วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 104



เห็นรูปนี้...สวยดี ได้คิดด้วย...
...เราต้องทำเหมือนต้นไม้ หนักไปก็สลัดใบทิ้งไปบ้าง..

สถานะ ความสัมพันธ์ของคนล้วนเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ไม่มีใครรักษาตำแหน่ง บทบาทไปจนตายได้ เพราะเมื่อจากโลกนี้ไป เราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีหน้าที่อะไร ไม่มีอะไรติดตัวเราไปได้เลย นอกจากความดี ความชั่ว

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จะไปยึดติด กับสิ่งสมมติให้เราเป็นทำไมกัน ปล่อยวางแล้วหันมาสร้างสิ่งดี สร้างสุขให้ตัวเองให้คนอื่นดีกว่า

การปล่อยวาง ใครก็สามารถเขียน หรือพูดให้ดูดีได้ แต่คนที่ทำได้จริงๆนั้น มีน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะไม่มีหนทางเสียเลย มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝน

ง่ายๆ คือ หากรู้สึกว่าใจไปยึดติดกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หน้าที่ ตำแหน่ง สถานะทางสังคม หรืออะไรก็ตามให้คิดไปว่า อีกร้อยปีข้างหน้า มันจะเหลือไหม มันไม่เหลือแล้ว เราเห็นจุดจบชัดเจน ทุกอย่างมันชั่วคราว แค่ระลึกรู้ เตือนใจตัวเองบ่อยๆ มันจะวางได้ง่ายขึ้น

อีกอย่างคือ หยุดบังคับควบคุมอนาคต ไม่มีใครที่จะสามารถหยั่งรู้ หรือจัดการกับอนาคตได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่มีวิธีอื่นใดอีก ทำเต็มที่แล้ว อะไรจะเกิดก็อย่าได้หวั่น ไม่เสียใจ ไม่ผิดหวัง

เราวางแผนได้ มีเป้าหมายได้ แต่ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าทุกสิ่งจะต้องดำเนินไปตามแผนเสมอ แผนมีไว้เป็นแผนที่บอกทาง แต่การเดินทางจะบอกถึงการใช้ชีวิตจริง วางแผนแล้ว ก็ทำให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลหรือคาดหวังผลลัพธ์เกินเหตุ เราจะมีความสุขได้ในทุกย่างก้าวของชีวิต...นะ

วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

วาดบำบัด


บางที...เราก็จมอยู่กับปัญหาที่ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน มันเหนื่อยเพราะเจ้าปัญหานี่มันวิ่งวนในหัวเราประมาณร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ราวกับหัวจะระเบิดได้ ลอง art therapy มั๊ย เอามาจาก The Minds Journal Editorial 

ง่ายมากไปเอากระดาษกับดินสอมาเลย แล้ววาดไป..จนกว่าจะสงบ ความคิดเกี่ยวกับปัญหาจะเบาบาง

เริ่มเลยนะ..รู้สึกอะไร ก็วาดตามที่บอก

เหนื่อย : วาดดอกไม้
โกรธ : วาดเส้น
เจ็บปวด : สร้างโมเดล
เบื่อ : ระบายสี หลายๆสี
เศร้า : วาดสายรุ้ง
กลัว : ถักนิตติ้ง
กังวล : ทำตุ๊กตา
รำคาญ : ฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอามาต่อเป็นรูป
ตื่นเต้น : พับกระดาษเป็นรูปอะไรก็ได้ที่พับได้
ตึงเครียด : วาดแพทเทิร์น
คิดถึง : วาดเขาวงกต
ผิดหวัง : วาดเลียนแบบรูปคน หรือ ภาพเขียน
สับสน: วาดภาพมัณฑะละของอินเดีย

แต่ถ้าสิ้นหวัง... draw your way out !! 
ถ้าอยากเรียกพลังคืนมา... วาดรูปแลนด์สเคป
ถ้าไม่รู้ว่ารู้สึกอะไร...วาดรูปตัวเอง
ถ้าอยากจดจำช่วงเวลานี้...วาดสีสันเป็นแพทเทิร์น
ถ้าต้องการรวบรวมความคิดตัวเอง...วาดรังผึ้ง หรือ สี่เหลี่ยต่างๆ
ถ้าต้องการตัดสินใจให้ถูกต้อง...วาดรูปคลื่น หรือ วงกลมต่างๆ
ถ้าอยากอะไรมากๆ...วาดรูปเกลียว
ถ้าอยากบรรลุ...วาดสัญลักษณ์เป้าหมาย

