วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 259

ชีวิตที่สุขและมีคุณค่า  
  • ปล่อยให้ใจนำชีวิตบ้าง เพราะใช้หัว (เหตุผล) มากไปมันขาดรสชาติ  
  • เกิดมาทั้งที อย่าเป็นแบบใครว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ไม่เถียง ไม่สงสัย ปัญญาถดถอย
  • อย่านั่งหาแต่ประสบการณ์ในอินเทอร์เนท ดูรูปชาวบ้านแล้วได้แต่กด ”like” แต่ใจเฉา
  • ใช้ชีวิตให้มี “คุณค่า” ไม่ใช่คิดคำนวณแต่เรื่อง “คุ้มค่า” งกทำไม
  • เป็นผู้เล่นตัวจริงชื่นชมปัจจุบัน สิ่งที่มีอยู่ คิดแต่อดีตกังวลอนาคตมันบั่นทอนใจ
  • เรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหาชีวิต เผชิญหน้าฝ่าฟัน มันคือการเรียนรู้
  • กล้าอยากก็ต้องกล้าทำ ไม่มีคำว่า “แต่” ไม่ทำตอนนี้จะรอถึงเมื่อไหร่
  • ยอมรับความจริงของธรรมชาติ มันเป็นธรรมดาของชีวิต ทุกอย่างไม่แน่นอน 
  • จัดระเบียบชีวิต first thing first จะช่วยบริหารเวลาชีวิตได้ดี ตัดทอนสิ่งไม่สำคัญ
  • สวดมนต์ ทำสมาธิ มันเป็นเวลาอยู่กับตัวเองและแผ่เมตตาอย่างบริสุทธิ์ใจ 

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คนที่จะแก้ไขปัญหาได้ดี ต้องมี growth mindset !!

เพราะว่าเราเป็นคนที่มีอารมณ์และความรู้สึกกำกับ
บางทีทำให้ความเป็นเหตุเป็นผล..มันเลือนลางไป
เราเคยชินกับ “กิจวัตร” ของเราตั้งแต่เช้าจนเข้านอน
ซึ่งก็ไม่เคยจะมาทบทวนว่ามันช่วยให้บรรลุเป้าหมายอะไรในชีวิต
มุมมองของเราก็ออกแนวแล้วแต่เวรกรรม
คือพลาดไปแล้ว แล้วพลาดอีกได้ fallacy ไปอย่างนั้น
ประมาณตัดสินใจผิด ก็ทนอยู่กับความสัมพันธ์เป็นพิษอยู่นั่นแหละ
หรือการ “เดี๋ยวก่อน” ไม่ยอมเผชิญปัญหา
สิ่งเหล่านี้ทำให้คนไม่คู่ควรกับการแก้ไขปัญหา
ไม่ควรเป็นเจ้าคนนายคน หรือ แม้แต่ทำงานด้วยก็ลำบาก
แค่คบกันก็มีแต่จะลากกันไปทรมาน ไม่มีความสุข
เพราะแม้แต่จะแก้ปัญหาของตัวเอง ยังทำไม่ได้
ถ้าอยากแก้ไข ก็ไม่ได้ยากนัก เริ่มจาก
➡️ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ไปเลย คือ ท้าทายความเชื่อเดิมๆที่ฝังใจ เพราะมันอาจไม่เป็นจริง มันมีอะไรนอกขอบเขตความเชื่อของเราอีกมากมาย ถ้าเราติดกับดักนี้ การแก้ปัญหาจะยิ่งทำให้ยุ่งยากเพราะมันเป็นมุมมองเดิม เพราะมันเป็นการคิดเองเออเอง เราไม่สามารถใช้มุมมองเดิม หรือการมโนของตัวเองมาแก้ไขปัญหาใหม่นะ มันจะประมาณอยากถูกหวย แต่ไม่ยอมซื้อหวย
➡️ ต้องรู้ว่า “ทุกสิ่งไม่ได้สำคัญเท่ากัน” ชีวิตมันต้องมี Priority ต้องเลือกทำ จะมาทำหลากหลาย แต่ไม่โฟกัสไม่ได้ ชีวิตไม่ใช่การไล่ล่าความสุข แต่มันต้องเลือกที่จะอยู่กับทุกข์
➡️ อย่าใช้แต่สมองลิง กิ้งก่า หมู คือ ใช้สัญชาติญาณสัตว์อย่างเดียว มันแก้ปัญหาไม่ได้ มันทำให้เรามีแต่กลัว ไม่กล้าออกจากโซนสบาย จึงไม่ได้ปัญญา มีมุมมองแคบ ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ทางเลือกใหม่ในการแก้ปัญหา ใช้สมองคนคิด แยกแยะ ยับยั้ง หยั่งรู้ให้มากเข้าไว้
ไม่ต้องฉลาดล้ำเลิศ ล้ำโลกก็แก้ปัญหาได้ดี
ถ้ามี growth mindset รู้เท่าทัน
หัดคิดทบทวน หัดใช้ไปในชีวิตประจำวันนี่แหละ

