วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ReLEx ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว


อยากเล่าประสบการณ์ทำ ReLEx ที่ TRSC เพราะมันปลื้มปิติกับเทคโนโลยีและฝีมือหมอ จริงๆแล้วปลื้มกับความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองด้วย 

เป็นคนสายตาสั้นมาตั้งแต่เด็ก อายุแปดขวบก็ใส่แว่นแล้วหนาเตอะ พอโตอีกหน่อยก็ใส่คอนแทคเลนส์ พอแก่เลยต้องควบรวมถึงแว่นสายตายาวด้วย ห้อยแว่นเป็นพวง เพราะแค่กินข้าวให้อร่อย ให้มองเห็นอาหารยังต้องใส่แว่นสายตายาว ร้องคาราโอเกะแทบจะโยนเนื้อเพลงที่พื้น มันมองไม่เห็น ถ่ายรูปให้เพื่อนไม่เคยรู้ว่าดีหรือไม่ เอาแค่ทุกคนอยู่ในจอใช้ได้ เพราะมองไม่คมไม่ชัดถึงแม้จะใส่คอนแทคเลนส์ แต่สายตามันยาว มองใกล้ไม่เห็น มองไกลก็งง   จริงๆแล้วตอนที่เขาทำเลสิคใหม่ๆก็คิดจะทำ แต่ความกลัวมันมีมากจนไม่กล้า คุณจิ๋มถึงขั้นนำเสนอว่าเราไปทำกันคนละข้างก่อนไหม เผื่อตาบอดจะได้ช่วยกันเดินได้ อ่ะ อ่ะ อันนี้ก็ไม่ไหวนะฮะเพื่อน

ที่ตัดสินใจทำเพราะนอกจากความรำคาญที่ต้องแขวนแว่น เสียบแว่นไว้ที่คอเสื้อตลอด เสื้อย้วยหมด ทุกที่ในบ้านก็ต้องมีแว่นไว้ตามมุมต่างๆ เป็นการสิ้นเปลือง และไม่รู้สติไม่ค่อยดีหรืออย่างไร หายบ่อยมาก ทำตกหล่นตลอด ที่สำคัญ คือ เป็นคนคิดมาก คิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ เหมือนที่จอมเทพขู่อยู่ทุกวันใน FB ว่าโลกจะแตก อาทิตย์จะดับ แผ่นดินจะไหว ถ้าเราดันไม่ตายและไม่มีแว่น ไม่มีเลนส์ เราจะสิ้นฤทธิ์ไปเลยนะ เพราะสายตาสั้นมากและยาวมาก ไม่มีเครื่องช่วยนี่ถึงกับอัมพาต เดี้ยงก่อนวัยอันควรเลย มันไม่ถูกต้องนะ 

อีกเหตุผลนึง คือ เห็นคุณนายภัสราเพื่อนสาว อายุเท่ากันนี่แหละ ไม่ต้องใช้แว่นเลย เธอเฉิดฉายได้ทั้งวันทั้งคืน ปรากฎว่าเธอทำมาตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว เออ..เราเสียเวลากับความกลัวไม่เข้าท่าไปนานทีเดียว แต่ก็นะ..ตอนนั้นสายตามันยังไม่คงที่ สั้นขึ้นเรื่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันคงที่ ได้ที่พอดี 

