วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 270

คนเราไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ดูแค่เวลาเรามีปัญหา ทุกข์ เจ็บป่วย เราจะเรียกใครมาหา ก็แค่นั้นแหละ คนเหล่านั้นเป็นคนใกล้ตัวที่เราต้องให้คุณค่าที่สุด ไม่ใช่คนอื่นที่เราต้องเกรงใจ ให้ผลประโยชน์ คนที่จะต้องได้ประโยชน์จากเราที่สุดคือคนใกล้ตัว และไม่ต้องคิดมากเพราะมันเป็นเรื่องของคนรักกัน  ช่วงเวลาสำคัญๆในชีวิตไม่ว่าสุขทุกข์ ใครที่อยู่กับเราเสมอ อันนี้มันยิ่งใหญ่มากในความรู้สึก จะไปเกรงใจงานหรืออะไรหรือให้เวลาคนอื่นมากกว่านี่ไม่ถูกต้อง คนเรามันเป็นคนจริงได้ก็อยู่ที่คนใกล้ตัว พวกนี้เป็นลมใต้ปีกที่ส่งให้เราบินได้อย่างอิสระ คือ เป็นสายลมแห่งความหวังดีเสมอ อาจแผ่วบ้างกระโชกโฮกฮากไปบ้างแต่ลมเหล่านี้ก็ส่งให้เราเต็มๆ คนอื่นที่เราเอาใจเกรงใจมันก็เพื่อประโยชน์บางอย่างที่ไม่ได้ช่วยกันด้วยใจเหมือนคนใกล้ตัว มันไม่ลึกซึ้งแบบร่วมหัวจมท้ายนะ แต่บางทีเราลืม มันชินจนลืม ลืมพูดกันดีดี ลืมเกรงใจ ลืมใส่ใจ ไม่ได้ให้คุณค่าไม่ให้ความสำคัญ ถ้ายังมีโอกาส..กลับมาหาคนใกล้ตัว ทำตัวให้มันน่ารัก ทำตัวให้คนใกล้ตัวรู้ว่า “สำคัญ” และคนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนวงในใกล้ตัวก็ทำตัวให้มันสาสมหน่อย ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ มันต้องใช้เวลาและใจถึงใจ ไม่ใช่แค่ตัวใกล้ชิดหรือคุยกันทุกวัน 


ที่สำคัญ...วันไหนไม่มีคนใกล้ตัวแล้วจะหนาวลำพัง !!  




วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 269

อย่าปล่อยให้ใคร..ขโมยความสุข

คนที่ขโมยความสุขคนอื่น ก็เป็นคนดีดีนี่แหละ ไม่ได้เลวร้ายอะไร เราแค่ต้องระวังอย่าอินมากไป ก็มีที่สังเกตุได้ง่ายๆ เพื่อจะได้หลบทัน คือ 

  • อยู่ด้วยแล้วอึดอัด : อยู่กันนานไป ความสัมพันธ์ดันแย่ลง ยิ่งพูดจากัน ทำไมเราดันเป็นคนผิดทุกที คือ อาจมีวิธีพูด วิธีหัวเราะที่ฟังแล้วไม่ขำ มันมี hidden agenda บ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆไป แต่เราเหมือนตัวเล็กลงทุกที 
  • อยู่ด้วยแล้วต้องถูกตลอด : คือผิดครั้งเดียวนี่ กลายเป็นผิดมหันต์ ที่ยาก คือ พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนดี ไม่ใช่พวก mean girls เลยตัดไม่ได้ขายไม่ขาด ผดุงเกียรติยศศักดิ์ศรีจนไม่เหลือน้ำใจให้กัน 
  • อยู่ด้วยแล้วลามเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว : พูดง่ายๆ คือ ไม่เคารพสิทธิ์กัน ถามอะไรที่ล้วงลึก เจาะเกราะเกินไป หรือ บางทีไม่สนว่าใครจะลำบากเสียหายยังไง แต่จะเอาที่ตัวเองพอใจก็มี 
  • อยู่กันด้วยแล้วส่งเสริมให้แย่ลง : คนเรามันก็มีนิสัยไม่ดีกันทุกคน แต่จะมีบางพวกที่เห็นใครดีกว่าไม่ได้ คนกำลังจะดีจะงาม ต้องส่งเสริมนิสัยแย่ๆหรือพฤติกรรมแย่ๆให้มันหนักข้อไป เช่น ชอบดื่ม อยากจะเลิก เอ้า ซื้อมาบำรุงกันเลย กินให้มันสุดสุดไป 
  • อยู่ด้วย แต่มีเงื่อนไข : แบบนี้จะพบในตอนเราเป็นเด็ก กำลังท่องหนังสือ เอ้ย ไปเที่ยวกันดีกว่า ไม่ไปไม่รักกันจริง อันนี้มันเป็น term ของอีกคน ที่อีกคนไม่สามารถ พอโตขึ้น มันจะมีพวกกบฎที่ไม่ทำตาม หรือ ทำตามด้วยความเซ็ง ก็ไม่สุขอีก

