วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 188

คาดหวังก็ผิดหวัง !! 
เมื่อไหร่ที่คาดหวัง คือ เชื้อเชิญความทุกข์ใจ ความผิดหวังเข้ามา
ทุกคนอยากสมหวัง แต่ไม่มีใครได้อะไรสมใจไปทุกอย่างนะ
คิดให้เป็นอย่างใจ ก็คิดได้อยู่ แต่มันไม่สามารถ “ได้” ไปทุกเรื่อง
นี่มันเรื่องจริง !! 
แค่ทำเต็มที่ แล้วก็ปล่อย 
ผลมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
ถ้าหวัง..คาดหวังมาก ก็โง่แล้วนะ (ย้ำมันอยู่เหนือการควบคุม)
⇨เลิกคาดหวังให้คนอื่นเห็นด้วย : ที่ว่าดีสำหรับเรา ไม่จำเป็นต้องดีสำหรับคนอื่น มันมีหลายปัจจัย หลายเหตุผลที่คนเห็นต่าง เราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกคนทุกเรื่องนี่
⇨เลิกคาดหวังให้คนอื่นต้องเป๊ะทุกเรื่องทุกเวลา : อันนี้มันชัดเจนว่า คาดหวังมากเกินจริง คนไม่ใช่หุ่นยนต์จะได้ทำอะไรเหมือนไปทุกคำสั่ง มันก็มีพลาดกันบ้างนะ ใครมันจะเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดนั้น
⇨เลิกคาดหวังให้คนอื่นต้องรู้ : ไอ่เรื่องรู้ใจนี่มันไสยศาสตร์ชัดชัด การคาดหวังให้คนอื่นรู้ที่เราคิดนี่มันเหนือโลกนะ และถ้าไม่เลิกนี่ เสียใจตลอด ผิดหวังทั้งชาติ...บอกเลย ใจมันอยู่ข้างใน ไม่พูดไม่บอก จะรู้มั๊ย 
⇨เลิกคาดหวังคำชื่นชม : การทำดีนั้นจำเป็นต้องมีใครเห็นด้วยหรือ ก็เปล่า มันไม่จำเป็น ที่ทำดี มันดีตั้งแต่เริ่มคิดจะทำแล้วนะ และมันน่าจะนำมาซึ่งความชื่นใจเราเองไม่ใช่หรือ ชื่นใจแล้วก็จบ ใครชื่นไม่ชื่น มันไม่เกี่ยวแล้ว ที่หวังว่าคนอื่นจะมาชื่นชมชื่นชอบในการทำดีนั้น แล้วไม่มีใครชื่นชมด้วย ยิ่งทำให้เป็นทุกข์ 
⇨เลิกคาดหวังคนอื่นให้เป็นอย่างที่อยากให้เป็น : มันแปลว่าเราไม่มีความเคารพในสิ่งที่คนนั้นเป็น เราไม่เห็นคุณค่าในตัวคนนั้น มันถูกไหมเนี่ย ทุกคนมีความงดงามในตัวเองเสมอ มองให้ทะลุ แล้วไม่ต้องคาดหวังให้คนเป็นอย่างที่เราชอบ จะเปลี่ยนแปลงคนไปทำไม มีแต่จะผิดหวังอ่ะนะ
ความคาดหวังไม่เคยส่งผลดี ทั้งกับคนหวังและคนถูกหวัง
ความคาดหวังมีแต่ทำร้ายตัวเองและคนอื่น
ยืนในที่ของตัวเอง อย่าไปยุ่งกับชาวบ้านมาก
ก็น่าจะมีความสุขดีนะ

