วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 33

ความสุขเป็นก้อน !!

ความสุขมันมีก้อนเล็กก้อนใหญ่ 
เราชอบมองที่ 
"ความสุขก้อนใหญ่"
เช่น ครอบครัวอบอุ่น รักกันตลอดไป ชีวิตมั่นคง ฯลฯ แบบนี้เป็นการมองแบบก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่เราต้องได้มาเป็นของเรา 

....มันเป็นไปไม่ได้...

ครอบครัวไม่ได้อบอุ่นทุกวัน
...มันมีอบอุ่น ไม่อบอุ่น
ความรักไม่ได้มีตลอดเวลา
...มันมีเบื่อ มีอยาก
มั่นคงก็ไม่ตลอดไป
...มันมีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนอยู่
ไอ้สุขก้อนใหญ่นี้มัน ไม่จริง
มันผสมๆทุกข์อยู่
มันใหญ่เกิน เราคาดหวังเกิน

ลองหันมามองพวก "ความสุขก้อนเล็ก" 

แล้ว...ค่อยๆเก็บไประหว่างทาง แน่นอนกว่านะ
เช่น...
หายใจได้อากาศสดชื่นสะอาด...ก็เป็นสุข
เห็นสีเขียวๆของใบไม้...ก็เป็นสุข
เจอดอกไม้เล็กๆริมทาง...ก็เป็นสุข
ดื่มชานมเย็น...ก็เป็นสุข
ได้รอยยิ้มจากแม่ค้า...ก็เป็นสุข
แต่ละวันรับก้อนความสุขเล็กๆ แบบนี้ได้มากกว่าก้อนไม่สุข ก็ถือว่าดีแล้ว

พอเมื่อไรก็สุขเมื่อนั้น ยิ่งหา..ยิ่งหาย...

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ชวนเข้าวัด..


วัดความดี วัดอารมณ์และวัดศีลธรรม

บางทีการได้ใคร่ครวญเงียบๆอยู่กับ “วัดในใจ” ก็ดีกว่าไปนุ่งขาวห่มขาวในวัดแต่ไม่ได้พิจารณาตัวตน 
เริ่มเลยก็แล้วกัน...
วัดแห่งที่ 1 : วัดความดี

ความดี คือ ทำในสิ่งใดก็ตามที่เราได้ทำแล้วใจและกายมีความสุขและทำให้คนอื่นเป็นสุข ส่วนความเลว คือ ทำแล้วเบียดเบียน ไม่เกิดประโยชน์ ทำแล้วคนอื่นเดือดร้อน
มันอยู่ที่ “มโนสุจริต” ความดีความงามทางใจ เห็นชอบ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ ไม่พยาบาทป้องร้าย คิดง่ายๆ คือ ทำอะไรมันต้อง “ถูกต้องและถูกใจ” ที่ไม่ใช่ความดี คือ ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจ / ถูกต้อง ไม่ถูกใจ / ถูกใจ ไม่ถูกต้อง 

วัดแห่งที่ 2 : วัดอารมณ์

เราตัดอะไรได้แค่ไหน ไม่ต้องถึงกับตัดเครื่องรัดร้อยกิเลส สังโยชน์ 10 เอาแบบคนธรรมดา อารมณ์ใด ๆ มากระทบจิตกระทบใจแล้วปลดไม่ได้ ก็ถือว่าอารมณ์ไม่ดี เป็นกิเลส เกิดทุกข์เศร้าหมอง ถือว่ายังปลดไม่พอ จะให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้เรื่องอารมณ์ ก็อย่าเป็น “ชาวเกาะ” เกาะขันธ์ 5 ตัวเอง เกาะขันธ์ 5 ชาวบ้าน เกาะงาน เกาะกังวลความเป็นอยู่ของชีวิต เกาะความเจ็บป่วย เกาะมันไปหมดทุกอย่าง อันนั้นอารมณ์คับคั่งเกิน เหมือนรถติดตอนฝนตก ไปไหนไม่รอด หงุดหงิด ยุ่งยากใจ ปวดหัว ใครก็ช่วยไม่ได้ แต่ “สติ” ของตัวเอง คือ คำตอบสุดท้ายที่ช่วยปลดได้
วัดแห่งที่ 3 : วัดศีลธรรม

