วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

too nice…ดีเกินไป

 มันมีหลายเหตุผลที่คนต้องดี ต้อง nice ต่อกัน  แม้แต่ผลงานวิจัยจาก University of Kent at Canterbury ก็แสดงให้เห็นว่าการอวยไปตามคนอื่นทำให้เกิดการยอมรับในกลุ่มมากขึ้น หรือ ผลวิจัยของคุณ Amy Cuddy จาก Harvard Business School ก็บอกว่าถ้าผู้นำเน้นที่ความอบอุ่น ความเป็นมิตรจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจกลับคืนมามากกกว่า 

แต่ถ้า...too nice  ดีเกินไปละ คงไม่ไหวเหมือนกัน

nice ในที่นี้หมายถึง พยายามอย่างมากที่จะรื่นรมย์ เอาใจ น่ารัก มีความสุข คิดบวกตลอด ทำแต่เฉพาะสิ่งที่คนคาดหวังและต้องการ  ไม่มีโต้แย้ง กลัว เกรงใจ  หน้าฉาก คือ เล่นไปตามความคาดหวังของชาวบ้าน แต่เก็บตัวเอง ตัวตนของตัวเองไว้ในซอกมุมลึกๆข้างหลัง...แบบนั้นแหละ nice !!

อย่าเข้าใจผิดว่าไม่เห็นด้วยกับการที่คนจะ nice ต่อกัน
ยังชื่นชมความใจดี ความเอาใจใส่และยังเคารพคนที่ nice ว่าเก่งจริงๆ (ทำมาได้ตั้งนาน ทั้งที่ไม่ใช่ตัวตน 55)

มันก็แค่เป็นความคิดว่า อยากให้คนจริงใจ จริงต่อคำพูด จริงต่อการกระทำที่สะท้อนออกมาจากข้างใน (อันนี้ไม่เกี่ยวกับมารยาทแต่อย่างใดนะ) เพราะบางทีการดีเกินไปทำให้เกิดปัญหา คือ...

  1. ไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด : การดีเกินไปตลอดเวลาไม่ได้ทำให้เราแสดงตัวตนที่แท้ ความชอบ ความไม่ชอบและความต้องการที่แท้จริง มันทำให้คนสนิทใจด้วยลำบาก เพราะคนต้องการความซื่อตรงต่อกัน ถ้าเราทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนแฮบปี้ตลอด ทุกอย่างราบรื่นตลอด  คนอยู่ใกล้ไม่นาน เพราะว่า...too nice is boring มันน่าเบื่อ  ความสัมพันธ์ที่ดี คือ การผลัดกันให้ ผลัดกันรับ คนเป็นปัจเจกชนที่มีทั้ง complete และ complex มันสนุกกว่ากันเยอะ
  2. จิตตก : การดีเกินไป จะตกเป็นเหยื่อความคิดของตัวเอง ประมาณว่า ฉันดีขนาดนี้ พยายามที่สุดในการทำทุกอย่างให้ทุกคนแฮบปี้ ทำไมไม่มีใครดีกับฉันแบบนี้มั่ง ขออะไรแค่นิดหน่อยก็ไม่ได้  ปฎิเสธฉันได้ยังไง ไม่มีใครรักฉันเลย ฯลฯ  คุ้นๆมั๊ย  ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ได้มาจากการมีวุฒิภาวะอีกต่อไป สติเริ่มแตก การให้ตลอดเวลามันเหมือนโดนหลอกเข้าไปทุกวัน มันต้องหา better และ healthier approach มากกว่าที่จะมานั่งนับว่าเราดีกับชาวไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมคนไม่ดีกับเรามั่ง  อย่าจิตตกอีกต่อไป การยืนยันความต้องการของตัวเองไม่ได้ยากขนาดนั้น  เรามีสิทธิ์เต็มที่นะ
  3. กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตัวเอง : การอวยใส้แตกแหกใส้ดม เอาใจ ทำให้คนอื่นมีความสุขโดยไม่นึกถึงตัวเองนั้น มันคือการหลีกเลี่ยงตัวตน ประมาณว่า it's not always about me, and no, it's not never about me แบบนี้มันเศร้า เราไม่เคยเล่นแบบเท่าเทียมในชีวิต ไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้เห็น ได้รู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองเลย  ระวังมองเข้าไปในกระจกจะไม่รู้จักว่านี่เป็นใคร  บางทีมันต้องฝึกที่จะไม่ too nice ฝึกจริงใจกับคนอื่นและตัวเอง ฝึกการแบ่งปันความคิดแม้คนอื่นจะไม่เห็นด้วย 


เอาใจใส่ เมตตา เคารพคนอื่นต่อไปได้...แต่อย่า pleasing หลบซ่อนอยู่ข้างหลัง...การดีเกินไป...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น