วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คารวตา

ที่ Kochi, Kerala มีธรรมเนียมที่น่าประทับใจจนต้องเก็บเอามาคิด คือ ธรรมเนียมการแบ่งพื้นที่
ในรถเมล์ เป็นที่รู้กันเลยว่า พื้นที่ส่วนหน้าเป็นของผู้หญิง ส่วนหลังเป็นของผู้ชาย ผู้คนในเมืองอินเดียนี่
มีจำนวนมาก เราคงเคยเห็นการขนส่งคนที่เบียดเสียดยัดเยียด อัดเป็นปลากระป๋องกันเลย การแบ่ง
พื้นที่แบบนี้ถือเป็นการให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ การเข้าใจความแตกต่าง แสดงถึงการมีปัญญา
ที่ลึกซึ้งโดยไม่ต้องผ่านการเรียนหนังสือ แค่มองตามความเป็นจริงให้ออกก็เห็นได้และสามารถจัดการ
ได้โดยละม่อม พื้นที่นี้เป็นพื้นที่แห่งความเคารพกันเลยทีเดียว ผู้ชายอยู่ได้แค่ส่วนหลัง ผู้หญิงจะเลือก
อยู่ส่วนหน้า ส่วนหลังได้หมด เผื่อมากับสามีจะได้อยู่ข้างกันได้ เนี่ย..คิดละเอียดไปครบเลย  
การเป็นคนเหมือนกัน...ไม่ได้แปลว่าต้องเท่ากันไปทุกอย่าง เหมือนกับประชาธิปไตยก็ไม่ได้แปลว่า
ต้องมาจากการเลือกตั้ง (อ้าว..ไปโน่น) คือ มันแค่ “มองตามความเป็นจริง” ของผู้คน ของพื้นที่ 
วัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ต่างกัน ก็ไม่ได้แปลว่าที่หนึ่งล้าสมัย ที่หนึ่งมีอารยะธรรม มันขึ้นกับบริบท 
มันเอามาวัดกันไม่ได้ มันไม่ใช่แค่ว่าชอบ หรือ ไม่ชอบอะไรนะ บางที่บางแห่งมันเป็นความจำเป็นที่คน
ในพื้นที่ต้องคิดต้องจัดการกันเอง 
ความเคารพ = การให้เกียรติ 
ความเคารพ = การ(จัดการ)ให้ความเสมอภาค 
ความเคารพ = ความรักเอื้ออาทรกัน
ที่โลกมันยุ่งอยู่ทุกวันทุกสังคม คือ ไม่ให้ความเคารพกัน !!
มีการอวดศักดา สำแดงสิทธิความเป็นส่วนตัวกันอย่างตรงไปตรงมา จนกลายเป็นการใช้คำพูด ใช้พฤติกรรมคุกคาม ใช้กำลังรุกรานคนอื่นอย่างง่ายดาย โดยไม่มีความเคารพ เกรงใจคนอื่นเลยแม้แต่น้อย ผลที่ตามมา คือ เราไม่รู้สึกว่า คนอื่นคือคนเหมือนกับเรา จึงแสดงพฤติกรรมออกมาอย่าง
สุดเหวี่ยงใส่กัน เพื่อปกป้องสิทธิ ความเป็นอิสระ ความสบายของตน....จนมองไม่เห็นความอดทนในตนเอง จึงไม่มีกรอบระหว่างความเหมาะสมและความไม่เหมาะสม จนผู้คนก้าวล่วงกันเสรีเกินไป 
แม้แต่ในกลุ่มเล็กๆของสังคมครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้แต่คนรักกัน ความเสียสละไม่มีในพจนา
นุกรมอีกต่อไป คือมันคิดแต่จะเอาเปรียบ มันเริ่มตั้งแต่การใช้ภาษา ส่อเสียด ด่าทอ ใช้สายตา 
อารมณ์ และแรงกาย แรงกำลัง ไม่คิดเห็นคุณหรือค่าของคนอื่น ไม่มีจิตสำนึกในตัวคุณลักษณะของ
มนุษย์คนนั้น อันนี้เท่ากับการทำลายกันเลยนะ 
อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ พวกนี้มันเป็น NCD เชื้อที่ติดกันได้โดยไม่ต้องมีพาหะ แค่เห็นๆ ทำๆไป
ก็จะชิน ติดโรคไปเลย แค่เอาแต่ใจตัวเองนี่ก็เป็นปฐมบทแห่งการไม่เคารพกันแล้วนะ มันทำลายบรรยากาศความเป็นมิตร เรื่องนี้จะว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยากเพราะมันเป็นเรื่องปัญญาล้วนๆ 
มันอยู่เหนืออารมณ์และความรู้สึก ปราศจากกิเลสและตัณหาทั้งหลาย  
ทุกวันนี้เราเคารพกันด้วยเหตุผลอะไรหรือ....
มันไม่ใช่แค่ค่านิยม ธรรมเนียม วัย ตำแหน่ง ฐานะ หรืออื่นใด 
คนต้องเคารพกันที่ความเป็นคน เคารพในความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ควรมีข้อจำกัดในสิ่งที่เป็น
สมมุติสัจจะทั้งหลาย เราสามารถเคารพกันได้อย่างไม่ยากถ้าคิดถึงข้อนี้ มองให้เห็นตามความจริง มันแสดงออกมาตรงหน้า คือ เป็นคนเหมือนกัน ชัดเจน สามารถเคารพซึ่งกันและกันได้เสมอไม่แบ่งแยก
ด้วยข้อจำกัดใดๆ และไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรมากมาย แค่มองตากันก็ซาบซึ้งเข้าไปถึงจิตใจแล้ว
และมันต้องเริ่มจากการกระทำทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่รอให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาปฏิบัติให้แต่เพียงฝ่ายเดียว
ตามที่ตัวเองคิด หรือตามจารีตประเพณีปฏิบัติ การที่แต่ละฝ่ายมุ่งที่จะเข้าใจในความเป็นมนุษย์ด้วยกัน จะทำให้การเอารัดเอาเปรียบกันลดน้อยลง หาจุดลงตัวซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น ไม่มีเขา ไม่มีเรา มีแต่ “คน” เหมือนกัน 
ไปอ่านมา มีคนว่า...การเคารพนั้นง่าย แค่ LOVE 
L = Life เคารพการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคน 
O = Opinion เคารพในความเห็นต่าง
V = Variation เคารพในความหลากหลาย
E = Efficacy เคารพในความสามารถที่ต่างกัน
ความรักแบบนี้ดี เพราะมันเป็น ได้กับได้ และรักกันยั่งยืน ไม่เหยียดหยาม ไม่ยัดเยียดในสิ่งที่เรา
ไม่ชอบให้คนอื่นเพราะ..การเหยียดหยามทำลายหัวใจคน การยัดเยียดไม่ใช่การให้ การให้แบบนี้ไม่
ใช่เรื่องใจดีหรือเอื้ออาทร อันนั้นไม่เคารพตัวเองแล้วยังไม่เคารพคนอื่นด้วยนะ 
ไม่ยัดเยียด ไม่ร้องขอ..ขอแค่คารวตา

