วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คิดวันละอย่าง # 143

ภาวะจิตตก
“จิตตก” สำหรับทางการหมอคงเป็นคำที่ใช้บรรยายอาการของคนที่ประสบกับความเครียด ความกดดัน เป็นระยะเวลายาวนาน หรือ อาจไม่นานแต่ระดับความรุนแรงมันสูง แต่สำหรับคนปกติธรรมดา “จิตตก” นี่คงประมาณว่า “จิตตกใจ” คือ เวลาที่มีอะไรไม่เข้าท่ามากระทบจิตใจเรา แล้วมันช็อคแพร็บ เกิดความไม่สบายใจและไม่สามารถจัดการได้ มีเครียด มีกดดัน หรือ มีวิตกจริตจนกังวลไปต่างๆนานา อันนี้เกิดกันได้ทุกคน 
เช้านี้เกิดอาการจิตตก(ใจ) ช็อคไปแพร็บนึง เพราะลืมไปขึ้นเครื่องบินตามเวลา สติสตังค์หายหมด ร่างมันร้อนๆตึงๆ ใจก็สั่นๆงงๆและวูบๆ หายใจไม่อิ่มเลย พยายามจะรู้ตัวนะ แต่มันไม่ทัน มันเครียดวูบวาบไปแล้ว เพราะความเกรงว่าสิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น คือไปไม่ทันทำงานแล้วจะมีความเสียหายเกิดขึ้น คิดว่ามันยุ่งแน่ ความวิตกจริตบังเกิดเลยทีเดียว ย้อนนึกเวลาที่รู้สึกแบบนั้นได้ประมาณนาทีนึง (เหมือนนานมากกก) แล้วก็รีบจัดการจองตั๋วใหม่ มือสั่นกันเลย พอได้ตั๋วยังไม่หายนะ โล่งไปแป๊บ แล้วก็ติดต่อแจ้งคนที่จะมารับที่สนามบิน และ..เอ้ายังเวิ่นเว้อต่อไปอีก 5 นาที หมาเหมอกระจาย เลยหายใจลึกๆ เอาวะ จะไปจิตตกใจอะไรนักหนา มันจบไปแล้ว ทีนี้ได้ตั้งหน้าเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วก็มานั่งชิวทบทวน เขียนนี่แหละ 
ได้วิธีแก้จิตตกใจมาบ้าง..จึงอยากเล่าสู่กันฟัง
1. ต้องเชื่อก่อนว่า...มันต้องผ่านไปได้
2. สติมา สติมา ไม่ฟูมฟายตีอกชกหัวตัวเอง จัดลำดับความสำคัญ เอาทีละอย่างให้มันจบ
3. เริ่มท้าทายกับปัญหาละทีนี้ เอาดิ เป็นไงเป็นกัน มันเกิดขึ้นมาแล้ว ดีจะจำไว้เป็นบทเรียน อะไรจะเกิดต่อจากนี้เราไม่เป็นไรแล้ว
4. ผ่อนคลายตัวเอง จะอ่าน จะเขียน จะกินก็เบี่ยงเบนไป ทำในสิ่งที่ตัวเองสบายใจ (ข้าพเจ้าเลือกหาอะไรกินไป แล้วเขียนไปด้วย) วิตกกังวลจะค่อยๆหายไป ถ้ายังมีค้าง...ก็หายใจลึกๆเอาอ็อกซิเจนเข้าไปล้างซะ 
อือ...ดีเหมือนกัน ได้รู้เท่าทันความคิดและจิตใจของตัวเองได้หน่อย มันดีนะ มันรักษาจิตใจเราให้มั่นคงได้ดีขึ้นจริง อันนี้รู้เลยว่าถ้าปล่อยไว้มีบ้าได้ อาการอาจจะรุนแรงถึงขั้นไปหาทางการหมอกันเลยทีเดียว และมันจะมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตตามมาอีกมากมายแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น