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 258

อิจฉาก็ยอมรับไป จัดการง่ายกว่า 
อย่าบอกว่าไม่เคยอิจฉา มันเป็นธรรมชาติของคน
เป็นกันมาตั้งแต่รู้ความ มันไม่ได้ผิดขนาดนั้น
หรือถ้าจะผิดก็คือรับมือกับมันไม่ได้ 
...แล้วความรู้สึกมันนำไปสู่ความร้อนรุ่มในใจ
คิดวนเวียน ไม่ชอบใจ เกิดนิสัยแย่ๆ
เช่น เกลียดคนอื่น มองแต่ด้านลบ ชอบเอาชนะ
ทำให้อยู่ไม่เป็นสุข ความสัมพันธ์จะพัง
จะจัดการกับความอิจฉาได้ ต้องมาดูก่อนว่า ทำไมมีอิจฉา
ตัวอิจฉาจะมาหาตอนที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
แล้วพบว่าตัวเองด้อยกว่า หรือ อยากได้ อยากมี อยากเป็น
แล้วไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น...
จัดการได้นะ แต่ต้องยอมรับก่อนว่ามันเป็นธรรมดาของคน
แล้วค่อยๆลดความแรงลง เปลี่ยนทัศนคติใหม่
เลิกเพาะเลี้ยงแรงดึงดูดความไม่เท่าเทียม
เลิกใช้ความดีเป็นโล่กำบังความอิจฉาของตัวเอง
เลิกการสวมหน้ากากความดีตัดสินชาวบ้าน
ทำใจสบายๆกับความจริงที่ว่า...
ไม่มี ไม่เหมือน ก็ไม่เห็นจะตายเลย
คนเรามีดีแตกต่างกัน จะไปสนทำไมกับสิ่งที่ไม่มี
อย่ามโน มันจะไปกันใหญ่ มีสติอยู่กับปัจจุบัน
ปรับมุมมองให้เห็นใน "สิ่งที่เรามี" แทนที่จะมองเห็นแต่ "สิ่งที่เราไม่มี"
มันต้องรู้จักยอมรับความแตกต่างนะ
คิดดูดีดี...ตอนนี้เรากำลังอิจฉาใครอยู่
ลดความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน
กลับมาที่ตัวเอง เราอิจฉาเพื่ออะไร
แล้วรู้สึกแบบนั้นมันตอบสนองอะไร
อาจพบว่ามันไร้สาระมากที่เสียเวลาไปมุ่งกับการทำลายตัวเอง
แล้วเลยเถิดไปทำลายความสัมพันธ์ดีดีที่เคยมี
คนขี้อิจฉานี่ ไม่น่ารักนะ

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 257

กำลังกราดยิงใครอยู่หรือเปล่า

มันเริ่มต้นตั้งแต่เรื่องเล็กๆนี่แหละ
เริ่มตั้งแต่หาข้ออ้างให้ตัวเองบ่อยๆเมื่อทำผิด
รู้ว่าผิด แต่มีข้ออ้างแล้วมันสบายใจขึ้น
ไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป...และยังทำผิดซ้ำได้อีก..แบบสบาย
หรือ ทำไม่ดีเรื่องนี้ ไปทำเรื่องอื่นให้ดี
ประมาณทำบาปแล้ว ก็ไปทำบุญซะ หายกัน
มันไม่หาย...มันคนละเรื่อง

คนที่ไม่จัดการตัวเองทีละเรื่อง
แล้วยังมีข้ออ้างทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจนี่แหละ
ที่จะกลายเป็นคนกราดยิงคนอื่นได้
เวลาเศร้า ผิดหวัง ไม่ชอบใจอะไรก็จะมุ่งอยู่กับตัวเอง 
คือคิดและจมอยู่แต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่
คิดว่าตัวเองโดนกระทำอยู่ตลอด
โดยไม่เห็นว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุด้วย
มันโอละพ่อและเลยเถิดไปได้ใหญ่โต
จนขาดเหตุผล ขาดหลักการที่ถูกต้อง
มันสามารถแย่ถึงที่สุด คือ ขาดความเมตตาต่อคนอื่น

เรื่องเล็กน้อยในชีวิต ถ้าเอาให้มันได้ใจตัวเองทุกเรื่อง
ไม่ยอมเสียสละ ไม่ยอมเสียเปรียบบ้างนี่มันอันตราย
เราจะทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูด การกระทำ
และอีกหลายอย่างที่ทำไปแล้วก็เหมือนกราดยิงคนอื่น
ซึ่งในฐานะของความเป็นคนที่เท่าเทียม
เรามีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นด้วยหรือ....