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 139

พระท่านว่ากุศลวาสนา ชีวิตราบรื่นจะบังเกิดได้ คือ 
1. ห้ามชั่ว : กำจัดอารมณ์ชั่วออกจากใจ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหนนั้นใช้ไม่ได้ ดีไปเลยให้ตลอด จะดีมากไปทบทวนศีล 5 
ห้ามชั่วทางกาย คือ ลอบ ลัก ฆ่า 
ห้ามชั่วทางคำพูด คือ โกหก หยาบ เสียดสี เพ้อเจ้อ 
ห้ามชั่วทางใจ คือ โลภ อาฆาต คิดมิจฉาทิฏฐิต่างๆ คิดไม่ถูกตามทำนองคลองธรรม 
2. ทำอารมณ์ดี : ถ้าเริ่มจะไม่ดี เดินออกมาทำใจ เล่นกับหมา คุยกับตัวเองบ้างก็ได้ อ่านหนังสือฟังเพลงที่ชอบ หายใจลึกๆ เขียนระบาย หรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับเลขไปเลย 1-20 ก็น่าจะอารมณ์ดีแล้วนะ 
3. เกิดอารมณ์ดี อารมณ์ชั่ว ก็ท่องไป อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคลนั้นก็ว่างเปล่า 
ฝึกไป...จะได้ประโยชน์อนามัยแก่ร่างกาย แก่จิตใจตัวเอง 
ใครอยู่ใกล้ก็สุขใจ ราบรื่น ชื่นบาน
อนุโมทนาสาธุ

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 138


แบกอะไรไว้มั่ง
แบกความเชื่อมั่น
...น้อยไป ขาดการนับถือตัวเอง...มากไป ไม่เห็นหัวชาวบ้าน
แบกความรัก
…น้อยไป เห็นแต่ตัวเอง...มากไป มัวเมาคิดไม่ตก
แบกความกลัว
…น้อยไป มีพลาดได้...มากไป ไม่ถึงไหนสักที่..สักที
แบกภาระรับผิดชอบ
…น้อยไป เสียคน...มากไป เสียพลัง
แบกความอิสระ
…น้อยไป ไม่เป็นตัวเอง...มากไป หาใครคบยาก
แบกการดูเป็นคนดี
…น้อยไป ไม่ได้รับความนิยม...มากไป กลายเป็น FAKE
แบกความสำเร็จ
…น้อยไป ฝันสลาย...มากไป เหนื่อยใจทุกวัน
แบกเกียรติศักดิ์ศรี
...น้อยไป อาจมีไม่ละอาย...มากไป หนักหัวไปจนตาย
สารพัดจะแบกกันไป...
แบกทุกข์ก็หนัก แบกสุข..อย่าคิดว่าไม่หนัก
ใส่บ่าแบกหามกันไปพอประมาณ

