วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

อย่าอยู่กับโลกเสมือนจริงจนทับซ้อนกับโลกความเป็นจริง


เทคโนโลยีทำให้ผู้คนบนโลกนี้มีทางเลือกกันมากมายในการใช้ชีวิต ยิ่งในช่วงเวลาเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อชาตินี้พวกเราก็อยู่กับดินแดน Virtual World กันมากขึ้น คือเวลาปกติก็มากอยู่แล้วอย่างที่คนเคยสำรวจมาว่าคนไทยอยู่กับอินเตอร์เนตมากเกือบ 10 ชั่วโมงต่อวัน อันดับ 5 ของโลกกันเลย ตอนนี้คงหนักกว่าเดิม ซึ่งบางทีมันก็กลายเป็นความ “บ้า” เอาง่ายๆ จะบ้าไปแนวไหนก็ขึ้นกับการ “อยาก” สร้างตัวตนไปแนวนั้น เช่น พวกบ้าความคิดเห็น บ้าความรู้วิชาการ  ก็อยากให้ผู้คนเห็นว่าเป็นคนมีสาระเป็นเรื่องเป็นราว หรือ บ้าเป็นห่วงเป็นใย บ้ากดไลค์ บ้าเม้นเห็นใจ บ้าชม บ้าอวยนี่ก็อยากทำตัวเป็นนางฟ้าคนดีที่หนึ่งให้โลกได้รู้ แต่ความจริงจะเป็นยังไง มีความชั่ว ความมืดมนในใจยังไงนี่ ไม่มีใครรู้ มันหลอกคนกันได้ง่ายๆกลายเป็นมิตรภาพออนไลน์ที่นึกเอาเองว่าแน่นแฟ้นมาก เชื่อไปเลยว่าอันนั้นคือความจริง มันแปลว่าโลกเสมือนจริงนี้เข้ามามีบทบาท มีอิทธิพล ยึดครอง ครอบงำโลกแห่งความเป็นจริงไปเรียบร้อย เพราะว่าเราดันเอาพวกเสมือนจริงเข้ามาเป็นใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจคน เชื่อเหตุการณ์ที่คนแชร์ คนกดไลค์จนไม่ได้ตรวจสอบว่ามันถูกต้องเป็นจริงหรือเปล่า สรุป คือ เหมือนคนบ้าที่อยู่คนละโลกกับความเป็นจริงกันทุกแวดวงไม่ว่าจะเป็นแวดวงปุถุชนคนธรรมดา แวดวงสื่อ ไปจนถึงแวดวงการเมือง หรือแวดวงระดับผู้บริหารประเทศ 

ซึ่งก็น่าเห็นใจอยู่นะ เพราะว่าในโลกเสมือนจริงผู้คนจะมีความสุขได้มากกว่า ทุกคนสามารถจะสร้างตัวตนได้ตามต้องการ คิดและสร้างสิ่งต่างๆ ได้ตามต้องการ มีอิสระไปไหนมาไหนไม่ต่างไปจากการอยู่บนโลกจริงหรืออาจจะมากกว่า ไม่เท่านั้น ยังสามารถซื้อขายขายสินค้าได้จริง มีการนำสินค้ามาโชว์ให้ผู้คนได้เห็นได้ซื้อจริง เราเลยหลงกันจริงๆว่านี่และมันจะเป็นโลกของเราจริง 

ไม่เป็นไร ช่วงนี้ก็เสมือนจริงไปก่อนเพื่อความปลอดโรคปลอดภัย แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมไปได้ แค่อย่าลืมว่า...มันไม่ได้เป็นจริง ยังไงเราก็ต้องกลับมาอยู่กับโลกที่สัมผัสได้จริงในท้ายที่สุด ซึ่งจะทุกข์จริง สุขจริงก็แล้วแต่จะปรับตัวกันได้ ยอมรับกันได้เร็วแค่ไหน เพราะโลกแห่งความจริงไม่ได้สร้างแล้วสำเร็จจากความ “อยาก” ของเรา !! 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น