เพื่อนรุ่นเดียวกันตายไปอีกหนึ่งคน...คุณหมอพัชนี
ขอให้พี้รี้สู่สุคติ พี้รี้พ้นทุกข์..แต่เรายังวนเวียนอยู่กับชีวิต
การตายคงทำให้เพื่อนหลายคนได้คิด...ชีวิตเหลือน้อยลงทุกวัน
ชีวิตมันมีแค่รอความตายนะคนเรา.. สุขจริงไม่มี..มันเปลี่ยนไปตามวัย..หายไปตามเวลา
ชีวิตตอนเด็ก...ตุ๊กตา ของเล่นเป็นที่สุดแห่งความสุข
โตอีกหน่อย..เสี้อผ้า หน้า ผม
มาอีกวัยหนึ่ง...บ้าน รถ ยศ ชื่อเสียง
และมาอีกวัยหนึ่ง... มีคน ลูกหลานคอยเอาใจ
ชีวิตต้องการเท่านั้นหรือ....
คนดิ้นรนแสวงหากันตั้งแต่เด็กจนย่างเข้าวัยแก่ ลุยทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขตามที่ตนต้องการ วิ่งหาความช่วยเหลือทางใจที่มาปลอบโยนว่าเรายังมีใคร แต่มันเป็นความสุขที่เกิดจากการดิ้นรน คือ ต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อหาเหยื่อมาป้อน มาสนองตอบต่อความต้องการของตนเองอยู่เสมอ คือชีวิตจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้มีการสนองตอบเท่านั้น เมื่อไม่ได้ ก็รู้สึกบีบคั้น ทรมานใจให้หงุดหงิดขัดเคือง เป็นความทุกข์ เมื่อมีทุกข์ก็ต้องดิ้นรนวิ่งไปวิ่งมาเพื่อหาทางแก้ไขทุกข์ ให้เราได้เกิดมีสุขขึ้นมาอีกครั้ง... มันไม่จบสักที
สุข = สุกไหม้ เดี๋ยวหาย เดี๋ยวหาย
มันสมมุติกันเกินไปหรือเปล่า...
ความสุขที่แท้จริง ที่ว่าเป็นความสงบแห่งใจที่ไม่ต้องตอบสนองด้วยสิ่งใดทั้งสิ้นนั้น..มันมีด้วยหรือ
คนแต่ละคนคิดต่าง.. สุขต่าง ทุกข์ต่าง
บางทีเปลี่ยนความคิดมาสนใจวิเวกก็น่าอยู่นะ วิเวก คือ สงัดจากสิ่งรบกวน มันเป็นเพราะเรา เพราะโง่...โง่ที่เป็นตัวกูของกู แต่รู้สึกว่าวิเวกนี้ดูจะเป็นที่รังเกียจชอบกล ถ้าดูที่ภาษา..ภาษาบาลี วิเวก แปลว่า เดี่ยว ไม่มีอะไรรบกวน แต่ภาษาไทยมันกลายเป็นวิเวกวังเวง เป็นไม่ต้องการ เป็นไม่น่าพอใจ คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่ชอบวิเวก เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว อย่างน้อยก็มีใครๆ มีเพื่อน มีคนหลายๆคน มันอบอุ่น นั่นไม่เป็นไร แต่ความหมายวิเวกมันลึกกว่านั้นมาก มันจำเป็นต้องมี ถ้าไม่มีเสียบ้าง ตัวเองอาจทุกข์จนตาย ก็ลองคิดดูว่า เดี่ยว ไม่มีอะไรมากวน มันจะสบายไหม มันเป็นวิเวกทั้งทางกายและทางจิต ซึ่งอาจเลยไปถึงการไม่มีอะไร มายึดมั่น ถือมั่น หอบหรือยึดหนักอะไรเอาไว้
ทุกวันนี้คนมีสิ่งที่รบกวนจิต..มันมีมาก จิตมันจึงคิดนึกปรุงแต่งไป มันเหนื่อย ไฟลนหัวใจเสมอ...