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 103

สิ่งสำคัญ คือ “สามัญสำนึก” 

มันบ่งบอกว่าคนคนนั้นมีความสามารถที่จะวินิจฉัยและตัดสินใจโดยใช้สติปัญญาได้ไหม  เพราะสามัญสำนึก คือ ความรู้ ความเข้าใจ คือ สติปัญญาของสามัญชนคนธรรมดา 

ต้องฝึกให้ตัวเองสามัญสำนึก? 
ใช่ สำหรับบางคนต้องฝึก.....
  1. พิจารณาเรื่องราวอย่างละเอียดทุกแง่มุม พยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อจะมีวิจารณญาณที่ดีและการตัดสินใจอย่างถูกต้อง แม้อาจต้องใช้เวลาก็ตาม
  2. พิจารณาว่าสิ่งใดที่จริง สิ่งใดที่น่านับถือ สิ่งใดที่ยุติธรรม สิ่งใดที่บริสุทธิ์ สิ่งใดที่น่ารัก สิ่งใดที่น่าฟัง ก็ใคร่ครวญไป การตัดสินใจจะถูกต้องอย่างมีสามัญสำนึก อย่างสุขุม อย่างฉลาดได้ 
  3. ความหัวแข็งไม่ได้ช่วย จะมีสามัญสำนึกต้องอาศัยการถ่อมตน ถ่อมใจ เพราะมันต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ถ้าไม่ยอมรับ สามัญสำนึกจะเลือนๆลางๆ ในที่สุดจะตัดสินใจแบบโง่ๆ 
  4. เลือกคบคน เลือกไปอยู่กับคนที่มีปัญญา เพราะการคบหาสมาคมกับคนโฉดเขลาสามัญสำนึกย่อมเสียหาย 
การพัฒนาสามัญสำนึกนี้จำเป็นต่อชีวิตและการทำงาน มันทำให้ชีวิตน่ายินดีมีความสุขมากขึ้นเพราะว่าสามารถช่วยลดความคับข้องใจที่มักเป็นผลมาจากการทำอะไรโดยไม่คิด ที่สำคัญช่วยไม่ให้คนเสียเวลาโดยใช่เหตุ

ไม่มีสามัญสำนึก = ชีวิตลำบากขึ้นมาก
คือ ไม่ฉลาดแล้วยังเหนื่อยมาก 

ทำงานหนักอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นและหมดเรี่ยวแรง แต่ไม่ได้อะไรที่คุ้มค่าเลย

การประเมินผล


การประเมินผลเป็นเรื่องน่าหนักใจเมื่อต้องประเมินผลงานประจำปี เครื่องมือก็มีแต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้สักที ล่วงเลยมาเป็นปีก็ยังกลับเข้าสู่ปัญหาแบบเดิม 
มันเป็นเพราะอะไร...
1. คนประเมินมองผลงานไม่ออก ไม่เข้าใจเรื่องของการประเมินผลงาน ไม่รู้ว่าผลงานแบบไหนที่เรียกว่าดี แบบไหนที่เรียกว่าไม่ดี คนประเมินบางคน ไม่รู้จริงๆ ว่า ลูกน้องตัวเองทำอะไร และทำได้ดีแค่ไหน เพราะไม่เคยดูแลใส่ใจ พอถึงเวลาประเมินผลงานก็มั่วไปแบบให้เยอะไว้ก่อน ยังไงก็ไม่มีปัญหา เกิดอาการ A เฟ้อๆกระจาย เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
2. คนประเมินรู้ว่าผลงานใครเป็นยังไง แต่ก็ไม่กล้าให้ตามนั้น รู้ทั้งรู้ว่าผลงานไม่ดี มีปัญหาอยู่ตลอด ต้องปรับปรุง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าประเมินตามนั้น กลัวงานตัวเองมีปัญหา ไม่มีใครช่วยทำงาน 
3. คนที่ถูกประเมินไม่เข้าใจระบบประเมิน คือ ไม่มีการสื่อสารให้รู้ว่าจะต้องถูกประเมินด้วยปัจจัยอะไรบ้าง ผลงานคืออะไร พฤติกรรมคืออะไร ถ้าทำอย่างไรถึงเรียกว่าดี แบบไหนที่เรียกว่าผลงานไม่ดี คะแนนแต่ละระดับแปลว่าอะไรกันแน่ ฯลฯ อาจเกิดการไม่ยอมรับผลการประเมิน ปัญหาจะตามมาอีกเป็นขบวน
การประเมินผลงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นชีวิตคนเลย ประเมินอะไรไปนี่มันมีผลต่อพนักงาน ประเมินไม่ถูกต้อง ประเมินไม่ตรงไปตรงมานี่...บาปเลยนะ ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะมีระบบประเมินไปทำไม ระบบประเมินมีไว้ให้ทุกคนปรับปรุงตนเองให้มีมาตรฐาน ให้องค์กรพัฒนาได้ !!