คราวนี้มาถึงการเลือกทำ..จะทำที่ไหนดี สำหรับคนอื่นไม่รู้ แต่ตัวเองเรื่องตามันสำคัญสำหรับเรามาแต่เด็ก ไปค้นคว้า อ่านมันทุกที่มาจนตกผลึก คือ การทำเลสิคมันไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว ทุกที่ที่ทำเขาก็ทำกันมาจนชำนาญ หมอก็เก่งๆกันทั้งนั้น มันก็มีพลาด เบลอมั่ง แสงจ้าในกลางคืนเวลาขับรถบ้าง อันนั้นธรรมดาแล้วแต่เวรกรรม มีน้องเลิฟวันชัยทำแล้ว ทำที่มีเขาชื่อเด็ดดวงทางเลสิคเหมือนกัน ก็ขับรถไม่ได้ไปพักนึง ตอนนี้ดีแล้ว มันเป็นเรื่องการปรับตาที่แต่ละคนต่างกัน  แต่สำหรับเรามันเป็นเรื่องความเชื่อใจล้วนๆนะที่เลือก TRSC คือง้างมาแต่บ้านแล้วว่าต้องเป็นที่นี่และต้องหมอเอกเทศเท่านั้นด้วย  มีคนโน้มน้าวใจว่าไม่จำเป็นที่ไหนก็เหมือนกัน เครื่องล้วนทันสมัย หมอไหนก็ดีทั้งนั้น อันนั้นไม่เถียง เห็นด้วย แต่เป็นคนที่จะว่าดื้อก็ดื้อ จะว่างมงายก็ได้ แต่ทำอะไรต้องเชื่อ ถ้าไม่เชื่อ ไม่ทำ 

ไอ้ ReLEx เนี่ย ไปศึกษามาแล้วว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการเดียวกับการผ่าตัดด้วยเลสิค แต่แผลเล็กกว่ามาก แผลเล็กประมาณ 2-5 mm. ไม่ต้องควักกระจกตาเราออกมาขนาดนั้น มันแปลว่าผลข้างเคียงต้องน้อยกว่า แม่นกว่า รบกวนกระจกตาเราน้อยกว่า สรุป คือ มันต้องดีกว่าแน่ๆ และมันมีที่ TRSC นี่แหละ  สำหรับหมอนั้น ชื่นชอบหมอเอกเทศ ซันซื่อเป็นการส่วนตัว เพราะเธอกล้าหาญชาญชัยเป็นคนแรกในประเทศที่ทำเลสิค  เป็นคนชื่นชมพวก first mover น่ะ ไม่งั้นไม่เป็นสาวก apple freitag เต็มสูบ เพราะพวกนี้ต้องใจถึงพึ่งได้  การเป็นคนแรกๆที่ทำอะไรมันอาศัย guts อย่างแรง ทั้ง personal courage and determination มี toughness character ชัด สมที่จะฝากดวงตาเราไว้ได้  ที่ว่าแบบนี้ไม่ใช่หมอคนอื่นไม่เก่งนะ  อาจมีคนเก่งกว่าด้วยซ้ำ แต่บอกแล้วว่า เรื่องแบบนี้ มันเป็นความเชื่อ ความศรัทธา ห้ามกันยาก   ซึ่งกว่าจะนัดหมอได้ก็รอข้ามปีนะ แต่วันแรกที่ไป TRSC ไม่ผิดหวังเลย บอกได้ว่า เนี้ยบ ระบบเนี้ยบจริง พนักงานทุกคนถูกฝึกมาอย่างดี ที่สำคัญทัศนคติดีจริง คุณน้องนันทนาพรแหม่มก็สมแล้วที่ให้มาดูแลคนไข้ อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ เพราะจะมาผ่าตัดตาเนี่ย ไม่มีใครไม่กลัว มันหวาดเสียวกว่าคิดจะโดดบันจี้จัมพ์เยอะ  แต่ที่ประทับใจ คือ ขั้นตอนการตรวจมันละเอียดจริงๆ ฟาดเข้าไปสามชั่วโมง และหมอเอกเทศนี่แหละ เธอช่างแม่นยำ เธอเห็นความเสี่ยงในการเป็นต้อหินของเรา ให้ไปตรวจกับหมอบุญส่งที่บำรุงราษฎร์ทันที (ไปอีกสามชั่วโมง) คือ เอาให้แน่ใจ 

