ไม่ปกติ = เป็นทุกข์
เป็นทุกข์เรียนรู้ไม่ได้
เหมือนกระดาษชำระที่เปียกน้ำ เทน้ำราดลงไปอีก ก็ซับอะไรไม่ได้
จะสอนคน ต้องทำให้หายทุกข์ก่อน
คนมาอยู่กับเรา มาเรียนรู้กับเรา ล้วนพกพาความทุกข์มาทั้งสิ้น..ไม่ขจัดทุกข์ จะเรียนรู้ได้อย่างไร
ทำกิจกรรมให้หายทุกข์ ให้เหนื่อยมากๆจนไม่คิดถึงทุกข์
เหมือนตากกระดาษชำระให้แห้งก่อน
เอาความรู้ราดลงไป มันจึงจะซึมซับ จึงรับได้
การศึกษาไม่ได้ดับทุกข์ ความรู้ไม่ได้ดับทุกข์
การเข้าใจการเปลี่ยนแปลง คือ การดับทุกข์
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคน คือ การไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลง การพลัดพราก การไม่ได้ดังใจเป็นเรื่องธรรมชาติ
ถ้าเข้าใจ =ไม่ทุกข์
แค่มีสติรู้ตัวก็ไม่ควรทุกข์
โกรธใคร รู้ตัวปุ๊บ ออกไปสองนาที กลับมาใหม่ เหตุการณ์เปลี่ยนไป
แต่ถ้าฟังใครพูดไม่ดี ไม่พอใจอะไรแล้วจ้องสวนกลับทันที อันนั้นตัวใครตัวมัน ทุกข์มาหนักกว่าเดิม
ทุกวันนี้เรายึดติด ยินดีอยู่ในกรงที่สร้างขึ้น
เหมือนไก่ในสุ่มไก่ ต้องทำตามหลักการ รับใช้เทคโนโลยีจนติด
ไม่มีไม่ได้ แต่ที่จริง ไม่มีก็ได้
ที่ต้องมี คือ ความดีงาม
ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องศาสนา ไม่ใช่ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามหรืออะไรทั้งนั้น
ไม่ใช่เรื่องฟังเทศน์ ฟังธรรม สวดมนต์
คนไม่มีศาสนาที่เป็นคนดี...จึงเป็นคนเข้าใจโลกอย่างแท้จริง
ความดีเป็นสมบัติของมนุษยชาติ
ไม่ใช่ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ความดีไม่ได้เป็นของศาสดา
ชาวพุทธ..มองพุทธะเหลือแคบนิดเดียว
คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ความจริง ความดี ความปกติซึ่งเป็นกฎแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นปกติ = ศีล (morality)
เป็นหลักปฏิบัติที่ไม่ทำให้เดือดร้อนซึ่งกันและกัน
ไม่ละเมิดศีล = ไม่เบียดเบียน = ไม่เป็นทุกข์
คนสุข สงบได้ด้วยเบญจศีล คือ ศีล 5
การศึกษาเป็นเพียงเครื่องมือ....ศีล คือ ผู้ควบคุม
การศึกษาที่ไม่มีศีลกำกับ ก็ได้เพียงความรู้ ไม่ได้ปัญญา ไม่มีความสุข
ความมั่งคั่ง ก้าวหน้า มั่นคง ความสุข ล้วนมาจากศีล
ศีล = ปกติ = เป็นสุข
ถ้าไม่ปกติ ไม่มีศีล = เป็นทุกข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น