ที่เราทำมันอาจไม่ถึงกับเลวร้าย คร่าชีวิตผู้คน
...ดังเหตุการณ์ที่โคราช...
แต่อยากให้ตระหนักว่า 
แค่เรื่องเล็กน้อยมันลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้
ถ้าเรายังเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
โดยใช้ข้ออ้างกลวงๆให้เป็นเกราะที่กะเทาะไม่ออก และ
การสนใจแต่ “ตัวเอง” จะกลายเป็นการกราดยิงคนอื่นในไม่ช้า


วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับคน


ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือนอกงาน
สองเรื่องที่สำคัญในการสร้างความเหนียวแน่น เป็นทีม
คือ เรื่อง Performance กับ Trust 
Performance คือ ผลงาน พฤติกรรมการแสดงออก
Trust คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ
จะเลือกคนเข้าทีม หรือ จะคบกันฉันท์เพื่อน
หรือแม้แต่จะ unfriend ใครใน FB ก็นับว่าใช้ matrix นี้ได้ 
คือพิจารณาไปว่าคนของเราเป็นประเภทไหน
หรือแม้แต่ดูตัวเองก็ยังได้
➡️ ประเภทที่ 1 HP/HT ทีมเทพ : ฟอร์มดี ใจถึง พึ่งได้ รักจริงหวังแต่งเลย เชื่อใจได้ เก่งจริงและดีจริง ใครๆก็รักอยากอยู่ด้วย อยากร่วมงานด้วย ทั้งเก่ง ทั้งเมตตามหานิยม ร่วมหอลงโลงด้วยกันได้เลย พร้อม “ให้” ทุกเมื่อ พร้อม “ช่วย” ทุกเรื่อง
➡️ ประเภททที่ 2 HP/LT หน้าเนื้อใจแมว : ฟอร์มดี แต่ใจไม่ถึง รักแต่ตัวเอง รักหน้าตัวเองไม่ยอมเสียฟอร์ม มีความ ME สูงจึงเห็นแก่ตัว แต่ก็ต้องการการยอมรับจากคนอื่นว่าเก่ง ว่าดี การแสดงออกจะประมาณท่าดีทีเหลวไม่ร่วมหัวจมท้าย ถ้าในทีม หรือในองค์กรมีคนแบบนี้ คงเอวังในไม่ช้า เพราะเชื่อใจไม่ได้เอาแต่ตัวเองรอด เก่งดีอยู่คนเดียว ไม่คำนึงถึงส่วนรวม ถ้าเป็นเพื่อนก็จะเหนื่อยมาก คือเอาดีเข้าตัวเองตลอด ไม่ยอมเสียสละให้คนอื่น ไม่ลงเรือลำเดียวกัน ไว้ใจไม่ได้
➡️ ประเภทที่ 3 LP/LT ห่วยแตก : ใจก็ไม่ถึง ผลงานก็ไม่ดี อยู่ไปวันวัน มีพวกนี้อยู่ในทีมก็ตัวใครตัวมัน ถึงไว้ใจไม่ได้แต่ยังดีหน่อยที่เห็นชัดว่าไร้ฟอร์ม พิจารณาอนุมัติให้ออกง่ายกว่าประเภทที่สอง คือจัดการง่ายเพราะจะชัดเจนว่าพลาดตลอด ผิดแบบสว่างๆเลย แบบไม่รู้กาละเทศะ จังหวะนรก 
➡️ ประเภทที่ 4 LP/HT มีดีที่ซุป : อาจไม่เก่ง แต่ใจนี่มาเลย ไม่มีฟอร์มแต่ขาลุย เหมาะให้ไปทลวงฟันตามสั่ง อย่าให้คิดเองทำเอง เดี๋ยวจะโอละพ่อ แบบนี้ยังอยู่ในทีมได้ แต่ต้องจัดการดีดี ให้งานที่ชัดเจนเหมาะแก่กำลัง
➡️ ประเภทที่ 5 MP/MT เซฟโซน : ปลอดภัยไว้ก่อน สงวนท่าที ใจครึ่งๆ แบบนี้อยู่เป็นลูกทีมพอได้ ใช้งานธุรการไป ไม่ต้องให้ทำอะไรที่สำคัญมาก ถ้าเป็นเพื่อนก็อย่าหวังจะได้ใจเต็มร้อย เวลามีทุกข์ก็แค่ให้คำปรึกษาแนะนำพอประมาณ แต่ไม่ลงมาเคียงข้าง กลัวเสียรังวัด พอคบได้แต่ต้องทำใจ 
หมายเหตุ :
ถ้าจะ unfriend ใครก็ประเภทที่ 2 กับ 3 นี่แหละชัด 🤣🤣