อันนี้คนละเรื่องกับศาสนา ต้องเข้าใจกันก่อนว่า ศาสนาไม่ได้เป็น “เครื่องชี้วัดศีลธรรม” คนเข้าวัดไม่ใช่คนที่มีศีลธรรมกันทุกคน คนนุ่งอะไรที่ไม่ใช่สีขาว ไม่เข้าวัดก็ไม่ใช่คนไร้ศีลธรรม ศีลธรรมเป็นเรื่องอิสระโดยสมบรูณ์จากศาสนา (เดี๋ยวมาจะพุทธ คริสต์ อิสลาม ใครดีกว่าใคร มันจะยุ่ง) ศีลธรรมเป็นหลักการที่จะนำไปสู่ความสงบสุขในสังคม ทำให้คนทั้งหลายในโลกนี้มีความสุข ไม่มีใครเอาเปรียบกัน หรือ ฆ่ากันหน้าด้านๆ 
ดังนั้นหากเราไม่ลัก ไม่ฆ่า ไม่โกหก ไม่เพ้อเจ้อ ไม่หยาบคาย ไม่ทำร้ายใครด้วยกาย วาจา ใจ ไม่โลภอยากได้ในทางที่ผิด มีจิตเมตตาไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบและถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ศีลธรรมก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ถ้าไม่มีเวลาเข้าวัด...ไม่เป็นไร
มาเที่ยววัดความดี วัดอารมณ์ วัดศีลธรรม...วัดเหมือนกัน
“วัดความดี” “วัดอารณ์” และ “วัดศีลธรรม” 
อยู่ข้างๆกัน อยู่ใกล้กันมาก  

....มาเยี่ยมบ่อยๆ ไม่เสียเวลามากนัก...ไม่เปลืองทรัพยากร
ไม่ว่าตัวอยู่ที่ไหนก็เข้าไปสามวัดนี้ได้...แบบสบาย

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 32


คนต้องการเวลานอก !! 

ไปอ่าน Why you really should go out for lunch today เขียนโดย Anne Fisher ลงใน Fortune เมื่อวาน เขาว่า...

จากบทความของบริษัทที่ปรึกษา The Energy Project กับ Harvard Business Review ที่ไปสำรวจชีวิตประจำวันของพวกผู้บริหารในอเมริกาประมาณ 20,000 คน พบว่า พวกที่ลุกจากโต๊ะทำงานสองสามครั้งต่อวันในการทำงาน โดยเฉพาะออกไปกินข้าวเที่ยงข้างนอก รายงานว่าประมาณ 40% รู้สึกผูกพันต่อการทำงานมากขึ้น และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นกว่าพวกที่อยู่กับที่เคี้ยวข้าวกลางวันให้มันจบๆไป และมีถึง 81% ที่อยากอยู่ทำงานต่อกับองค์กร 

ไม่น่าแปลกใจที่บริษัทอย่าง Google เลี้ยงอาหารกลางวันฟรีแก่พนักงาน มันไม่ใช่เรื่องอาหาร แต่เป็นเรื่องการได้ chill chill ชั่วขณะ (ก็ยังดี) ได้พบปะพูดคุย มีโอกาสเห็นไอเดียใหม่ๆของคนอื่น 
Tony Schwartz, CEO ของ The Energy Project ว่าการที่คนออกจากโต๊ะทำงาน ไปกินข้าวกลางวัน มันช่วยคลายเครียดจาดเรื่องหนักๆตอนทำงานช่วงเช้า มันทำให้การกลับมาทำงานช่วงบ่ายม่วนใจ๋ยิ่งขึ้น มีพลังมากขึ้น 

อันนี้เด็ด...
“Taking back your lunch is the first step in taking back your life.”