จงทำให้การผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรพลาดเป็นสิ่ง “น่ารังเกียจ”


นโยบายในการปฎิบัติ หรือ การตอบสนองต่อความผิดพลาดนั้น ส่งผลอย่างรุนแรงต่อ speed ขององค์กร ถ้าเรื่องหนักมากแต่ละเลยอาจจะส่งผลต่อความอยู่รอดขององค์กรเลยก็ได้
จงทำให้การผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรพลาดเป็นสิ่ง “น่ารังเกียจ” "รับไม่ได้" เพราะมันส่งผลต่อทุกชีวิตในองค์กร แต่ถ้าเรื่องไม่ใหญ่ ไม่หนักมากก็ "ผิดได้...แต่ต้องโตและเรียนรู้" จากข้อผิดพลาด
การไม่ยอมรับความผิดพลาด vs การยอมรับความผิดพลาดนั้น...มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องใส่ใจ เพราะมากไป คนไม่กล้าคิด น้อยไป ผิดซ้ำๆซากๆ 
อย่างไรก็ตาม เอาแบบ Mark Zuckerberg ว่าไว้ move fast and break things ซึ่งเป็นคุณลักษณะแบบที่จะอยู่รอดได้ในโลกที่ธุรกิจปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นมีตายหมู่ 
ผู้บริหารทั้งหลาย...Steve Jobs ไว้ว่า...
“Management is about persuading people to do things they do not want to do, while leadership is about inspiring people to do things they never thought they could.”
การจัดการเกี่ยวกับการโน้มน้าวให้คนทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ แต่ผู้นำนั้นต้องสามารถดลใจให้คนทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ในชาตินี้ !!

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 102


ความเข้าใจผิด ที่ทำให้คนเราเหนื่อย เบื่อ เซ็งอยู่ทุกวันนี้

เข้าใจผิดว่า ทำดี ต้องได้ดี ทำบุญต้องได้บุญ
ที่ถูก คือ ทำดีไม่ได้อะไร ได้แค่ละกิเลส ทำบุญ ได้แค่สบายใจ

เข้าใจผิดว่า ดีกับใคร คนนั้นต้องดีตอบ 
ที่ถูก คือ เรามีหน้าที่ดี ใครจะดีกับเรา ไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา

เข้าใจผิดว่า ให้อะไรใคร ต้องได้กลับคืน
ที่ถูก คือ การ “ให้” คือ ยินดีเสียสละ ให้แล้วคาดหวัง..ไม่ใช่การให้ อ้างบุญคุณไม่ได้

เข้าใจผิดว่า แก่แล้วทำอะไรก็ได้
ที่ถูก คือ แก่แล้วต้องยิ่งสำนึก ทำชั่วไม่ได้ เวลาเหลือน้อย

เข้าใจผิดว่า ต้องทำเพื่อความมั่นคงของชีวิตในภายหน้า
ที่ถูก ความมั่นคงไม่มีในโลก ตายได้ทุกเมื่อ

เข้าใจผิดว่า ความต้องการของตัวเองสำคัญที่สุด เราสำคัญที่สุด
ที่ถูก คือ ไม่มีความต้องการนั่นแหละสำคัญที่สุด ไม่มีเราต่างหากสำคัญที่สุด

เข้าใจผิดว่า เข้าวัด ใจสงบ
ที่ถูก คือ วัดอยู่ในใจ ใจสงบจบข่าว

เข้าใจผิดว่า ความสบายเลือกได้
ที่ถูก คือ เกิดมาก็ทุกข์แล้ว มันเลือกไม่ได้ ไม่มีใครสบายตลอดชาติ

เข้าใจผิดว่า สิ่งของ คนของเรา ตัวตนของเรา เราต้องยึดไว้ รักษาไว้
ที่ถูก คือ ไม่มีอะไร หรือใครให้ต้องยึด ต้องรักษา ทุกอย่างไม่ใช่ของเราและที่สุดแล้วก็ไม่มีเราอยู่ดี 


วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 101


ในชีวิต...ต้องมีหนีกันบ้าง...