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 137

จะทุกข์ไปทำไมมี...
you don’t need more motivation !!
ชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปหาแรงบันดาลใจที่ไหน 
รับความจริงไป เรายังเป็นตัวเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 
สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด คือ.... 
การอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข 
ไปไหนที่อยากไป ทำอะไรที่อยากทำ (ตราบใดที่ไม่หนักหัวใคร)
และ we are the same until we’re CHANGED !!
เราอาจวุ่นวายอยู่กับการบังคับตัวเอง บังคับชีวิต
อยากชนะในทุกเวที...มันคงได้หรอกนะ ถ้าชีวิตมันเป็นเส้นตรง
คนนะ...ไม่ใช่หุ่นยนต์ สั่งได้ ทำได้ทุกอย่างที่ตั้งโปรแกรม
ชีวิตมันไม่ได้เป็นระบบขนาดนั้น
มันต้องมีขึ้น มีลง มีเปลี่ยน... ถ้าไม่เปลี่ยน มันก็เดิมๆนั้นแหละ
คนน่ะ เปลี่ยนได้ทั้งนั้น อย่างเดียวที่ไม่ได้ คือ เปลี่ยนเวลา !!
ชีวิตเดียว...ใช้ไปอย่างที่ต้องการ

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 136

แซสซี่แต่จิตใจดี = แข็งแรงต่อทุกสถานการณ์ 
แปลว่า....
ไม่กดดันคนอื่น สามารถจัดการได้ด้วยตัวเองทุกสถานการณ์
ไม่กลัว ไม่ยึดติด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่ตื่นตูม รู้จักรอคอยจังหวะ
ไม่กลัวที่จะอยู่คนเดียว ไม่ใฝ่หาการชื่นชอบ
และ....
“อิน” อ่อนโยน ละเอียดอ่อนทางอารมณ์ (ดูโอหัง แต่เบื้องหลังมีแต่เข้าใจ)
“รับผิดชอบ” ไม่เดือดร้อนกับการตัดสินใจ (ที่ทำไปแล้ว..ก็มันทำไปแล้ว)
“ยอมรับ” ทำความเข้าใจกับอะไรที่เปลี่ยนแปลง (ปล่อยว่าง ปล่อยวาง)
“ต่อต้าน” ตัวเองในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตามใจตัวเองเกินเหตุ (มีหลักดี)
“กล้าเสี่ยง” พร้อมพัฒนา (ชีวิต...แค่เรียนรู้มันไป) 
จิตดี ใจแข็งแรงมันต้องแบบนี้ 

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 135


อนุสนธิจาก Alexander the Great !!
... ต่อให้เป็นหมอที่เก่งที่สุดในโลก ก็ไม่สามารถจะยื้อยุดความตายได้
... ทรัพย์สินที่หามาได้ สุดท้ายก็ต้องฝากไว้กับโลก
....มามือเปล่า...ไปมือเปล่า...
....เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์ เพราะมันมีจำกัด...
Our time is our LIFE !!

วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 133

ชีวิต...ไม่ต้องถึงกับ “ช่างแม่ง” แต่ “ช่างมัน” บ้างก็ได้
===================================
เป็น people pleaser หรือเปล่า
ระวังนะ...เอาใจทุกคน ผลคือความฉิบหายแก่ตัวเอง เช่น
- เอออวยใส้แตกแหกใส้ดม pretend to agree with everyone : ทำเป็นเห็นด้วยครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน ทั้งที่ในใจบอกว่าไม่
- เอาความรู้สึกคนอื่นมาเป็นของตัวเต็มๆ feel responsible for how other people feel : เราไม่มีอำนาจพอที่จะให้ใครมีความสุขนะ เห็นใจไปเสียสิ้นจนตัวเองทุกข์จะดิ้นตาย อารมณ์ใครก็อารมณ์มัน ความรู้สึกใครความรู้สึกมัน รับผิดชอบกันเอาเอง
- ขอโทษบ่อยไปไหม apologize often : ขอโทษคนอื่นเพราะกลัวเขาจะว่าเราไม่ดี อันนี้เป็นปัญหาเลย ไม่จำเป็นต้องขอโทษในการที่เป็นตัวของตัวเองนะ
- พูดว่า “ไม่”ไม่เป็น can’t say no : ไม่อยากทำก็ปฎิเสธไม่ได้ หลีกเลี่ยงการขัดแย้ง กลัวภาวะอารมณ์เสีย แต่มันขัดขวางความเจริญของเรานะแบบนี้ ภาระกิจจะท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- ทำตัวเหมือนชาวบ้าน act like the people around you : อยากให้คนอื่นสบายใจ ทำตามสิ่งที่เขาว่าดี เสพติดความเห็นจากชาวบ้าน วันไหนไม่ได้ยินคำชมจะดิ้นตาย แสวงหาการยอมรับมากไปไหม 
- เจ็บป่วย เจ็บปวดใจก็ฝืนหน้าชื่นไป don’t admit when your feelings are hurt : กลัวทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ เลยไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย เจ็บปวด หรือ เศร้าหมอง เห็นใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำแบบนี้มิตรภาพไม่มีวันยั่งยืน 
ไม่ไหวจะเคลียร์นะ บ่อยๆเข้า คือ เครียดเรื้อรัง
เพราะว่า...ต้องการให้คนอื่นเห็นแต่ด้านดี...
โรคจิต โรคซึมเศร้าจะถามหา...
การเคารพตัวเองจะต่ำเตี้ยไปทุกวัน เหนื่อยกับการรักษาลุค
สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง เปิดช่องให้คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือได้ง่ายๆ รู้ว่าเขาหลอกก็ยังยอมเพราะอยากดูเป็นคนเข้ากับใครได้ง่าย เป็นมิตร อยากเป็นนางฟ้าตลอดกาล 
คนที่อะไรก็ได้นั้นลึกๆอยากควบคุมคนอื่น แต่ดันควบคุมไม่ได้ เลยพยายามทำเหมือนเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นตลอดเวลา มันเหนื่อยใจนะ
นี่ไม่ได้แปลว่าเป็นคน nice ไม่ดีนะ
แต่ too nice มันทำร้ายตัวเองไปไหม

วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 132


สังคมมีความเชื่อว่าความถูกต้องและความเหมาะสมต้องอยู่คู่กัน
แต่ในหลายสถานะการณ์..
"ความถูกต้อง" และ “ความเหมาะสม" ไม่อยู่คู่กันก็มี 
เรื่องบางเรื่องมัน “ดี” ที่แค่...”อยู่ในใจ” “ในความคิด” นั่น คือ เหมาะ
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก...
เก็บเอาไว้ “เหมาะสม” ดีแล้ว
และเรื่องเดียวกัน เลยเถิดออกมา...
มันเลยความเหมาะสม กลายเป็นไม่ถูกต้อง 
ถามว่าคนต้องเลือกไหม ระหว่าง “ถูกต้อง” กับ “เหมาะสม”
ถ้าบอกว่าเลือกได้...แปลว่ารับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้นได้
เลือกถูกต้องคงไม่มีอะไรให้คุย...ก็มันถูกไปแล้ว
เลือกเหมาะสม...โปรดย้อนกลับไปดูที่เขียนข้างต้น
ถ้าเลือกไม่ได้...แปลว่ามันต้องอยู่คู่กัน ก็ดีไป 
ตัดสินใจอะไรเอาหัว(ถูกต้อง)นำใจ(เหมาะสม)
...ไร้สีสัน จืดชืด แต่คงจะราบรื่น
ตัดสินใจอะไรเอาใจ(เหมาะสม)นำหัว(ถูกต้อง)
...มีชีวิตชีวา แต่ปัญหามาแน่นอน 
และก็ไอ้ “เหมาะ” นี่..ก็ต้องมาดูกันว่า เหมาะสมสำหรับใคร
การ “เหมาะ” นั้นมันอยู่ที่ “สถานภาพ” สิทธิหน้าที่ตามบทบาทของคน
เล่นบทอะไรอยู่ก็ตามนั้น...เรียกว่า “เหมาะ”
นอกบท มันจะเป็นเรื่องยาว...รับผิดชอบไม่ไหว
หรือจะเปลี่ยน “บท” มันไปเลย..มันก็จะมี “เหมาะ” กับ “ถูกต้อง” มาอีก
ชีวิตมันหนีไม่พ้นกับความถูกต้องและความเหมาะสม
จะอยู่กับมันอย่างสบาย...อาจต้องมีเรื่องเวลามากำกับด้วย
เพราะเวลาเป็นตัวแปรของเรื่องนี้โดยตรง 
ในเวลาหนึ่ง “เหมาะ” ถึงแม้จะไม่ถูก..ยังอยู่ได้ดี
แต่ถ้าในเวลาหนึ่ง “ไม่เหมาะ” และ “ไม่ถูก”...อยู่ไม่รอด..
ชีวิตไม่ได้ง่ายและไม่ได้ยาก..
เอาแค่มีสติพอพิจารณา “เหมาะ” กับ “ถูก” ให้แตกฉาน..ก็เท่านั้น