วันผ่าตา.. สวดมนต์แต่เช้าเลย ทำนิ่งๆไป ทำเหมือนว่าจะไปสอนหนังสือประมาณนั้น ไม่ได้เตรียมใจไปผ่าตัด  หนูตุ๊กรออยู่แล้ว เห็นหน้าเพื่อนค่อยอุ่นใจ แอบกอดทีนึงก่อนเข้าไปผ่า ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะต้องหยอดยาชาประมาณห้าร้อยรอบ อันนี้เวอร์ไป แต่รู้สึกแบบนั้นเลยนะ มันหยอดกันอยู่นั้นแล้ว นอนรอไป ห้องก็เย๊นเย็น มีผ้าห่มให้ แต่ใจมันเย็นหนาว นอนไปคิดไปไม่มีประโยชน์ ท่องอิติปิโสไป ดูลมหายใจไป พุทโธไป ก็เพลินดี หายกลัว นิ่งดี คิดว่าถ้ามันจะซวยก็ช่วยไม่ได้ เวรกรรมมันมีอยู่ของมัน  ตอนผ่าจริงใช้เวลาน้อยมว๊าก ขอบอกว่าแป๊บเดียว ยังไม่ทันจะกลัว ไม่ทันจะสวดมนต์ ไม่ทันจะเจ็บเลย เสร็จแล้ว คือคุณหมอให้จ้องไอ่แสงเขียวๆ บอกให้มองตรงๆ รู้สึกว่า 30 วิเองนะ แต่ละข้าง แล้วคุณหมอก็ออกไปไหนไม่รู้ ให้นอนรอไปแป๊บนึง อ้าว..เข้ามาใหม่ ทำเหมือนกับลื่นๆที่ตาเราสองข้าง เอ้า..เรียนร้อย ลืมตาได้ ฮู้ย อะไรมันจะเร็วปานกามนิตหนุ่มอย่างนั้นพ่อคุ้ณ..พอลืมตาก็เห็นทุกอย่าง ชัดไม่ชัดอีกเรื่อง รู้ว่าตาไม่บอดใช้ได้ละ 

มันคงเป็นที่ใจด้วยนะ  
การเชื่อว่าใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าเชื่ออย่างนั้นและทำได้จริง ผลมันสุดยอด 

เพราะเชื่อแบบนั้นหลังจากผ่าเสร็จมีเพื่อนสาวหนูตุ๊กกับคุณนายภัสมาให้กำลังใจพากลับโรงแรม ยังมีคุณนายจุราลินกับสามีมาให้ความบันเทิงทั้งวัน คือ ไม่ได้พักอะไรเลย ขำไปทั้งวัน ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่น้ำตาไหลพรากใดใดทั้งสิ้น เลยคิดว่า ถ้าเราคิดว่าไม่เป็นไร มันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดว่า โอ้ย เพิ่งผ่าตามาต้องนอน ต้องเจ็บ ต้องเป็นคนป่วย ป่านนี้คงยังไใม่ได้เริงร่า 

สาบานได้ว่ามันดีจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเรามองไกลมองใกล้ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย ทำเสร็จลองเล่น FB กับ line play เลย เออ..ที่เคยไม่เห็น ก็ติ้กตั๊กได้เลย มองทีวีไกลๆ ฮู้ย ชัดวุ้ย ชะโงกไปดูที่จอดรถ ฮ้า..อ่านเลขทะเบียนรถได้ด้วย พระเจ้าช่วยกล้วยทอด มันยอดมาก   ที่ทำนี้ทำแบบ mono vision คือ ไม่เอาชัดเป๊ะ แต่เอาแบบไม่ใช้แว่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะแว่นสั้น หรือ แว่นยาว เสียอย่างเดียวไม่ได้สระผมไปสามวัน เพราะห้ามตาโดนน้ำ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็จะไปสระผมที่ร้าน แล้วเอาผ้าปิดตาไว้  

ขอเชียร์ทุกท่านที่มีปัญหาสายตา
เข้าไปดูที่ http://www.lasikthai.com/th/treatment/ReLEx/default.php นะฮะ 
แล้วถ้าพี่น้องผู้ใดจะทำข้าพเจ้ายินดีให้เบอร์คุณแหม่มที่จะสามารถดูแลท่านเหมือนญาติมิตร 

โลกมันช่างสดใสเจงเจงท่านผู้ชม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น