วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 260

ถึงเวลาไม่ต้อง “เร่งรีบ” 
โลกกำลังเจอกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงถึงขั้นผันผวน สาเหตุหนึ่งคืือความเร่งรีบของคน การเร่งรีบมันทำให้เรา fail fast ใช้พลังตะกายไปในสิ่งที่ “อยาก” ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองในทางทำลายธรรมชาติ ทำลายภูมิคุ้มกันตัวเอง มันคล้ายๆกับที่ Thomas Merton ว่าไว้ "People may spend their whole lives climbing the ladder of success only to find, once they reach the top, that the ladder is leaning against the wrong wall.”  ผู้คนอาจต้องกลับมาสู่ภาวะ “ไม่เร่งรีบ” กันบ้าง เพื่อทบทวนว่าเราไม่ได้กำลังปีนป่าย ไขว่คว้าเพื่อหลงทาง  
ช่วงนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ากลับมาตั้งสติ ภาวนา เพราะเริ่มจะว่างกันแล้วจากการระบาดของเชื้อโรค คนเริ่มถนอมตัว เก็บตัว ก็ถือโอกาสนี้...ที่ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบ เพราะรีบเร่ง ไปนู่นไปนี่อาจติดเชื้อลำบากลำบน อาจถึงตายได้ กลับมาทบทวนว่าที่เคยเร่งรีบนั้นมันเป็นไปเพื่อตามติดเป้าประสงค์ของอะไรแน่ ของตัวเองหรือของคนอื่น เรา get caught in the thick of thin things หรือเปล่า บางทีการมีเวลาให้กับการทำสมาธิ สวดภาวนาจะทำให้เราย้อนกลับมาเห็นอะไรชัดเจนในตัวเอง เพราะว่าการได้มีสติรู้ตัว มีสมาธิสามารถช่วยเปิดใจให้เห็นสิ่งใหม่ๆที่เวลาเร่งรีบจะมองไม่เห็น 
สำคัญกว่านั้น คือ มองเห็นความคิดว่ามัน incredibly powerful มันครอบงำไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่คลุมไปถึงสิ่งต่างๆรอบตัว ถ้าเราหมั่นภาวนา คิดดี ไม่จิตตก ทั้งตัวเราและคนรอบข้างจะมีชีวิตที่ดีตามไปด้วย เวลาเราสวดมนต์ภาวนาให้คนอื่นให้โลกสงบ มันเหมือนกับการส่ง positive energy ที่สังเกตุได้เลยว่า it actually makes a difference !! การภาวนาส่งผลให้ความคิดเราเกิดคลื่นที่จะยกระดับจิตใจ ถ้าอิลักอิเหลื่อกับเรื่องนี้ หรือถ้าทำใจไม่ได้กับอะไรที่เป็นสายธรรม ก็คิดเสียว่ามันคือ “มงคลชีวิต” ที่อย่างน้อยเราได้สงบๆได้รู้ตัวได้ปลดล็อคอะไรที่ขังเราไว้ตอนเร่งรีบ จะได้ทำทุกอย่างด้วยสติสำนึกในยามโลกยุ่งเหยิงผันผวน  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น