วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

คุณภาพชีวิตคนขึ้นอยู่กับการครองสติ

การมีสติ คือ การจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ ถ้าเราสนใจอะไรมากพอ เราจะ focus เราจะใส่ใจไปเต็มที่ ปัญหาคือ เมื่อเราไม่ได้ให้ความสนใจจริงจัง เมื่อนั้นเราจะมีแนวโน้มหลุดจากการรับรู้ สติหลุด เสียสติ การจะมีสติกับอารมณ์ต่างๆได้นั้น บางทีเราคงต้องมีรางวัลให้กับตัวเองบ้าง คือถ้าเราระงับอารมณ์ ดึงสติกลับมาจากความทุกข์ ปัญหาต่างๆได้ ก็ทำอะไรดีดีให้ตัวเองได้แฮบปี้ มันจะเสริมแรงให้คนมีสติได้ 
คนเราจะมีชีวิตที่มีคุณภาพได้ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมความสนใจของตัวเอง ซึ่งตามหลักการแล้วการนี้มันต้องฝึก อาจจะโดยการสวดมนต์ การออกกำลังกาย การวาดรูป เพื่อฝึกให้ร่างกายและใจรู้จัก focus ซึ่งจะทำให้เรามีการควบคุมตัวเองได้ง่ายขึ้นในสถานะการณ์อื่นๆ สิ่งสำคัญในการฝึกอยู่ที่ทัศนคติต่อสิ่งที่จะฝึกด้วย คือ ต้องชอบ ต้องทำแล้วแฮบปี้ เช่น การสวดมนต์ทำให้เราสบายใจ มีจิตบริสุทธิ์ขึ้น หรือการออกกำลังกายทำให้เราพอใจกับความแข็งแรงของร่างกาย ถ้าสิ่งที่จะฝึกเป็นสิ่งที่เราชอบ มันจะเกิดผลดีมาก แม้แต่สิ่งธรรมดา เช่น การล้างจาน แต่คิดให้มันเป็นศิลปะ เป็นความเรียบร้อยสะอาดสวยงาม นั่นก็ถือว่าเรา focus อยู่กับมันไปแล้ว ฝึกอะไรก็ได้ ขอให้ชอบและฝึกไป อันนี้จะเป็นรางวัลอย่างหนึ่งที่จะให้กับตัวเอง ซึ่งมันจะช่วยให้เรามีชีวิตแบบเป็นสุข มีสติ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยอารมณ์ขึ้นลงของเรา ไม่ทำลายความสุขคนอื่น


วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

กำลังใจ

กำลังใจ 💝
บางที ชีวิตอาจไม่ได้ง่ายสำหรับคุณ
บางทีคุณอาจเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
...ที่สามารถรับมือได้กับช่วงเวลาทุกข์ทน 
และยังคงเป็นคนที่น่ารักได้อยู่
บางทีเรื่องมันเป็นอย่างที่เป็นเพราะคุณสร้างมันขึ้น
บางทีอาจเป็นเวลาสำหรับการทบทวน
บางทีเรื่องต่างๆมันอาจกำลังจะลงตัว
บางทีเรื่องต่างๆมันทำให้คุณเติบโต ยอมรับ
...และทำให้คุณแข็งแกร่งพอที่จะใช้เป็นบทเรียน
ตราบใดที่ยังรู้ตัวว่าได้ทำดีที่สุดไปแล้ว
ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวมันก็ดีเอง
เพราะว่าคุณไม่ท้อถอยที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า
แค่...อย่าหมดกำลังใจไปเสียก่อน 

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

คิดวันละอย่าง # 248

การมองโลกตามที่เห็นที่เป็นจริง

บางคนเลือกมองบวก ก็ดี สบายใจ
บางคนเลือกมองลบ ก็ยังดี ได้ระมัดระวัง
แต่ทั้งสองมุม คือ บวก กับ ลบ นั้น
บอกเลยว่ามันไม่จริง..เพราะเราเอาความรู้สึกยัดใส่ลงไปด้วย
น้ำครึ่งแก้ว คือ น้ำครึ่งแก้ว
ไม่ใช่เหลือ “ตั้งครึ่ง” หรือ มี “แค่ครึ่ง” 
ตามความจริงที่เป็น คือ น้ำครึ่งแก้ว 

