วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

 Toxic positivity : เรื่องอันตรายสำหรับวิทยากรที่เน้นการมีส่วนร่วม

การเป็นวิทยากรที่เน้นการมีส่วนร่วม ต้องระลึกไว้ว่าคุณไม่ใช่แม่พระพ่อพระมาโปรด สิ่งที่สำคัญ คือ การรู้แจ้งเห็นจริงในปัญหาและแนวทางการแก้ไขของผู้เข้าร่วม ดังนั้นวิถีการคิดบวกโลดจึงไม่ใช่ทาง เพราะมันขัดขวาง “ความจริงที่เกิดขึ้น” มันทำให้ความจริงลดความสำคัญลงไปฮวบฮาบ ไม่เกิดการเรียนรู้จริง จะมา “just think positive” นี่มันไม่ใช่ละ คนที่มาอยู่กับเรานี่ล้วนมีปัญหา ต้องต่อสู้กับอุปสรรคหลายอย่าง มีความคับข้อง เจ็บปวด เขาต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่ปลอบใจปลอมๆ สบายใจชั่วครู่ กลับไปก็แก้ปัญหาไม่ได้เหมือนเดิม มันอาจเป็นความตั้งใจที่ดี แต่มันออกแนว naive ไปนะสำหรับท่านวิทยากร
ประสบการณ์และชีวิตรันทดที่เจอของคนแตกต่างกันมาก เราไม่สามารถใช้การเปรียบเทียบ ประมาณว่า...คุณอยู่ในสถานะการณ์ที่ดีกว่าคนนู้นมาก หรือ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว มองบวกเข้าไว้ เอา scale อะไรมาวัดว่าแบบนี้ดี หรือ แย่กว่ากัน มันไม่ได้ช่วย มันกลายเป็น anti-negativity ซึ่งมันไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง และจะยิ่งเป็น terrible feeling เพราะมันฝืนธรรมชาติที่รู้สึกตามจริง it doesn’t fit the vibe !! ยิ่งถ้าเรารู้สึกไม่ดีไปด้วย แล้วดัน fake positive vibes ก็เท่ากับปฎิเสธความจริง ซึ่งก็จบลงที่การไม่ได้แก้ปัญหา จริงอยู่ไอ่ความรู้สึกลบๆมันก็ไม่ค่อยดี แต่ที่ดีในการรู้สึก คือ เรารู้ว่ามีเรื่อง มีปัญหาต้องแก้ ไม่ใช่แค่แฮบปี้ๆแล้วทำอะไรไม่ได้ เป็นวิทยากรต้องแม่นๆความรู้สึกหน่อยนะ เพราะในการเน้นการมีส่วนร่วมเราต้องการความรู้สึกจริง ต้องการอารมณ์จริงของผู้เข้าร่วม จะมาให้แค่ “staying positive” หรือ “everything happens for a reason” นั้นมันไม่สมศักดิ์ศรี
คนไม่ได้ต้องการหวานหู cliche แต่อย่างใด คนต้องการจะรู้ว่าเรายอมรับ ประมาณ it is okay to feel และไอ่ true feelings นี่แหละ มันนำไปสู่ actions !! วิทยากรที่เน้นการมีส่วนร่วมจะไม่ phony-baloney toxic positivity จะไม่ fake happiness หรือ always cheerful เราไม่ต้องเป็น cheer leader ทุกสถานะการณ์ก็ได้


วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

คิดวันละอย่าง # 280

รักแท้เป็นเรื่องง่ายๆ

รักเป็นเรื่องใจที่ใครๆก็ควรจะ “รักเป็น” เพราะมันแผ่กว้างไกลไปหลายรูปแบบที่เข้ามาในชีวิตคนเรา แต่รักแท้มันเป็นยังไง เชื่อว่าหลายคนในโลกนี้มีปัญหาเรื่องความรัก ไม่ว่าจะรูปแบบไหน เพราะมุมมองบิดเบี้ยวไปจากธรรมชาติของรัก 