มันเหมือนชีวิตเลยนะ...ต้องมีเวลานอก พักครึ่ง เพื่อเดินหน้าต่ออย่างสดชื่น
ใครมันจะบ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำ งกเงินได้ขนาดนั้น...มันเสียพลังชีวิต

เชื่อว่าทุกคนมีเวลานอกของตัวเอง
และยืนยันว่าต้องหาเวลานอกให้ได้ ไม่งั้น..มันเฉานะ
เฉา (แห้งแล้ง ไม่มีเวลารดน้ำตัวเอง)
เปื่อย (เบื่อ เซ็ง ซ้ำๆอยู่ทุกวัน)
ป่วย (โรคภัยเริ่มมาเคาะประตูชีวิต)
ป่ะ..ไปเอาชีวิตกลับคืนมามั่ง

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 31


ตัด ตัด ตัด

สิ่งสำคัญในชีวิตเรา จริงๆแล้วมีน้อย...

พี่บรูซ ลีว่าไว้...

“Absorb what is useful, Discard what is not, Add what is uniquely your own.”

การ "ตัด" มันไม่ได้ใช้ความพยายามมากขนาดนั้น...

เป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่สบายใจ

อยู่กับสิ่งที่ชอบ ที่ถนัด 

อันไหนตัดได้..ตัดไป 

อันไหนตัดไม่ได้..ทำมันให้ไว ให้มันเสร็จๆไป

สิ่งที่ไม่สำคัญ ทำไมเราต้องสนใจ

ปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิตเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนแฮบปี้ได้จริง

...แล้วไปทุ่มในสิ่งที่สำคัญสำหรับตัวเอง ดีกว่ามั๊ย...

อะไรมันจะดีเท่ากับสิ่งที่ตรงจริตตัวเอง

ทุกวันที่ผ่าน..ตัดไป ไม่ต้องเพิ่ม

ชีวิตจะเบาขึ้นมาก...

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 30

ใครสักคนว่าไว้...travel makes one modest !! 

อันที่จริงอยู่กับบ้าน อยู่กับสังคมเพื่อนฝูงมันก็สนุก สบายใจดี
แต่มันไม่ค่อยได้กะเทาะเปลือกแห่งชีวิต...
มันทำให้ลืมความจริงไปว่า...เรามันเป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆในโลกนี้
อยู่บ้าน..อยู่ที่ทำงาน...มันใหญ่ อัตตามันเยอะ
มันทำให้เราตัว "ใหญ่" ขึ้นทุกที

เวลาเดินทางท่องเที่ยวมันเห็นทั้งวิถีชีวิตตัวเอง วิถีชีวิตคนอื่น
เห็นความเจริญ เห็นความยากจนในอีกมุมที่ต่างจากที่เราอยู่..
มันต้องปรับตัว มันต้องทำใจ
มันต้องยอมรับว่ามันเป็นไปแบบไม่ตามใจเราทุกเรื่อง...

และ...มันรู้เลยว่า...
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้
ไม่มีใคร มีอภิสิทธิ์เหนือใคร
ทุกชีวิต มีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตบนโลกนี้
อย่าง...เสมอภาคกัน อย่าง...เท่าเทียมกัน

โลกมีไว้ให้ "สำนึก" 

มีชีวิตนี้เพียงครั้งเดียว (บาปเยอะ ชาติหน้าอาจไม่ได้เกิดเป็นคน)
โอกาสมี..ฉกฉวยโอกาส
เที่ยวได้..เที่ยวไป....มันได้คิด !!
travel is my therapy kiki emoticon

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 29


เมื่อวานพวกเราเหมือนกลุ่มหมอๆไปราวนด์วอร์ดเลย 555 
....น้องเลิฟป่วย เพื่อนเลิฟขาหักอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เฮโลขึ้นลงเยี่ยมไข้

ปัญหาในชีวิตพวกเราตอนนี้ไม่หนีเรื่องเจ็บตัว ปวด ป่วย 
บางอย่างไปติดมาจากที่อื่น
บางอย่างเพราะพักไม่พอ
บางอย่างสติไม่ค่อยดี
บางอย่างสังขารล้วนๆ

มันก็เป็นแบบนี้นะชีวิต...
แต่เห็นสองคนนี้แล้วนับถือเลย...กำลังใจดีมาก
นิ่ง ยอมรับและสนุกอีกต่างหาก..สุดยอดมนุษย์ !!