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 187

วันดี คืนดีใส่หมวกดำคิดบ้างก็ได้ !!
😘กับบางคน... I love you ฉันรักเธอ
บางทีมันอาจเป็น... I love controlling you, I love using you !!
ที่ซ่อนอยู่ข้างใน คือ ใครได้ยินต้องรับผิดชอบความสุข ต้องให้เวลาทั้งหมด ต้องสนใจตลอดเวลา ต้องเชื่อ ต้องตามใจ ต้องไม่แหกกฎ... ฉันจึงรักเธอ 
😞กับบางคนคำพูดว่า... “เธอ sensitive เกินไปนะ” แปลว่า ใครได้ยินก็จงรู้สึกไม่มั่นใจต่อไปเหอะ คนพูดสบายใจที่เห็นตัวเองมีอำนาจในการทำให้คนอื่นไร้ความสำคัญ ชอบที่จะเห็นคนผิดหวัง ล้มเหลวและ feel small ต่อไป... ฉันชอบที่เธอไปไม่รอด 
😕กับบางคนคำพูดว่า.. “ฉันเสียใจ (ที่เธอรู้สึกแบบนั้น)” คนพูดไม่ได้เสียใจ แต่เสียใจที่ถูกจับได้มากกว่า คือเอาเป็นว่าพูดไปงั้น แค่ให้มีความต่อเนื่องในการพูดจา สิ่งที่คนพูดแคร์จริงๆ คือ to get what I want !! 
🤨และคำพูดว่า... “นี่หวังดีนะ” ที่พูดแบบนี้ รู้อยู่แก่ใจว่ามีคนอีกมากมายที่ดีกว่า ที่สามารถให้อะไรได้มากกว่า แต่ไม่อยากให้ได้พบเจอ เพื่อคนฟังจะได้ตกเป็นทาสตลอดไป... เธอเป็นหนี้บุญคุณฉันนะ 
อย่าเพิ่งเชื่อทุกคำพูดที่ได้ยิน การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ !!

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 186

normalization เรื่องที่เห็นเป็นธรรมดา

ในทางสถิติและเศรษฐศาสตร์อาจมีความหมายอื่น มันซับซ้อนไป ปวดหัว เอานิยามแบบคนธรรมดาเข้าใจดีกว่า มันคือ เรื่องธรรมดา แปลว่าไม่แปลก ประมาณใครๆก็ทำกัน ซึ่งอันนี้น่าสนใจว่าทุกวันนี้เรามีอะไรที่โดน normalized กันไปบ้าง 

ที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะไม่พ้น เห็นผิดเป็นชอบ ใจที่คิดว่าความชั่วเป็นเรื่องธรรมดา โกงเป็นเรื่องปกติตราบใดที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน  ประมาณเกิดเป็นคนมันต้องมีอะไรเลวบ้างเป็นเรื่องปกติ  แบบนี้สังคมแย่ เสื่อม การยึดมั่นความถูกต้อง ความดีที่เป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมดีดีหายไป ชีวิตจะขาดความมั่นคงปลอดภัยทันทีที่สังคมรับเอา normalization เรื่องธรรมดาแบบนี้ไป มันอันตรายมากกับค่านิยมลูกหลาน เช่น การล่าสัตว์สงวนกลายเป็นเอาผิดก็ยังไม่ได้ อีกหน่อยจะเป็นเรื่องธรรมดา ป่าแหว่งกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย อันนี้ยิ่งกว่าเรื่องธรรมดา  แล้วเราจะอยู่กันยังไง เราจะมีสังคมสงบสุขได้ยังไง 

แม้แต่เรื่องเล็กๆก็โดน normalized เช่น มือใครสาวได้สาวเอา คือ ธรรมดา เผลอๆ คือ ดี คือเก่ง มันแปลว่า ความถูกต้องไม่เกี่ยวใช่ไหม หรือ แค่ฝ่าไฟแดง มันเรื่องธรรมดา ตราบใดที่ไม่ได้ชนพ่อแม่ลูกหลานเพื่อนฝูงใครเข้า !!! 

เรื่องผิดธรรมชาติ ก็ยังกลายเป็นเรื่องธรรมดา ก็ที่เห็นๆกัน สวยหล่อผ่านมีดหมอก็ไม่เห็นต้องปิดบัง คือเราไม่เข้มแข็งกับตัวตนอีกต่อไปแล้ว ไม่ภูมิใจในรูปกายที่เผ่าพันธ์ุบรรพบุรุษให้มา คือเมื่อก่อนรู้เลยนะ เห็นหน้าแบบนี้เป็นลูกบ้านนี้ ตอนนี้มีงง ไม่รู้มาจากโลกไหน 

ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเร็วจากสื่อสังคมต่างๆ มันจะโดน normalized  ไปอีกหลายโหมด คือ คงมีทั้งดีและไม่ดีอ่ะนะ  ซึ่งดีมันก็ดีไป แต่ไม่ดีนี่ มันจะเดือดร้อนลูกหลาน อนาคตจะอยู่ดีมีสุขยังไงกันได้ 

มันต้องเริ่มที่เราเห็นว่า...มันแปลกไปไหม...
เริ่มที่เรารู้ว่า แบบนี้ไม่ธรรมดา มันผิดปกติ 
ต่อมาหาเครื่องป้องกันพวกไม่ธรรมดาที่เห็นว่าธรรมดา
เครื่องนำทางที่ดีที่สุด คือ 
การยึดความดีและความจริงในการดำรงวิถีตัวเอง
แบบนี้...ธรรมดา คือ ธรรมดา 
ไม่ใช่ถูก normalized กันไป ทั้งที่มันไม่เคยจะ normal !! 



วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หุ่นนี่มันสำคัญกับชีวิตขนาดนั้นเลยนะ...ไม่มั๊ง...

คนสมัยนี้ต่อสู้กับรูปร่าง กับหุ่นตัวเองมากไป
จนอาจนำไปสู่ความผิดเพี้ยนของความสัมพันธ์
ความหมกมุ่นกับอาหารเข้าท้องและการออกกำลังเกินไป
ลองคิดดีดี
หุ่น คือ การรับรู้ของตัวเอง มันเป็นที่รวมของความเชื่อ ความคิดที่มีต่อรูปร่าง มันเป็นธรรมดาที่เราอยากให้คนอื่นมองว่าดูดี แต่เราพุ่งเข้าไปรับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือเปล่า โฆษณา สื่อสังคมต่างๆ เทรนเนอร์ที่บอกให้เราต้อง fix หุ่นให้สมกับความเชื่อนั้น มันเลยกลายเป็นการบังคับใจให้ต้องสู้กันไปตลอด เพื่อให้ดูดี ดูสวย ดูแข็งแกร่ง ได้น้ำหนักตามที่คนอื่นว่าไว้ 
ตอกย้ำอยู่ได้ทุกวัน
จนมันอันตรายต่อ mental wellbeing ของตัวเองไหม
มันกระชากเราไปจากชีวิตที่เคยสดใสหรือเปล่า
อันนี้เป็นเรื่องที่ควรพิจารณานะ
อย่างน้อยต้องรู้ว่า..ไอ้ที่อยากมีหุ่นผอม จ๊าบดังเขาว่า...มันสนองคนอื่น
หยุดที่การหมกมุ่นกับหุ่นตัวเอง
และหยุดการแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงด้วย
หันมามองที่ “LIVING” การมีชีวิตของตัวเองไปเหอะ
การใช้เวลา พลังทั้งหมดทุ่มไปที่การเปลี่ยน “หุ่น”
...มันไม่ได้เติมเต็มชีวิตนะ....
ถ้าไม่พอใจหุ่นตัวเอง ก็ลองคิดถึงการรักษาความสัมพันธ์ของการกินอาหารและการออกกำลังดู ให้มันกลางๆไป 
หล่อเลี้ยงร่างกายด้วยอาหารที่จำเป็นที่ชอบไป ชีวิตจะสดใสขึ้น
จะออกกำลังก็เอาให้มันสุขใจ ไม่ใช่หักโหม บังคับตัวเองขนาดนั้น 
ความจริงของชีวิต คือ Nothing stays the same !!
หุ่นมันเปลี่ยนไปตามวัย ตามเวลาที่ล่วงเลย
และมันก็แค่ “หุ่น” !!!
ไม่เชื่อก็ลองอ่านที่เจ้าแม่แฟชั่น Vivienne Westwood ว่าไว้
ข้างล่างนี้  ⬇️


วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 185

ดีจริง...ไม่ต้องห่วงดี
ความจริงก็รู้ๆกันอยู่...เป็นคนนี่มันมีทั้งดีและไม่ดีในตัว
ไม่มีใครดี 100 % หรือชั่วหมดจด
แต่บางทีมันมีการห่วงดีจนเครียด 
ไม่รู้จะห่วงอะไรขนาดนั้น เอาที่ด้อยๆออกมาบ้างก็ได้
ปล่อยแต่..ภาพสวย มันเอียน 
ปล่อยหนักๆเข้ามันจะกลายเป็น fake ไปได้

ธรรมชาตินั้นมีทั้งสวยงามและโหดร้าย
ก็เห็นคนอยู่กันได้จนทุกวันนี้ ไม่เห็นจะสูญพันธุ์