- ความโกรธ ไม่มีใครไม่เคยโกรธ ไม่อยากโกรธ มันก็โกรธ มันอดไม่ได้
- ความเกลียด เกลียดใครไว้ มันก็มารบกวน
- ความกลัว ก็กลัวกันไป กลัวคน กลัวตาย กลัวเสียของที่ไม่อยากจะเสีย
- ความตื่นเต้น ได้ยิน ได้เห็นอะไร มันก็ตื่น มันก็เต้น ทำเอานอนไม่หลับ
- ความวิตกกังวลในอดีต ในอนาคต มันหยุดคิดไม่ได้
- ความอาลัยอาวรณ์ ยื้ดเยื้อ ไม่จบไม่สิ้น
- ความอิจฉาริษยา อย่าคิดว่าไม่มี หนักหนาที่สุด ทุกข์หนัก บาปหนา หาความสงบสุขยาก
- ความหวง หรือที่เข้มไปจนถึงความหึง มันรบกวนอย่างยิ่ง
- ความยกตนข่มท่าน ฝังลึกจนไม่รู้ตัวจนวาจาพาให้เจ็บใจชาวบ้าน
- ความระแวง กลัวคนไม่ชอบ กลัวคนนินทา กลัวเสียพักตร์
มันมีอีกหลายความ...แบบนี้จะไม่ให้วิเวก จะไหวหรือ คนมันจะเสรีได้อย่างไร เราอยู่อย่างโง่จนมองไม่เห็น กลายเป็นสิ่งที่ชินในชีวิต..ที่เหลือน้อยลงทุกวัน เข้าวัยแก่แล้วหาธรรมะประโลมใจไป มันก็คงดีมากกว่ามีอารมณ์บ้าๆบอๆ ประโลมโลก มันวินาศ..พิฆาตใจตัวเอง จะกลายเป็นโง่ไม่ยอมเลิก มันคงจะดีถ้าเราพยายามหาโอกาสที่ไม่มีอะไรมารบกวน ไปทะเลบ้าง ไปภูเขาบ้าง ถึงจะเป็นตัวกูบ้าง คือ ตัวกู ลากตัวกูไปเที่ยวทะเล คงไม่เป็นไร ไปให้มันโล่งอกโล่งใจ ว่างบ้าง มีวิเวกบ้าง แต่ไม่ต้องสร้างมันตลอดเวลา ก็น่าจะพอไหว
ไอ้ไม่มีตัวกู ไม่มีการยึดมั่นตัวกูของกูเลยคงยากอยู่..บุญไม่ถึง แต่ให้มันน้อยหน่อย ปลดเปลื้องมันหน่อยน่าจะพอได้ ว่างๆก็แผ่เมตตาไป มันจะว่างมากขึ้น เป็นวิเวกชนิดหนึ่ง มันต้องพยายามมีกันเสียบ้าง จะมีกันเท่าไร โอกาสใดก็มีกันบ้าง ก็ตัวใครตัวมันนะ แต่ถึงขั้นไปอยู่วัดก็ใช่ที่ เพราะกรรมมีเยอะต้องหนักต่อไป แต่ไม่ต้องจมแช่แบบเดิมก็ได้ คงคลายไปได้บ้าง..จะให้หมดมันคงไม่ได้ในชาตินี้ เพราะตราบใดที่เราอยากเข้าไปเจริญ ปฎิบัติ เข้าไปมีเจตนากับการรู้ การดู มันก็ไม่วิเวกจริง มันยังเป็นไฟกิเลส ไฟอยากอยู่นั่น เอาเป็นว่าไม่ต้องมาก...แค่ปล่อยมันบ้าง มันก็คงจะเริ่มวิเวกไปเอง ไม่ต้องภาวนา เอาเป็นให้ปลง ไม่ต้องดันทุรังเจริญ เอาวิเวกแบบสบายเรา ตามเวรตามกรรมไป ไม่ต้องคิดมาก แค่ทำไป..
ไอ้ที่คิดมากทุกวันนี้ก็ไม่วิเวกจิตแล้ว..ความขัดแย้งในใจนี้มันมาจากทั้ง structural cause ของเราที่เป็นตัวกูและ immediate causes หลายประการ ความแตกต่างทางความคิดของคนที่อยู่รอบตัวเรา การเห็นความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำที่คนปฎิบัติต่อกันและอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ต้องลองวิเวกกาย เอาให้ห่างก่อน..วิเวกใจคงตามมา อ้าว..เข้าไปเจริญอยากอีกแล้ว...
สรุปแบบนี้แล้วกัน...ผู้มีสติปัญญาควรรู้ว่า ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มีความสงบสุขและเป็นชีวิตที่สั้นมาก ซึ่งไม่เหมาะที่จะไปจมอยู่กับความอะไรต่อมิอะไรและการปล่อยให้มันล่องลอยไปกับอะไรต่อมิอะไร ควรปลงไป..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น