มุมมองตามจริงอันนี้สำคัญมากด้วยเหตุผลหลายประการ 
อย่างหนึ่ง คือ ความทรมานน้อยลงมาก
ไม่ต้องซื้อความสบายใจด้วยมองบวก หรือ
ไม่ต้องจมอยู่กับทุกข์เกินเหตุที่เป็น 
มองเห็นจริงได้ เรื่องจบเร็วขึ้นมาก
แก้ไขปัญหาได้แบบไม่เสียเวลาโต้เถียงความรู้สึก
แล้วไหลไปตามที่คิด ที่รู้สึก แต่มันไม่ใช่ ไม่จริง 
มันเลยทรมานหนัก ไม่จบไม่สิ้น

อีกประการ คือ ทำให้เป็นคนมีหลักการเป็นคนจริง
การมองตามสภาพที่เป็นจริง ทำให้คนมีเหตุผล
พูดกันเข้าใจง่าย ภาษาเดียวกัน
ถ้าเอามุมบวก หรือ ลบใส่ลงไปด้วย
จะคุยกันไม่รู้เรื่อง เหตุผลที่มี
จะกลายเป็นเหตุผลใคร เหตุผลมัน

นอกจากนี้ จะทำให้เป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย
เมื่อเราไม่ได้เอาแต่มองโลกสวย หรือ จมกับโลกมืด
หูตาจะสว่างขึ้นมาก เรื่องแถ เรื่องอ้างจะไม่มี
เราจะเข้าใจสรรพสิ่งได้ตามที่มันเป็น
ยอมรับธรรมชาติ จริตหรือความแตกต่างได้ดีมากขึ้น

ประมาณนี้นะ ก็อยู่ที่ว่าเห็นน้ำครึ่งแก้ว
แล้วจะบอกตัวเองว่ายังไง
  • น้ำครึ่งแก้ว
  • น้ำเหลือครึ่งแก้ว
  • น้ำมีตั้งครึ่งแก้ว

  • วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    เรื่องกฎแห่งแรงดึงดูด

    ทุกเรื่องมันเป็นพลัง จะบวก จะลบก็พลัง 
    พลังดึงดูดที่ฝรั่งเรียกว่า The Law of Attraction 
    ซึ่งสอนเราให้รู้ว่าสิ่งที่เราคิด รู้สึกและทำ
    กลายเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง 
    มันทำให้เราประจักษ์ชัดถึงความบวกและลบในตัว

    จากมุมมองที่ว่าคิดยังไงก็เป็นแบบนั้น 
    ถ้ามีปัญญา มันจะมากับเรื่อง “การปล่อยวาง”
    พูดได้ว่าถ้าตระหนักรู้ถึงแรงดึงดูดปุ๊บ
    ราวกับว่าการปล่อยวางจะเดินตามมาประกบทันที
    อันนี้เป็นความลับของการสร้างสรรค์ความคิดใหม่
    และสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นกับตัวเองเลยนะ

    ลองหันไปหาการปล่อยวาง เมื่อรู้ถึงแรงดึงดูดลบๆ
    ลองปลดปล่อยพลังความสัมพันธ์ที่แย่ๆออกไป
    ลองปล่อยความต้องการที่ไม่สมหวัง 
    ลองปล่อยความต้องการควบคุมคนอื่น ควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ
    ปล่อยวาง...ยอมปล่อยออกไป เพื่อให้ได้ประสบการณ์ใหม่
    บทเรียนใหม่ๆที่จะทำให้ตัวเองไม่แพ้ต่อพลังแรงดึงดูดที่ไม่ดี

    มันจะว่าง โล่ง 
    คิดอะไรเป็นแบบนั้น...คิดว่าว่าง โล่ง ก็เช่นกัน สบายใจดีนะ


    วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    Do what you love, love what you do

    Do what you love, love what you do 🥰
    งานเป็นสิ่งที่กินเวลาชีวิตเราในสัดส่วนที่เยอะมาก
    คิดดูเถอะ 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน เราตื่นอยู่กี่ชั่วโมง
    แล้วเราใช้เวลาไปกับการทำและอยู่ในที่ทำงานกี่ชั่วโมง
    ถ้าเราไม่แฮบปี้กับอาชีพ การทำงานแล้วนี่มันนรกเลยนะ
    มันดึงดูดเอาพลังเราไปมากมาย
    เราลงทุนลงไปในสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบนี่มันใช่หรือ
    และไม่ใช่แค่เรื่องงาน ลองคิดถึงเรื่องต่างๆในชีวิต
    เช่น วิถีชีวิตในทุกวัน งานอดิเรก ฯลฯ
    มันมีอะไรบ้างที่เราต้องพัฒนา...ไปในทางที่ชอบ !!
    ผู้คนที่แวดล้อม กิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงข้อมูล
    ...ที่เราเอาเข้าไปหล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ มันเหมาะสมดีแล้วหรือยัง
    บางทีต้องหันกลับมาทบทวนว่าเรา “ใส่” อะไรลงไปในชีวิตบ้าง
    มันควรเป็นสิ่งที่รักที่ชอบนะ ชีวิตไม่ได้ยาว
    เราคงต้องระมัดระวังให้ดี ไม่เช่นนั้นชีวิตจะไม่เป็นชีวิตที่ต้องการ
    อย่าลืมว่า ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นที่มีอิทธิพลกับเรา
    แต่เป็นตัวเราเองที่เป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตอยู่ !!


    วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    คิดวันละอย่าง # 247

    บางทีเราคงต้องลด ละ เลิกหลายอย่างเลยนะ 
    จะได้แก่อย่างสง่าและแฮบปี้ไปด้วยกัน 
    📌 อย่ายึดติด “สมบูรณ์แบบ” : เพราะความสมบรูณ์แบบดังใจมันไม่มีในโลกนี้ ถ้าติดกับมันมากๆก็คงต้องรอไปเกิดใหม่นะ
    📌 ลดความกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย : ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มันจะหลีกเลี่ยงความแก่ ตีนกา เหนียงคอ ความเหี่ยวได้ไหม ความเจ็บป่วยเสื่อมของอวัยวะทั้งหลายมันมาเคาะประตูแล้ว สำหรับบางคนมันเชิญตัวเองเข้ามาแล้วด้วยซ้ำ คงต้องยอมรับไปและแก่ไปอย่างสง่างาม คิดเสียว่ามันเป็นริ้วรอยประสบการณ์
    📌 เลิกทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน : สังขารมันไม่เอื้อแล้ว ต้องมีโฟกัสชัดเจน คือทำทีละอย่าง เพราะการทำทีละอย่างอย่างตั้งใจและมีสมาธิ ทำให้ใจจดจ่ออยู่กับที่ทำที่พูดจริงๆ ไม่มั่วคิดนู้นนี่ มันช่วยให้เรารู้ตัว มีสติ ไม่ลื่นไหลเลอะเทอะ ไม่อย่างงั้นทำอะไรมันจะไม่สวย หนักข้อคือซวยด้วย คือ ไม่สำเร็จสักเรื่อง
    📌 หยุดโหยหาหัวโขน ความป๊อบหรือแม้แต่ความรัก : กลับมาดูตัวเองกันดีดี ธรรมชาติของเราเป็นยังไงตอนนี้ ก็ตามนั้น แก่ขนาดนี้จะต้องได้อะไรเหมือนเมื่อก่อนมันเป็นไปไม่ได้ เปลี่ยนการไล่ล่าชื่อเสียง การห้อมล้อมเอาใจมาเป็นแผ่เมตตาไปให้สมแก่ เปลี่ยนการยื้อยุดความรักมาเป็นการให้ความรัก ความหวังดี ความจริงใจ เปลี่ยนการแย่งชิงความป๊อบมาเป็นการสนับสนุนให้คนอื่นมีเวที แบบนี้ได้บุญดีนะ ดีกว่าทำปลอมน่ารักไปวันวันเพื่อให้คนสนใจแซ่ซ้อง มันไม่สมวัย คนแก่เรียกร้องอะไรมากๆมันน่ารำคาญ
    📌 เลิกเป็นกังวลกับปัญหาที่มาจากปัจจัยอยู่เหนือการควบคุม : เรื่องของคนอื่น สิ่งอื่นๆที่เราควบคุมไม่ได้ก็จะกังวลไปทำไม มันบั่นทอนประสิทธิภาพตัวเองลงได้แบบไม่รู้ตัว พวกความกังวลในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มันขโมยเวลาและทำให้เสียสติ ไปจนถึงการดำเนินชีวิตให้มันปกติก็ไม่ได้ หมกมุ่นมากไปไม่มีประโยชน์ มีแต่ทำร้ายตัวเอง
    📌 หยุดแคร์ทุกคนบนโลกนี้ : อย่าใช้ข้ออ้างคนดีให้ดูเป็นคนจิตใจดี เห็นอกเห็นใจคนทั่วไปทั้งหมด เพราะมันทำให้ลืมตัว ลืมความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เผลอๆเอาความอยากของคนอื่นมาเป็นของตัว มันไม่ถูก ชีวิตจะหนักอึ้งไปโดยใช่เหตุ แก่แล้วแค่ชีวิตตัวเองยังไม่ค่อยจะรอดเลย มันต้องรู้จักพาตัวเองออกมาสูดอากาศบ้าง รักตัวเองให้มากขึ้น เวลามีน้อยลงทุกวันนะ เอาชีวิตตัวเองกลับมา
    📌 ออกห่างคนไม่จริงใจ : ถ้าอยากให้ชีวิตสวยๆ ก็เลือกคนที่จะใช้เวลาอยู่ด้วย หน้ากากจะอยู่กันไม่นาน บางทีมันต้องปล่อยวาง ลดตัวตนเพื่อกลับไปหาคนที่ดีกับเราจริงๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่จ้องจะเอาเปรียบ แก่แล้วจะอยู่กันด้วยผลประโยชน์อย่างเดียวมันน่าเกลียดไปนะ
    📌 เลิกมีข้อแก้ตัวทุกเม็ด : หันมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ เพราะไม่ว่าอะไรที่ไม่พึงใจที่เกิดขึ้น สาเหตุหนึ่งที่สำคัญ คือ ตัวเราเองที่ตัดสินใจไปอยู่ในสถานะการณ์นั้น เลิกโทษชาวบ้าน เลิกแก้ตัวให้ตัวเองสบายใจ ยอมรับความจริงไปเลย
    📌 เลิกจมอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ : ทำไปนานๆมันจะชิน เสียความเป็นตัวตน อาจกลายเป็นอีกคนที่ตัวเองก็ยังไม่รู้จัก ปฎิเสธไม่เป็นนี่มันจะสูบพลังชีวิต ใช้ชีวิตไม่สงบสุข แก่ไปช้ำไป เศร้าไป


    วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    คิดวันละอย่าง # 246

    ความสุขเป็นงานหนักของคน
    คนที่มีความสุขมากๆส่วนใหญ่เป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้เกิดความสุข เป็นงานที่หนักหนาทีเดียว เพราะต้องใช้การควบคุมตัวเองอย่างยิ่งยวด มันเป็นเรื่องที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดทุกข์เพื่อดึงเอาพลังกลับมายังตัวเอง...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 
    ชีวิตคนเป็นซีรี่ส์ของการพัฒนาและเติบโตส่วนบุคคล 
    สิ่งที่นับได้ว่าเลวร้ายที่สุดในการขัดขวางการพัฒนาตัวเอง คือ การนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะมันจะเลยเถิดไปเป็นการอิจฉาริษยา อยากได้อยากมีในสิ่งที่ตัวเองไม่มี อันนี้หนักมากโดยเฉพาะเวลาเข้าไปยังพวก social media ต่างๆ อย่าลืมว่าคนใน social media นั้นจะแสดงออกเฉพาะเรื่องที่อยากอวด มันมีแต่เรื่องดีๆ โชว์ส่วนดีที่สุดที่มีในขณะนั้น ถ้าคิดว่าอยากเป็นแบบนั้น อยากทำแบบนั้นนี่จะโอละพ่อมาก ไม่ใช่แค่มันจะเบี่ยงเบนความชื่นชมในสิ่งที่เป็น สิ่งที่มีของตัวเอง กลายเป็นว่ามันไม่ได้ทำให้เรามี productive input ให้ตัวเองเลย การรับรู้ในชีวิตคนอื่นกลายเป็นความเชื่อผิดๆ เป็นความเข้าใจผิดๆไปซะงั้น ถึงแม้จะไม่ได้คิดแบบนั้น มันก็ยังต้องโฟกัสที่ตัวเองอยู่ดี เพราะทางของเราเท่านั้นที่เราควรนำมาพิจารณาให้ดี ไม่ใช่สนใจแต่เรื่องชาวบ้าน 
    ความสุขของคนเป็นเรื่องต้องฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละวางตัวตน วางอีโก้ตัวเอง หรือการวางโครงสร้างความสุขในชีวิตและการรักตัวเอง พวกนี้ล้วนแต่ต้องฝึกหนักทั้งนั้น ชีวิตเดียวนะ ต้องทุ่มเทอย่างแรงเพื่อให้มี version ที่ดีที่สุดของตัวเอง

    วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    คิดวันละอย่าง # 245

    เวลาเยียวยาทุกสิ่ง

    อย่าไปตัดสินในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องตัดสิน
    และไม่ต้องไปรู้ในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องรู้
    เพราะเมื่อถึงเวลา..ทุกอย่างจะคลี่คลายไปเอง

    การตัดสินในสิ่งที่ไม่รู้จริง 
    แต่เอาบรรทัดฐานของตัวเองมาวัดคนอื่นนั้น 
    ....ถือว่าไม่ให้เกียรติกัน...
    ถึงแม้จะเป็นเรื่องเลวร้ายแค่ไหน
    มันก็เป็นเรื่องของคนๆนั้นไม่ใช่หรือ
    แสดงความเห็นได้ แต่ไม่ต้องใส่อารมณ์ 
    ใส่อารมณ์ปุ๊บ...มันแปลว่าตัดสินปั๊บ

    บางเรื่อง...คนต้องเรียนรู้และรับผลที่เกิดขึ้นเอง
    ความหวังดีบางทีมันล้ำเส้น !! 
    ปล่อยให้เวลาเป็นตัวเปิดเผยทุกสิ่ง
    ซึ่งในที่สุดมันจะทำให้คนได้เรียนรู้และตัดสินใจได้เอง 

    เดือนดับยังต้องอาศัยเวลากว่าเดือนจะสว่างนะ 


    อดีต ปัจจุบันและอนาคต

    Lao Tzu กล่าวว่า 
    “ถ้าเศร้าหมอง ชีวิตคุณอยู่กับอดีต 
    ถ้ากระสับกระส่าย ชีวิตคุณอยู่กับอนาคต
    แต่ถ้ามีความสงบ ชีวิตคุณอยู่กับปัจจุบัน”

    คนเรามันมีความกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และจมอยู่กับบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ในขณะที่คิดถึงอนาคต ก็อย่าลืมปัจจุบันเพราะทุกขณะในปัจจุบันมันจะเปลี่ยนเป็นความทรงจำในทันทีที่เวลาผ่านไป เอนจอยกับทุกขณะที่มีเถอะ 

    และ คนเรากว่าจะรู้ได้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะทุกข์กับสิ่งที่ผ่านไปก็อาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต ซึ่งมันน่าเสียดาย การจมอยู่กับอดีตมันไม่ productive เอาแค่ว่าถ้าจะคิดเรื่องอดีตก็ถือเป็นการทบทวนไป ทบทวนว่าตัวเองผ่านอะไรมาบ้าง และอะไรที่สำคัญจริงๆสำหรับชีวิต การนี้อาจต้องใช้พลัง แรงใจรวมทั้งความเสียใจเยอะหน่อยในการก้าวข้ามไป แต่คุ้มค่าแน่นอน 

    การสร้าความสมดุลในเรื่องอดีต อนาคตนี้จะทำให้เราสามารถเลือก สามารถเรียงลำดับว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป มันเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองจริงๆ 


    วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    ไม่มีอะไรจีรัง

    เวลาดีดีก็แค่ชั่วคราว เวลาแย่ๆก็แค่ชั่วคราวเหมือนกัน
    ดังนั้น เมื่อมีเวลาดีดีก็เอนจอย ชื่นชมไป
    พอเจอเรื่องแย่ๆ ก็แค่ต้องรู้ว่ามันจะผ่านไปในที่สุด
    โลกยังไม่แตก มันขรุขระไปหน่อย
    ชีวิตมีขึ้นมีลง มีลดมีเลี้ยว มีเปรี้ยวมีขม
    มัน คือ journey ไม่ใช่ destination
    ทุกอย่างเป็นเรื่องชั่วคราวตามวิถีชีวิต
    คนเราก็แค่ make the most out of all of it 😊

    วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    การรับรู้ คือ เรื่องสำคัญ