ถ้าเราเป็นหนึ่งในนั้น..ต้องเลิกทันที ถ้าอยากให้ความสุขกันและกันจริงๆ หรือถ้าเราอยู่ใกล้ชิดกับหนึ่งในพวกนี้ ก็ห่างๆอย่างห่วงๆไป อย่าปล่อยให้ใครมาขโมยความสุข 





วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563

การตายดีเป็นวิถีที่เลือกได้

ความตายไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คนมักหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเพราะถือว่าเป็นเรื่องอัปมงคล ซึ่งมันก็แปลกอยู่เพราะทุกคนรู้ว่าตัวเองต้องตายในวันหนึ่ง แต่กลับไม่อยากพูดถึง ย้อนแย้งดีเหมือนกันนะคนเรา คือ การพูดถึงความตาย ไม่ได้ทำให้ตายเร็วขึ้น หรือการไม่พูดถึงความตายก็ไม่ได้ทำให้ตายช้าลง จะตายยังไงก็ตาย ตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้  ที่ดีคือการเตรียมตัวตายให้งามๆ ไม่ต้องเป็นภาระคนข้างหลัง คนไทยเรามีสิทธิ์การตายดีนะตาม ...สุขภาพแห่งชาติ 


“...การตายดีตามมาตรา 12 ของ ...สุขภาพแห่งชาติ .. 2550 ระบุว่าบุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้…” 


มันแปลว่าเราสามารถวางแผนดูแลตนเองไว้ล่วงหน้า เช่น ถ้าถึงระยะสุดท้ายแล้ว อย่ามารักษา อย่ามารุกราน อย่ามาปั๊มหัวใจ อย่าใส่ท่อนะ ประมาณนั้น  เป็นต้น หรือจะเอาให้เต็มที่ในการยื้อชีวิตก็ว่ากันไป แต่ยื้อได้ไม่ได้นี่มันตามบุญตามกรรมไปนะ หมอก็คงรับรองอะไรไม่ได้ พวกหมอเองยังอยากตายดีเลย ไปอ่านมามีการสำรวจพวกหมอเกี่ยวกับการวางแผนการตาย โดยมีสถานการณ์สมมติว่าถ้าเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย  หมอจะเอายังไง สรุปๆคือ

  • ไม่ต้องการ CPR 90%(ไม่ต้องการให้ปั๊มหัวใจ 90%)
  • ไม่ต้องการ เครื่องช่วยหายใจ 80%
  • ไม่ต้องการสายให้อาหาร 80 %
  • ไม่ต้องการ การฟอกไต 80%
  • ไม่ต้องการ การผ่าตัด 80%
  • ไม่ต้องการ invasive test 80% การตรวจอื่นๆที่ ต้องเจ็บตัว
  • ไม่ต้องการเลือด 80%
  • ไม่ต้องการสารน้ำ 60%
  • ไม่ต้องการยาปฏิชีวนะ 60%
  • ต้องการยาแก้ปวดเพื่อจากไปอย่างสงบ 80%

สรุปคือ อยากตายตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีสายอะไรมาโยงใยยุ่งยาก คาดว่าคงคิดประมาณยื้อไปก็ตายอยู่ดี อาจยืดเวลาได้แต่ก็ได้นิดหน่อย ไม่คุ้มเจ็บจากการรักษา ที่เจ็บปวดกว่าการเจ็บป่วยจากโรค 


การมีแค่ชีวิตอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก จำตัวเองยังไม่ได้มันคงน่ากลัวกว่าความตายเยอะ เลือกได้ ก็ เลือกตายดีดีกันไป มีคนว่าไว้  “...สิ่งที่มนุษย์ผู้มีสติปัญญาจริงๆต้องการ เมื่อถึงเวลา คือ การเสียชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี สงบ และ ไม่เจ็บปวดเท่านั้นเอง...”