การที่เอาแต่ดี เสนอแต่ความดีของตัวนั้น... 
...คนรอบข้างอาจไม่ comfortable
เพราะมันคิดได้ว่า...นี่จะโลกสวยไปไหน 
ไม่ใช่สนับสนุนให้ชั่วนะ 
แต่อยู่กับคนแสดงดีตลอดเวลาทุกเรื่องนั้น มันอึดอัด
การที่ปล่อยดีตลอด คนอื่นอาจรู้สึกด้อยก็เป็นได้
ตกลงว่าดีจริง หรือ ต้องการทับถมด้วยการถล่มดีกันแน่
ภาพลักษณ์ คือ ภาพที่คนรับรู้แค่นั้น
ดี หรือ ไม่ดี ในที่สุดผู้คนก็ต้องรู้ความจริง
ห่วงดี ห่วงสวยมากไป...
มันจะกลายเป็น “ห่วง” ที่รัด จนสลัดไม่หลุด !!
พอมีอะไรมากระทบกระทั่ง แม้เพียงน้อยนิด... 
...อาจแตกหักง่ายกว่าชาวบ้านนะ 
ดีบ้าง ด้อยบ้าง มันดูเป็นคน มัน real !!
แสดงดีทุกเวที คนปลื้ม แต่มันปลอม
ด้อยบ้าง คนไม่ชอบบ้าง ก็ยังไม่เห็นใครตายนะ


วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

everything happens for a reason, LIVE IT

ข้าพเจ้าเชื่อว่าชีวิต คือ การเปลี่ยนแปลง 
ไม่ว่าจะดี หรือ ร้าย เราได้แค่ยอมรับมัน
ที่ว่าแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับการยอมแพ้แก่โชคชะตา
แต่..ทุกสิ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มัน rewind ไม่ได้
และ..ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุสำคัญมาจากที่เลือกทำทั้งสิ้น
การโทษปัจจัยอื่น มันเป็นแค่กลไกป้องกันตัว

ข้าพเจ้าเชื่อว่าชีวิต คือ ความน่าพอใจ ถ้ารู้จักพอ
เกิดเป็นคน ครบ 32 มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีเงินใช้จ่ายบ้าง มันก็ดีมากแล้ว
ยิ่งถ้าใจดี ไม่ขี้โกง ไม่งก ไม่เห็นแก่ตัว อันนี้วิเศษหนัก
จะไปไหน ทำอะไร ก็มีความสุขตามอัตภาพได้
ชีวิต...ไม่ต้องเยอะ 
ชีวิต...พอดีได้กันทุกคน

ข้าพเจ้าเชื่อว่าชีวิต มีจังหวะและเวลาของมัน
และคนต้องก้าวไป แค่อย่าผิดจังหวะ
สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น คือ จังหวะที่ดีแล้ว 
การยื้ออยู่ในจังหวะเดิม มันไม่ compatible มีแต่จะสดุด
ไม่มีใครรู้ว่าจังหวะใหม่จะพาไปที่ไหน
แต่เชื่อได้ว่า...มันเปิดประตูที่เรียกว่าโอกาสให้แน่ๆ

ข้าพเจ้าเชื่อว่าชีวิต คือ การโอบกอดความเป็นจริง
การยอมรับในความจริงและตัวตนเป็นสิ่งมหัศจรรย์
มันปลดปล่อย มันทำให้คนเสรี เลิกทาสกันเลย
การจะอิสระได้ มันต้องสายแข็งเท่านั้น
และข้าพเจ้ายินดีในการปลดเปลื้องทุกพันธนาการ 
จนถึงวันนี้...ไม่มีเสียใจ ไม่มีเสียดาย
everything happens for a reason, LIVE IT 



วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 184

เมื่อมีมรณสติ ชีวิตง่ายขึ้นจริงๆ
พระท่านว่ามรณสติมี 2 ส่วน
⇨การคิดว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน 
⇨การถามตัวเองว่าพร้อมตายแล้วหรือยัง
พร้อมตายนี่ขอเอาไว้ก่อนนะ (ไว้คราวหน้า)
เอาแบบที่คิดว่าจะต้องตายแน่นอน สามารถจะตายได้ทุกเมื่อทุกที่ทุกวัย  และที่แน่ๆคือไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร ประมาณภาษิตทิเบตที่ว่าระหว่างวันพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะมาถึงก่อน
บางที พอมีมรณสติ อะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
ชีวิตจะเลิกได้หลายอย่างทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
ที่ภาษาพระท่านว่าปล่อยวางนั่นแหละ