    มันคือเรื่องจริงนะ วิธีที่เราตีความและเข้าใจโลกมันส่งผลตรงต่อความเชื่อ วิถีการดำรงชีวิต 
    การรับรู้ของเราสร้างอคติพอๆกับสร้างความเข้าใจ สร้างความกลัวพอๆกับสร้างความอยากรู้อยากเห็น แล้วอะไร คือ สิ่งที่คนต้องรับรู้ การเปิดกว้างให้ตัวเองรับรู้แค่ไหนจึงเพียงพอ ส่วนใหญ่คนต้องการรู้มากกว่าที่รู้ สังคมเน้นความสำคัญของการศึกษา การเรียนรู้ การค้นคว้าคือสิ่งที่เราทำมาตลอด แต่ทว่าการศึกษาก็ไม่ได้ทำให้เรารับรู้และเข้าใจอะไรมาก มันยิ่งยากเข้าไปอีก 
    แล้วเราจะเรียนรู้ยังไงในสิ่งที่ไม่รู้ จะต้องรับรู้อะไรยังไง? 
    มันคงต้องเริ่มที่ถามตัวเองไปว่า อะไรที่เราไม่รู้และเราต้องการเรียนรู้มากขึ้นในเรื่องใด มันขึ้นกับการ “อยากรับรู้” ของเราแล้ว ไม่ได้ขึ้นกับว่าสังคมต้องการให้เรารู้เรื่องอะไร 
    แต่สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ คือ การผิดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะมันเป็นวิถีในการเติบโตของคน มันทำให้เราขยายขอบข่ายการรับรู้ได้ดี 

    วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

    อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ใช่

    ข้อคิด :
    ถ้าใครไม่อยากอยู่กับเรา ก็ปล่อยไป
    ถ้าใครไม่ต้องการเรา ก็แค่จากไป
    คุณไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพื่อตอกย้ำให้คนยอมรับในคุณค่า
    คุณอยู่เพื่อเรียนรู้ สร้างสรรค์ เติบโต และ
    ใช้ชีวิตเพื่อหล่อเลี้ยง เพื่อให้ความรัก
    คนที่คู่ควรเท่านั้นที่จะทำให้เรารู้สึกดี มีค่า 
    อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ใช่

    คิดวันละอย่าง # 244

    การเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่อายุที่เพิ่มขึ้น
    มัน คือ วิธีคิดและพฤติกรรม “เป็นผู้ใหญ่”
    ➡️ อย่าขโมยซีน : ไม่ต้องทำตัวเด่นตลอดเวลา การพูดถึงแต่เรื่องตัวเองมันเด็กๆและน่าเบื่อ การใส่ใจ การให้ความสนใจและเรื่องราวของคนอื่นอย่างจริงใจนั่นแหละที่ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่คิดถึงแต่ตัวเอง ใจกว้าง มีน้ำใจ เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ฉายแสง
    ➡️ ถูกที่ถูกเวลา : เป็นผู้ใหญ่ต้องรู้จักกาละเทศะ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องตีหน้าเก๊กขรึมจริงจังตลอด ต้องแยกแยะได้ว่าอยู่กับใครและเวลาไหนควรเล่นหรือควรจะจริงจัง อยู่กับเพื่อนก็ติงต๊องไร้สาระได้ ซึ่งไม่ได้เสียความเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น
    ➡️ อย่าไร้เดียงสา : อะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบค่ะ การทำแอ๊บอินโนเซนต์ไม่ได้น่ารัก มันจงใจก่อความรำคาญแบบไม่นึกถึงใจคนรอบข้าง ต้องรู้จักสังเกตคน ความเป็นไปรอบข้าง ไม่เอาแต่ใจตัวเอง จึงจะสามารถยอมรับ เข้าใจและมีพฤติกรรมเป็นผู้ใหญ่ได้ ตอบสนองตามความจริง
    ➡️ ปล่อยได้ ปล่อยไป : การเงียบก็ทำให้รู้ว่าไม่พอใจได้ ไม่ต้องถึงกับโต้เถียง เอาชนะคะคาน มีอะไรที่ไม่พอใจก็แค่บอกตรงๆไป หรือแค่เดินหนีไปก็จบเรื่อง อย่าเก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้สำคัญอะไรมาใส่ใจ
    ➡️ มั่นใจ เป็นตัวเอง : ถ้ามีบางนิสัยที่แปลก ไม่เหมือนชาวบ้านและมันไม่ได้ส่งผลต่อการเข้าสังคม ไม่ได้ทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน ก็ยอบรับและแสดงตัวตนที่แท้จริงไปได้ ไม่ต้องแสร้งเป็นอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องอึดอัดรู้สึกไม่ดีเพื่อให้ดูดี
    ➡️ ยืดอก รับผิดโดยดี : การยอมรับผลจากการกระทำของตัวเองถือได้ว่าสำคัญมากในการเป็นผู้ใหญ่ ทั้งคำพูดและการกระทำมันส่งผลต่อตัวเองและคนรอบข้างทั้งนั้น ถ้ารู้ว่าทำผิดก็ยอมรับ มันไม่ได้ยากแค่ขอโทษอย่างจริงจังและจริงใจ