วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

value vs. devalue

เรามักได้ยินบ่อยๆว่า...
"ใครๆก็ทำกันแบบนี้กันทั้งนั้น"
"อันนี้เป็นธรรมเนียมปฎิบัติ"
"มันเป็นนโยบาย"
"ที่ไหนก็เป็นแบบนี้"

มันแปลว่าอะไร
มัน = ไม่ต้องคิด(ต่อ) จบข่าวอย่างนั้นหรือ

โรงแรมที่ไหนก็สามารถคิดค่าซักผ้าแพงแอนนิมอล เป็นเรื่องปกติ
กินอะไรในตู้เย็นจ่ายมากกว่ากินข้างนอก เป็นเรื่องปกติ
เช็คอินได้เวลาบ่าย เช็คเอ้าท์ต้องก่อนเที่ยง เป็นเรื่องปกติ
การสะสมคะแนนสายการบินปีต่อปี ไม่ใช่คะแนนต่อคะแนน เป็นเรื่องปกติ
การแลกบัตรจอดรถ เป็นเรื่องปกติ
การชารต์เพิ่มเวลารูดบัตร เป็นเรื่องปกติ
และอื่นๆอีกมากมายที่ถือเป็นเรื่องปกติ.......

คิดแบบนี้มัน business for business sake มากเลย
มันไม่มีวัน "จับใจ" คนได้นาน 

อยากถามว่าเรื่องต่างๆที่เราคิดว่าปกติ... มันสามารถทำได้ดีกว่านี้ไหม
ทำได้แน่นอน...แต่ไม่ค่อยมีใครคิดจะ "ฝืนทำ"
อะไรที่ต้องใช้ความคิด ใช้ความพยายามเราถือว่า "ฝืน"
ทั้งๆที่มันเป็นต้นตอของความคิดสร้างสรรค์นะ...ไอ้ "ฝืน"เนี่ย..
แต่เรายังคงยอมลอยไปกับอะไรที่ไม่ต้องฝืน..
บอกเลยว่า...มันผิด 
ไอ้ที่ทำต่อๆกันมานั้น ไม่ได้ถูกต้องไปทุกเรื่อง
แล้วทำไมเราจะฝืนทำให้มันถูกไม่ได้
มีเหตุผลเดียว...กะเพราไก่ไข่ดาว = สิ้นคิด !!
เราชินต่อการทำอะไรตามๆกัน แล้วหลอกตัวเองไปวันๆว่ามันดีแล้ว
อันนี้ คือ หยุดโลกเลยนะ 
ถ้าทุกคนคิดแบบนี้...มันจะมีสินค้า บริการใหม่ๆที่สร้างคุณค่าใหม่ได้ยังไง
ชีวิตมันจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ยังไง...
เราพูดเสมอว่า value เป็นเรื่องสำคัญ ในทางธุรกิจเราบอกว่าต้องสร้าง value แต่ที่เกิดขึ้นจริงตามที่บอกไว้ข้างต้นที่ถือเป็นเรื่องปกติ คือ devalue ลูกค้าชัดๆ 

เลิกเอาความสะดวกของกระบวนงานองค์กรเป็นที่ตั้ง
เลิกสนใจว่าใครๆทำกันมายังไง (จะไปตามคนอื่นทำไม)
เอา value ที่แท้จริงเป็นตัวตั้ง แล้วจะเห็นเองว่า...
เราสามารถพัฒนาอะไรต่อมิอะไรได้อีกมากมายนัก !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น