ไอ้ที่ยึดติด ตัวตนนี่สำคัญนัก 
ที่คิดว่าต้องได้ ต้องดีกว่าคนอื่น...จะเบาลงมาก
ที่เคยเป็น เคยได้....จะไม่ค่อยหวังมาก
โกรธ เคืองใครก็แป๊บเดียว เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะยังหายใจอยู่ไหม
คิดเอาแต่ได้ ก็หยุดง่าย เพราะตายแล้วก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี
ยึดติดกับคน กับของก็จะเห็นเป็นธรรมดา เพราะยังไงก็ต้องจาก 
มรณสติ มันจะทำให้เราน่ารักขึ้นเยอะ
ลดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ 
ลดความเกลียด ความโกรธ 
….แม้แต่ความรู้สึกผิดของตัวเอง...
มีความยอม มีความอยากให้ มีความเสียสละ 
มีเมตตากับผู้คนมากขึ้น
ระหว่างที่ยังไม่ตาย ใครๆก็อยากอยู่ด้วยนะ
ถึงแม้ใกล้ตาย...เรื่องทุกข์ใจที่น้อยลง มีโอกาสสู่สุคติ
แต่ถ้ายังยึด ยังติด แม้เพียงอึดใจเดียวที่ใกล้ตาย มันจะไปสู่ทุคติทันที

ใครกำลังทุกข์อยู่ ยิ่งสนับสนุนให้มีมรณสติ

ชีวิตง่ายขึ้น บัดนาว ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กทั้งหมด !!


วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คิดวันละอย่าง # 183


เห็นรูปแล้วก็คิดไปเองเรื่องความสัมพันธ์ของคน
ส่วนตัวแล้วชอบเส้นอะซิมโถดกับเส้นขนาน ...ตามลำดับ 

เส้นอะซิมโถดนี่ มันโค้ง อ่อนน้อม อ่อนเข้าหาก่อนได้ ไม่มีเก๊ก แต่ไม่แตะ คิดว่าความสัมพันธ์มันจะสวยงาม คือ ใกล้แต่ไม่แตะให้ระคายเคือง เพราะเรื่องความสัมพันธ์นี่มันบอบบาง อาจมีกระทบกระเทือนซางได้ หากแตะกันตลอดเวลา เส้นนี้มันดูเหมือนความสัมพันธ์ที่เคารพ ให้เกียรติกัน ไม่มีวันจะล้ำเส้น พร้อมจะยอมรับฟัง พร้อมจะเปิดใจ มันมีช่องไว้ให้ต่างคนต่างหายใจสะดวก มันดูเหมือนเส้นเมตตาที่รู้จักการเมตตา เมตตาที่ไม่ทำให้คนอื่นและตัวเองเดือดร้อน ไปกันได้สบายๆทั้งชีวิต 

เส้นขนานนี่ชอบด้วยเพราะว่าชัดเจนดี คือ เมื่อไม่ถูกจริตก็ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ ในเรื่องความสัมพันธ์เราไม่ต้องคบทุกคนในโลกก็ได้มั๊ง ไม่ต้องนางงามมิตรภาพตลอดเว แล้วเป็นทุกข์ เครียด ซึมเศร้าทีหลัง ในเมื่อพบว่าไปกันไม่ได้ ก็ต้องทางใครทางมันแล้ว

ส่วนเส้นสัมผัส...และสัมผัสจุดเดียวนี่ มันแคบไปมั๊ย มันทำให้เราเห็นแค่ตรงจุดสัมผัส แล้วทำให้ด่วนคิด ด่วนตัดสินไปว่า โอโห คนนี้น่ารัก พูดจาดี มีน้ำใจ อะไรๆก็นางฟ้า พร้อมจะช่วยเหลือด้วยวาจา ถามจริง..มันมีด้วยเหรอนางฟ้าน่ะ คนนะ คน มันมีหลายมุมหลายซับซ้อน ลองเดือดร้อนดู จะช่วยกันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนไอ้คนที่ปากหมา ไม่ได้กดไลค์ตลอดเว ดูกระด้าง ไม่ใส่ใจ ไม่เอออวยนี่มันใจร้าย สายแข็ง แรงหยาบคาย ไม่รักกันจริง ถามจริงอีกที รักกันจริงมันต้องยังไงเหรอ ไอ้ที่แตะกันแค่จุดเดียวแล้วสรุปนี่ ใจแคบไปนะ เส้นนี้พี่ขอผ่าน 

ดราม่าได้ ขอแค่อย่าทะลายความสัมพันธ์