุศล ทำแล้วมีความสุขก็ยึดไว้ให้ดี ทำต่อไป วิเคราะห์ สังเคราะห์ออกมาเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปอย่างสง่างาม

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

อย่าอยู่กับโลกเสมือนจริงจนทับซ้อนกับโลกความเป็นจริง


เทคโนโลยีทำให้ผู้คนบนโลกนี้มีทางเลือกกันมากมายในการใช้ชีวิต ยิ่งในช่วงเวลาเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อชาตินี้พวกเราก็อยู่กับดินแดน Virtual World กันมากขึ้น คือเวลาปกติก็มากอยู่แล้วอย่างที่คนเคยสำรวจมาว่าคนไทยอยู่กับอินเตอร์เนตมากเกือบ 10 ชั่วโมงต่อวัน อันดับ 5 ของโลกกันเลย ตอนนี้คงหนักกว่าเดิม ซึ่งบางทีมันก็กลายเป็นความ “บ้า” เอาง่ายๆ จะบ้าไปแนวไหนก็ขึ้นกับการ “อยาก” สร้างตัวตนไปแนวนั้น เช่น พวกบ้าความคิดเห็น บ้าความรู้วิชาการ  ก็อยากให้ผู้คนเห็นว่าเป็นคนมีสาระเป็นเรื่องเป็นราว หรือ บ้าเป็นห่วงเป็นใย บ้ากดไลค์ บ้าเม้นเห็นใจ บ้าชม บ้าอวยนี่ก็อยากทำตัวเป็นนางฟ้าคนดีที่หนึ่งให้โลกได้รู้ แต่ความจริงจะเป็นยังไง มีความชั่ว ความมืดมนในใจยังไงนี่ ไม่มีใครรู้ มันหลอกคนกันได้ง่ายๆกลายเป็นมิตรภาพออนไลน์ที่นึกเอาเองว่าแน่นแฟ้นมาก เชื่อไปเลยว่าอันนั้นคือความจริง มันแปลว่าโลกเสมือนจริงนี้เข้ามามีบทบาท มีอิทธิพล ยึดครอง ครอบงำโลกแห่งความเป็นจริงไปเรียบร้อย เพราะว่าเราดันเอาพวกเสมือนจริงเข้ามาเป็นใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจคน เชื่อเหตุการณ์ที่คนแชร์ คนกดไลค์จนไม่ได้ตรวจสอบว่ามันถูกต้องเป็นจริงหรือเปล่า สรุป คือ เหมือนคนบ้าที่อยู่คนละโลกกับความเป็นจริงกันทุกแวดวงไม่ว่าจะเป็นแวดวงปุถุชนคนธรรมดา แวดวงสื่อ ไปจนถึงแวดวงการเมือง หรือแวดวงระดับผู้บริหารประเทศ 

ซึ่งก็น่าเห็นใจอยู่นะ เพราะว่าในโลกเสมือนจริงผู้คนจะมีความสุขได้มากกว่า ทุกคนสามารถจะสร้างตัวตนได้ตามต้องการ คิดและสร้างสิ่งต่างๆ ได้ตามต้องการ มีอิสระไปไหนมาไหนไม่ต่างไปจากการอยู่บนโลกจริงหรืออาจจะมากกว่า ไม่เท่านั้น ยังสามารถซื้อขายขายสินค้าได้จริง มีการนำสินค้ามาโชว์ให้ผู้คนได้เห็นได้ซื้อจริง เราเลยหลงกันจริงๆว่านี่และมันจะเป็นโลกของเราจริง 

ไม่เป็นไร ช่วงนี้ก็เสมือนจริงไปก่อนเพื่อความปลอดโรคปลอดภัย แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมไปได้ แค่อย่าลืมว่า...มันไม่ได้เป็นจริง ยังไงเราก็ต้องกลับมาอยู่กับโลกที่สัมผัสได้จริงในท้ายที่สุด ซึ่งจะทุกข์จริง สุขจริงก็แล้วแต่จะปรับตัวกันได้ ยอมรับกันได้เร็วแค่ไหน เพราะโลกแห่งความจริงไม่ได้สร้างแล้วสำเร็จจากความ “อยาก” ของเรา !! 


วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 261

Before it’s too late
ถ้าช้ากว่านี้มันจะสายเกินไปจริงๆแล้วนะ
ถึงเวลานี้ พวกเราคงรู้แล้วว่า it could all be different tomorrow !!
ไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากวิกฤติเชื้อโรคระบาด เราคงต้องมาเสริมพลังต่างๆให้ชีวิต...เพื่อคนใกล้ชิดได้มีความสุขกันแล้ว 
พลังอามรมณ์ขัน : ความสนุก เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม คือ เครื่องชูใจให้รื่นรมย์ ลองคิดดูดีดี...ชีวิตที่ผ่านมามันซีเรียสพอละยัง เฉากันพอละยัง มันยิ่งกว่าพอ จากนี้ไปไม่ว่าอยากสร้างความสุข เสียงหัวเราะให้กับใคร ต้องรีบทำ หัดทำตัวขำขำไป กับคนใกล้ชิดไม่ต้องเก๊กติดหัวโขนสวย ดี หล่อ สุขุมมากนัก อารมณ์ขันจะช่วยให้คนน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็มีความสุข ออกมาจากหลุมอัตตา ใจกว้างๆเข้าไว้ ไม่ว่าเจออะไรหลังจากนี้เราจะมีเรื่องดีดีไว้ให้ยิ้มได้
พลังการสัมผัส : จะกอด จะจับมือ จะหอมแก้มก็ให้ไวเพราะเรามีระยะห่างกันมานานพอควร หรือนานเกินไปแล้ว เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายการสัมผัสกันบ่อยขึ้นจะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกสบายใจต่อกัน เปิดใจให้กันมากขึ้น และเผลอๆจะยังรักกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วย แต่มันต้องอยากสัมผัสอย่างจริงใจและมีกาละเทศะนะ ไม่ใช่เลือกจะสัมผัสโดยคาดหวังอะไรบางอย่าง อันนั้นอึดอัด 
พลังคำพูด : กับคนใกล้ตัว มันดีนะที่จะพูดคุยสอบถามกันทุกวันว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้รู้สึกว่ายังรักและเป็นห่วง ชื่นชมแบบจริงใจเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่อวยจนโดดจนเฝือจนล้น ไม่ต้องหวานมาก แค่ไม่หยาบคายต่อกัน ไม่ขึ้นเสียงหรือส่อเสียดก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียงสองเสียงสาม เสียงธรรมดาที่สื่อได้ว่าให้กำลังใจกัน มันวิเศษมาก อยากจะบอกอะไร รักใคร ชอบใครก็แค่บอกออกไปนะ 
พลังอาหาร : เมื่อสิ้นสุดเวลาระทมกับเชื้อโควิด 19 กันมาทั้งโลก คงต้องหาเวลาว่างหรือวันหยุดพากันออกไปทานอาหารเพื่อความผ่อนคลาย กับการกินนี่มันจะเป็นพลังได้ต้องไม่เคร่งครัดกับตัวเองมาก อ้วนก็แค่ไม่กินมาก ผอมก็ไม่ต้องเลือกกินขนาดนั้น มันจะเครียด อย่าลืมว่าการกินอาหารอร่อยย่อมทำให้อารมณ์ดี และยังมีช่วงเวลาพิเศษให้พูดคุยกันมากขึ้น 
พลังเวลา : เรื่องเวลา อย่ารีรอ มันเหลือน้อย คงต้องให้เวลา เอาใจใส่คนใกล้ชิดให้มากขึ้น ไม่ว่าจะแค่ใช้เวลาคุณภาพด้วยกัน หรือ พากันออกเดินทางเที่ยวพักผ่อน อย่าใช้คำว่า “ไม่มีเวลา” เพราะมันจะกลายเป็นไม่มีเวลาจริงๆ มันจะสายเกินไป ใช้เวลาสร้างเซอร์ไพรส์แบบไม่ทันตั้งตัวบ้างก็จะทำให้เกิดสีสันแห่งความสุขกลับมาอีกครั้ง