รักแท้มีทุกคำตอบแม้ไม่ได้ถาม : รักแท้ไม่ต้องการการยืนยัน เพราะมันมีคำตอบอยู่แล้ว ที่บ้านมีใครถามพ่อแม่ทุกวันว่ารักลูกไหม คือเรื่องแบบนี้มันไม่ต้องถาม เมื่อรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย วางใจสงบได้นี่ จะมาเสียเวลากับการต้องถามทำไม คำตอบใหญ่ๆมันอยู่ตรงหน้าแล้ว คือถ้ารักกันจริงมันจะไม่มีความสงสัย แต่ถ้ารักไม่จริงมันจะมีแต่คำถาม 

รักแท้ไม่มีดราม่า : แค่เห็นกัน มองหน้าเงียบๆก็มีความสุข คือถ้าชีวิตต้องตามค่านิยมสังคมหรือสวยหรูดูดี มันจะมีความคาดหวัง ไอ้แบบนี้ไม่ว่าชีวิตคู่ หรืออยู่กันเป็นครอบครัว หรือในบรรดาเพื่อนฝูง ดราม่าจะเข้ามาเอี่ยวทันที เพราะต้องเติมให้กันตลอด ไม่เต็มสักที ต้องสละตัวตนเพื่อให้อีกคนหรือหลายคนพอใจ แบบนี้คือไม่รู้จักสร้างความสัมพันธ์ที่ดี อยู่กันสักชั่วโมงก็เหนื่อยจะแย่แล้ว รักแท้มันง่ายกว่านั้น ไม่ทำอะไรก็รู้สึกเต็มในใจ ไม่รู้สึกว่าขาดอะไร ไม่มีช่องว่าง แค่ได้ใช้เวลาด้วยกันก็ดีมากแล้ว 

รักแท้ไม่แคร์ความต่าง หรือต้องเหมือน : และไม่คาดหวังให้มาเติม จะคาดหวังให้คนมาเติมอะไร ถ้าคนมันเต็มพอใจในตัวเอง ก็หนึ่งบวกเข้าไป จะบวกในการเป็นสามีภรรยา เป็นแฟน เป็นเพื่อน เป็นลูก เป็นพี่เป็นน้อง ก็มีมาเพิ่มให้มันเป็นสุขไป แต่ไม่ใช่มองหาสิ่งที่ตัวไม่มี ให้มาเติมอีกครึ่งของชีวิต แล้วถ้าคนนั้นมันไม่มีก็มีการบังคับให้มันมี ต้องปรับตัวให้ได้ อันนี้ไม่ใช่ความรักแท้ รักแท้ไม่เรียกร้องให้ใครต้องปรับตัวเข้าหา แต่ให้เกียรติความต่าง ให้พื้นที่กับคนในการใช้ชีวิตและเจริญตามที่ใจต้องการ เป็นกำลังใจสนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ ลูกไม่ต้องมาเติมอะไรให้พ่อแม่ แฟนก็ไม่ต้องมาเติมส่วนที่ขาด เอาตัวเองให้เต็มก่อนจะได้ไม่ต้องมายุ่งเรื่องต้องเหมือนหรือต้องต่าง

รักแท้ไม่ต้องเร่ง : รักแท้มีจังหวะเวลา ชิวๆไป ไม่ต้องรีบร้อน จะบอกรักจะชื่นชมก็ดูจังหวะมันให้ดี เร่งเหมือนกระหน่ำปุ๋ยบังคับออกดอกนั้นไม่ได้ มันจะสำลักตายไปก่อน ถ้าเจอจังหวะนรกหรือไม่มีจังหวะนี่โอละพ่อมาก รักแท้สื่อสารด้วยหัวใจ ให้มันเป็นไปอย่างอิสระและธรรมชาติ คนรักกัน คนในครอบครัว แม้แต่เพื่อนฝูงก็มีมาและจากไปเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความรักแท้นั้นจะไม่หายไปด้วยเวลา ยังไงก็อยู่ตลอด 


สรุปๆคือ รักแท้เป็นเรื่องง่ายๆ แต่มันขึ้นกับตัวเอง ตัวต้นเหตุ ต้องกลับมามองตัวเองนั่นแหละว่าจะเรียนรู้พัฒนาในการรักตัวเอง เติมเต็มตัวเองได้ก่อนไหม แล้วค่อยก้าวเข้าไปดื่มด่ำความรักของชาวบ้าน  แบบไม่คาดหวัง ไม่กะเกณฑ์ แล้วจะพบความสบาย สวยงาม อบอุ่น