คนที่มาวิ่งในหัวเราแล้วทำให้ทุกข์ คิดทีไรเวียนหัวทุกที
คนที่ตั้งใจพูด หรือ ทำในสิ่งที่รู้ว่าเราไม่ชอบ เราเจ็บจี๊ดที่ใจ
คนที่คาดหวังความสำคัญจากเรา แต่ไม่ให้ความสำคัญกับเรา
คนที่ไม่สามารถและไม่มีทางพูดว่า “ขอโทษ” ได้อย่างจริงใจ
คนที่ทำตัวเป็นเหยื่ออารมณ์ตัวเอง โดยเฉพาะเวลาที่ไม่ได้ดังใจ

คนพวกนี้...หลายคนไม่มีความสุขและไม่สามารถใช้ชีวิตเต็มที่ได้
พฤติกรรมหลายอย่างจึงเลยเถิดเข้ามากินแดนสงบสุขของเรา

พวกนี้เป็นพวกใจไม่ถึง และบางทีใจร้าย....มากถึงมากที่สุด
พวกนี้จะทำอะไรก็ต่อเมื่อมันได้ประโยชน์กับตัวเอง
คิดว่ามันจำเป็นสำหรับตัวเองเท่านั้น
ยากที่จะคิดถึงคนอื่น ทำเพื่อคนอื่นจริงๆ
หรือทำ ก็ทำไปแบบมีวาระซ่อนเร้น
และทำเนียนจนหลายคนคิดว่า...โห น้ำตาลชัดชัด ช่างหวานเสียจริง

ลองชิมดู...จะรู้ว่าเกลือดีดีนี่เอง
เกล็ดใสใส...หลงไป เจ็บใจซ้ำซาก !!

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 100

ความแก่ = สิทธิพิเศษ

สิทธิพิเศษในการยอมรับจากคนอื่น : 
ในความแก่มีความดี...อย่างน้อยทำอะไรคนก็ไม่ค่อยถือสา...
ป้ำเป๋อมั่ง หลงลืมบ้างก็พอทนกันไปได้...ขำขำวนไป 
สิทธิพิเศษในการไม่ต้องเหนื่อย :
อายุมากขึ้น...ความสำคัญของสิ่งไร้สาระเริ่มลดน้อยลง
เอาสบายเข้าว่า...เรื่องที่จะไล่ตาม...น้อยลงมาก

สิทธิพิเศษในการเลือกคบคน :
เวลาเหลือน้อย เพื่อนที่เหลือจะมีเท่าที่เหลือ...
ได้รู้เช่นเห็นชาติ ใครจริง ใครแอ๊บ
จัดการ "ใจตัวเองกับเพื่อน" ได้ดีขึ้น
จะเจอบ่อยหรือไม่เจอไม่ใช่ปัญหาแล้ว ถ้ายังมีความรู้สึกดีดี
และยังสามารถ unfriend ไปได้เรื่อยๆ ถ้ามันไม่ถูกจริต

สิทธิพิเศษเรื่องความมั่นใจ :
แก่ขึ้น...มั่นใจขึ้นในเรื่องของความคิด
และยังเติบโตขึ้นในเรื่องของจิตใจ
ประมาณว่า...นิ่งได้ ตอนที่จะต้องนิ่ง
เข้มแข็ง แข็งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อในเวลาที่จำเป็น

สิทธิพิเศษที่จะมีเสน่ห์ :
ยิ่งแก่ ก็ยิ่งเหี่ยว...มันจริงอยู่ แต่เสน่ห์ไม่ได้อยู่ที่เหี่ยวหรือไม่เหี่ยว
ไม่ต้องฝืนสังขารให้ตึงกันตลอดเวลาถึงจะดูดีก็ได้
ใจร้าย...ตึงยังไงก็ดูไม่ดี
ใจดี...เหี่ยวยังไงก็ยังน่ารัก (มะ..กอดที)
รอยย่น คือ ร่องรอยประสบการณ์
และตีนกา คือ ริ้วรอยแห่งความสุข (ขำมันทั้งวัน)

แก่แล้ว...อะไรไม่ใช่จริต ปฎิเสธมันไป
เวลาน้อย บ้านไกล คนแก่ต้องกล้าหาญ 
กล้าที่จะรัก กล้าที่จะลืม กล้าที่จะถอย กล้าที่จะเดิน
...เรามีสิทธิพิเศษ !!