วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้อง compromise

เกิดเป็นคนมันต้องยืนหยัดในวิถีการทำงาน ซึ่งไม่ได้แปลว่า “ไม่รับฟังคนอื่น” มันคนละเรื่องกัน  โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำ ไม่ต้อง diplomatic ขนาดนั้น เพราะว่าเมื่อเราเอออวยเมื่อใด มันคือการที่เรากลางๆในเรื่องต่างๆ  คนเราต้องมีความเห็น จะมากลางๆ คนอยู่ด้วยทำงานด้วยลำบาก มันไม่รู้ทิศทาง จัดการให้ไม่ถูก  โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นความถูกต้อง มันไม่มีความเป็นกลาง จะมาทำเทาๆเนียนๆไปไม่ได้  

ถูก คือ ถูก ผิด คือ ผิด  
มาตรฐาน คือ มาตรฐาน กับ ไม่มีมาตรฐาน 
คุณภาพ คือ คุณภาพ กับ ไม่มีคุณภาพเท่านั้น 

ไม่มีระดับ ไม่มีชั้นหนึ่งชั้นสอง  ถ้ายอมรับตรงนี้ไม่ได้ อย่าใฝ่หาความสำเร็จหรือนวัตกรรมใดใด  ชาติหน้าก็ไม่ได้ 
ในการประชุมต่างๆ เราจะเห็นพวกนักประนีประนอมอยู่บ่อยๆ ขุนพลอยพยักมีอยู่ก็ไม่น้อย มันทำให้การประชุมไร้รสชาด ทื่อ เอื่อย  แต่ที่สำคัญ คือ มันทำให้เกิดเผด็จการขึ้นในองค์กรและคนที่ตายซากมากขึ้นทุกที     อย่า compromise ถ้าเรามีหลักการ เหตุผล ข้อมูลที่ดี อย่าปล่อยให้เกิดการลอยนวล  เชือ้ประนีประนอมมันร้ายนัก  มันไม่เคยสนับสนุนการมีความคิดสร้างสรรค์ มันทำให้สมองฝ่อ  มัน lifeless มันไม่ work สำหรับคนที่ต้องการพัฒนา 
องค์กรยิ่งขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ โตขึ้นมากเท่าไหร่ 
การประนีประนอมจะคืบคลานเข้ามาง่ายเท่านั้น  

คนหลายคนพร้อมและชินกับการยอมรับมันอย่างเต็มใจ โดยคิดว่าเพื่อการก้าวไปข้างหน้า  ต้องยอมๆกันไป  มันไม่มีทางจะไปข้างหน้าสวยงามได้  ถ้าไม่มีคนคิดต่างและไม่ยืนหยัดความคิดตัวเอง  การล่องลอยไปตามที่คนอื่นคิด คนอื่นทำนั้น  ไม่สามารถสร้างการพัฒนาได้  ไม่สามารถจะเป็นเลิศได้  ก็ได้แต่อยู่กลางๆ ซึ่งชาตินี้ ไม่มีวันชนะหรือได้ดี  ดังที่เราก็เห็นๆกันในองค์กรของเรา 
ของแบบนี้มันขึ้นกับผู้นำที่จะ set tone ในองค์กรของตัว  ถ้าคนเห็นว่าเรายินยอมประนีประนอมโดยไม่มีเหตุผลที่ดีรองรับ  คราวนี้ทุกคนจะตามไปติดๆ ทำเหมือนกัน compromise เหมือนมะเร็งมันลามเร็ว ลามหนักแน่นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเหตุให้องค์กรดีๆหลายองค์กรกลายเป็นองค์กรในระดับ average หรือถ้าหนักกว่านั้นก็คือ องค์กรห่วยไปเลย ยากในการพัฒนา 
การไม่ compromise ต้องตามมาด้วยเหตุผลที่หนักแน่นเป็นจริง

เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พิสูจน์ว่าเรายินดีรับฟังและมันทำให้เกิด important insight ในการตัดสินใจ การเลือกแนวทางใหม่ในการปฎิบัติ   เราคงต้องตรวจสอบตัวเองให้ชัด   ในการบริหารจัดการองค์กร  ถ้าเรามีข้อเสนอแนะและเรามี good evidence สนับสนุน มันแปลได้ว่าเราตัดสินใจดี  แต่ถ้าไม่มีหลักฐานที่ดีเพียงพอ มัน คือ การก้าวเข้าสู่การประนีประนอมในที่สุด 
ประเทศนี้มันมีคนประนีประนอม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเยอะจนทำให้บ้านเมืองเข้าขั้นวิกฤติอยู่ทุกวันนี้  พวกเราไม่ควรเพิ่มจำนวนประชากรประนีประนอมให้มันพินาศมากขึ้น  
อย่ายอม 
อย่าประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง มันจะทำให้เราเป็นทุกข์  ประเทศหาความสุขไม่ได้   

2 ความคิดเห็น:

  1. บทความ ข้างบน บอกตรงๆ โดนใจอย่างแรง

    ไม่ใช่เพราะเป็นคนแรง ในการทำงานเราไม่เคยยอม ไม่เคยประนีประนอมถ้าไม่ใช่ทางที่ควร นอกเสียจากจะมีเหตุผลอันควร

    บางครั้งเราคิดว่า ความเป็นคนไทยนี่บางครั้งมีความประนีประนอมสูงจริงๆ ไม่อยากขัดแย้ง ไม่อยากออกความเห็น ไม่กล้าเผชิญหน้า บอกว่าไม่ชอบเครียด ไม่ชอบความแรง อยู่กันได้แบบทนๆกันไป ใน meeting ก็ มีคนแบบนี้อยู่มากมายถามว่าในบริษัทเอกชนมีความเป็นแบบนี้เท่ากับหน่วยงานรัฐหรือไม่ เปล่าเลย .....อยากบอกว่า พฟติกรรมซ้ำๆมันสร้างคนเหมือนที่พวกเรายังทนกันได้ที่ยอมให้ คนอย่างทักษิณมามีอิทธิพลทางประชานิยมที่ใช้เงินของพวกเราเองซื้อมา ก็เพราะเรายอมให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นเราไม่กล้าเผชิญ ไม่แข็งแรงพอจะปฏิเสธ การไ่ลุกขึ้นมาทำอะไรเท่ากับการยอมรับ เท่านี้เรายังไม่เจ็บปวดพออีกหรือ ที่ให้ คนสถุลมาย้ำยีประเทศชาติและ พ่อหลวงของเรา

    ตอบลบ
  2. hats off เราไม่ทน โดยเฉพาะเรื่องบ้านเมืองเราไม่สามารถที่จะยอมได้ การประนีประนอมมันใกล้เคียงกับการเป็นคนอ่อนแอมากนะ ถ้าคนไทยอ่อนแอ เราก็จะโดนย่ำยีเหมือนกับที่ทุกวันนี้ต้องกลืนเลือดโดยไม่รู้ตัว ขอบคุณหนูต๊ะมาก

    ตอบลบ