เออ..ทุกข์เป็นทุกข์ ป่วยเป็นป่วย
สำคัญที่กำลังใจของตัวเองจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นอะไร อะไรจะเกิดขึ้น...รับมันไป ดูมันไป สู้กับมันไป...

เรื่องเจ็บป่วย ถึงมันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา คือ มาบ่อยเกิน...
แต่มันยังคงทิ้งรอยเล็กๆไว้ให้นึกถึง
เหมือนเราคัน..ไปคันที่มันเป็นรอย...ยิ่งเกา ยิ่งลุกลาม ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งร้อนใจ
รู้ทันมันซะ มันก็แค่เรา "คิด"
ยิ่งคิด ยิ่งติด ยิ่งคัน ยิ่งเกา..โฮ้ย ไม่ไหว เกาไม่รู้ตัวเลย
นิ่งๆ สงบ สติอย่างเดียวที่จะระงับอาการ "คันคิด"
ใจมั่นไว้..มันก็แค่เวทนานะ...

พี่ Charlie Chaplin ว่าไว้...
Life is a tragedy when seen in close-up, but a comedy in long-shot.
ขำขำไป..สบายใจดี ป่วยก็รักษา ไม่มีอะไรมาก อยู่กันไป ม่วนกันไปนะ

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

คิดวันละอย่าง # 28


ไม่ต้องให้ใครเข้าใจ...เข้าใจตัวเองก็พอ
ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง...บางทีมันเยอะ มันสับสน..
จนต้องไปขอความเข้าใจจากคนอื่น
ซึ่งมันหายาก ปากว่าเข้าใจ แต่ใจเต้นว่า "อะไรของมึง" ก็มี...

ถ้ากำลังคิดว่าจะมีใครเข้าใจเรามากกว่าตัวเองนั้น..
มันโกหก...หรือไม่ก็หลอกตัวเองไปวันวันว่าฉันยังมีคนที่เข้าใจ

ไม่ต้องหาให้ลำบาก...ภาวนาให้ตัวเองเข้าใจตัวเองไป..
ในชีวิตเรา...หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรู้จักตัวเอง และ เข้าใจตัวเอง
และถ้าทำได้ มันคือความสุข

รักตัวเอง เข้าใจตัวเองได้..ไม่ต้องเหงา ไม่มีเหงา
เพราะแค่เรื่องตัวเองก็ยุ่งจะตายชักอยู่แล้ว...
(แค่ไม่อยากแก่ ไม่อยากป่วย โห...ขั้นตอนมันเยอะ 555)

มั่วกับตัวเองอย่างเดียวอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว..แต่ก็ยังดีกว่าสูญเสียตัวตน
ถ้ายังเปิดใจให้ใครไม่ได้สุดสุด..ไปเปิดใจตัวเองให้เข้าใจก่อน
ตัดสินใจด้วยตัวเอง..จะเป็นยังไง..มันดีกว่าการถูกครอบงำด้วยคนอื่น !!

ที่สำคัญ..ยิ่งมองเข้าไปในตัวตนและเข้าใจตัวเองมากเท่าไหร่... 

...เราจะ "ตัดสินคนอื่น" น้อยลงไปด้วย...

คิดวันละอย่าง # 27

ไม่เอาน่ะ..เกรงใจ !!

คนใกล้ คนไกล เกรงใจไว้แหละดี

คนอื่นให้ความเป็นเพื่อน...
อำนวยความสะดวกสบายให้..ต้องยิ่งเกรงใจ
เป็นหนี้ให้...รีบจ่าย
ใครทำอะไรให้...รีบคืน คืนแบบสมน้ำสมเนื้อ...
ใจเขาใจเรานะ....

ใส่ใจ กับ เกรงใจ นี่คล้ายกัน

ไม่เกรงใจ = ไม่ใส่ใจ = มักง่าย

กับข้าพเจ้านั้น..เพื่อนไม่ต้องเกรงใจ...มันได้ทุกอย่าง
แต่ว่า...กับคนอื่น ช่วยกันเกรงใจชาวบ้านด้วย
มันจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์....
เกรงใจกันและกันเถอะ..จะได้อยู่กันไปนานนาน...

อย่า "ไม่เกรงใจ" เพราะผู้ดีจะกลายเป็นผู้ร้าย !!