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 256

“กล้า”ในไม่กี่เรื่อง ชีวิตดีขึ้นมาก
Surprise yourself every day with your own courage !!
 กล้าที่จะไม่ได้รับการชื่นชมหรือถูกเกลียด
เพราะว่ามันคือหลักฐานว่าเรากำลังใช้ชีวิตของตัวเอง 
ถ้าอยู่ด้วยตัวเองได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเกลียดจนเกินเหตุ
ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี
คนที่ว่าร้ายกัน นอกจากเป็นพวกมืดมนแล้ว
ยังเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญอะไร
กล้าก้าวข้ามการทำให้คนอื่นยอมรับคุณค่าของตัวเอง
 กล้าที่จะเลิกใช้ความสงบนิ่ง ไม่ปะทะ
หรือ เก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง เก็บกดอารมณ์ของตัวเอง
เพราะว่ามันแสดงให้เห็นว่าพึ่งพาไม่ได้
บ่อยครั้งที่เป็นการเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเอาตัวเข้าเสี่ยง
เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีดีให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม 
 กล้าที่จะไม่เป็น “คนดี”
คนดีที่สอนให้ใครๆเป็นคนดีในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้
คนดีที่ยัดเยียดคุณงามความดีที่ตัวเองเชื่อให้คนอื่น
คนดีที่ปั้นยิ้มเสแสร้ง หรือ คนดีที่เกรงใจจนเกินเหตุ
มันทำให้เราไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสแสร้ง
ไม่ต้องพยายามทำให้คนอื่นมองเราในแต่แง่ดี
ไม่ต้องโกหกเพื่อให้คนชื่นชมและอิจฉา
ไม่ต้องหาข้ออ้างเพื่อปกป้องตัวเอง
คนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว
การยอมอุทิศชีวิตให้กับการกลัวไม่เป็นคนดีนั้น
...ถือเป็นการใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า ไม่คุ้ม
เสียของที่ได้เกิดมา แต่ไม่ยอมเป็นตัวเองตามจริตที่แท้จริงของตน

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 255

ความสุขหรือทุกข์ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมากดดันได้ 
ทุกคนต้องการมีความสุข 
จนลืมไปว่าความทุกข์นั้นมีข้อดีอยู่มาก
ยิ่งสังคมเชิดชูความสุขมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้คนหลีกทุกข์
ทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าโลกนี้โลกหน้า 
มันมีด้วยหรือโลกที่มีแต่ความสุข ชีวิตไม่ใช่สวนสนุกนะ 

ความสุขทำให้เราโฟกัสที่ตัวเอง
...จนไม่ได้สังเกตคนอื่นและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
มันทำให้คนเห็นแก่ตัวไปโดยใช่เหตุ
คนเป็นทุกข์มักเห็นสิ่งใหม่และสัมผัสประสบการณ์ความเป็นคนได้ดี
คนต้องมีความขมขื่นในชีวิต มีสิทธิ์จะเศร้าและรู้สึกแย่ 
สมควรได้รู้สึกเสียดายและเสียใจในความผิดที่ทำลงไป 

เราเป็นคน ทุกข์เศร้าก็ดื่มดำสัมผัสช่วงเวลานั้น
...ด้วยใจที่ยอมรับความจริง... 
มีอารมณ์ลบบ้างก็ไม่เป็นไร 
อย่าเสแสร้งแกล้งสุข สงบนิ่งทุกสถานะการณ์
มันเป็นการหลอกตัวเอง โกรธบ้างก็ไม่ได้ผิดอะไร
ชีวิตคนมันต้องหลากหลายด้วยความรู้สึกมากมายทั้งบวกและลบ 
สัมผัสให้ลึกซึ้งและประสบให้เห็นถึงความจริง 

อย่าตกอยู่ในห้วงที่ต้องแสวงหาความสุขเท่านั้น 
การไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นทุกข์นั้นทุกข์ยิ่งกว่า 
ชีวิตเดียว อย่าให้ใครมากดดัน หลอกให้ต้องมีความสุขตลอดเวลา