วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คิดวันละอย่าง # 94

การให้ที่เรารู้สึกดี...แต่ไม่เกี่ยวกับคนที่ได้รับ

ไปอ่านเจอคำว่า “warm glow” มาเป็นศัพท์ที่นักเศรษฐศาสตร์ James Andreony ตั้งความรู้สึกนี้ว่ามาจากการที่คนเราช่วยเหลือผู้อื่นเพราะว่าตัวเราเองรู้สึกดีไปกับ “การให้โดยเรา” ไม่ใช่แค่ช่วยเพราะว่าเขากำลังได้ประโยชน์   มันเป็นความรู้สึกดี อุ่นใจกับตัวเอง งานวิจัยจากนักวิชาการหลายสำนักชี้ว่าคนส่วนมากไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นหรือว่า “ทำดี” เพราะว่าเราจิตใจดี เป็นพ่อพระแม่พระหรือหวังดีล้วน ๆ  แต่เป็นการช่วยผู้อื่นเพราะเราอาจแคร์ทั้งคนที่เราช่วย ต้องการให้เขาดีขึ้น และยังแคร์ตัวเราเองด้วยเพราะมันรู้สึกดีในหัวใจ มีความภูมิใจในตัวเอง บางทีเลยเถิดไปตอบสนองความเหนือกว่าคนอื่นแบบพวกอีโก้สูงก็มี  อันนี้เป็นธรรมชาติความเห็นแก่ตัวของคนล้วนๆ ที่ต้องการให้ตัวเองรู้สึกดี จะเห็นจากเวลาบริจาคเงินทำบุญ ต้องมีชื่อตัวเองลงไปด้วย หรือแสดงความใจบุญโดยโพสความดีความงาม การทำบุญ บริจาค ให้ทานลงในสื่อต่างๆ ให้คนอื่นรับรู้...ก็มันรู้สึกดี มี “warm glow” 

ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ต้อง “รู้จัก” “รู้ใจ” ตัวเองมากขึ้นด้วยว่า...ไม่ได้มีใจบริสุทธิ์ล้วนๆ มันยังอยากให้ตัวเองรู้สึกดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนที่เสียสละเพื่อคนอื่นแท้จริงอยู่บนโลก มันมีอยู่จริง แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ คงต้องถามตัวเองบ้าง เวลาให้อะไรใคร...เรารู้สึก “warm glow” ด้วยไหม แค่อย่าเข้าใจผิดไปว่าตัวเองเป็นแม่พระผู้ให้ หรือหวังดีแบบไม่มีอะไรเจือปน !! 

ในบทความเรื่องนี้พูดถึงชาวอเมริกันที่มักจะถูกชาวโลกประนามว่าเป็นชาติที่เอาแต่ได้นั้น ในปีค.ศ. 2015 บริจาคเงินรวมแล้วเกือบเท่า GDP ประเทศไทย จากการจัดอันดับของ World Giving Index โดย Gallup World Poll ที่สำรวจพฤติกรรมการให้หรือการช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังคม อเมริกันติดอันดับหนึ่งหรือสองพอๆกับพม่าเพื่อนบ้านเรามาตลอด ส่วนไทยเราอยู่อันดับที่ 19  ไม่ว่าจะรู้สึก “warm glow” แค่ไหน กลุ่มประเทศที่เห็นกันว่าใจบุญก็มีทั้งประเทศที่รวยจัดกับจนสุดปนกันไป   “warm glow” จึงไม่ได้เป็นเรื่องของฐานะแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่ยังแคร์ภาพลักษณ์ของตัวเองโดยมีบรรทัดฐานทางสังคมที่กำหนดให้คนไม่ดูดาย ต้องช่วยเหลือเพื่อนที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นกรอบเป็นธรรมเนียมการปฎิบัติมาโดยตลอด 

ที่ว่ามานี้ไม่ได้ต่อต้าน “warm glow” แต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยมันทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นจากการช่วยเหลือกันและกัน ไม่ว่าจะมาจากการทำให้ตัวเองรู้สึกดี ได้หน้าหรือไม่ก็ตาม แต่ผลมันเกิดแล้วและคนรับก็ได้ประโยชน์ สบายขึ้นกว่าเดิม



เหมือนใจดี...แต่ยังร้าย เหมือนใจร้ายแต่ก็ยังดี !!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น