วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

ของคู่กันกับผู้หญิง


ของคู่กัน: ผู้หญิงกับความงามเหมือนผีกับโลงศพ
ชื่อเรื่องมาแนวอิจฉาคนสวย (ช่วยไม่ได้) The Beauty Myth ของ Naomi Wolf  นักหนังสือพิมพ์ที่ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิสตรี ทำให้คิดอยู่เรื่อยมานานว่าผู้หญิงกับความสวยนั้นเป็นของคู่กันจริงหรือ ..คงจะจริง.. เพราะตั้งแต่มนุษย์ผู้ชาย ตีหัวมนุษย์ผู้หญิงแล้วลากเข้าถ้ำ มาจนถึงสมัยนี้ที่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันเอง ก็ปลื้มคนสวย หุ่นดีและผู้ชายเองก็ยัง อยากสวย อยากหญิงก็มี   Wolf เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์มายาคติทางการตลาด ความเชื่อและค่านิยมที่ทำให้คนหลงผิดตกเป็นทาสความคิดเกี่ยวกับความสวย ความงาม "สากล" ที่กำหนดเอาไว้เป็นมาตรฐานความงาม...สวย ผอมบาง กระฉับกระเฉง และเป็นสาวพันปี ทำให้ผู้หญิงและผู้อยากหญิงทั่วโลกประสาทกิน ราวกับว่าอ้วน ไม่สวย มันเป็นบาปชนิดหนึ่งที่ร้ายแรงกว่าหวัดสองพันเก้า ทำให้ไม่มีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง กลายเป็นโรคระบาดที่แพร่ เร็วกว่า โรคห่า (อันนี้ไม่ใช่คำหยาบ)   Wolf ว่าเป็นอาการป่วยทางสังคม ซึ่งเราเห็นกันอยู่จากสื่อต่างๆ บรรดาผู้หญิงที่ไม่สวยจึงเจ็บปวดกับความขี้เหร่ ความอ้วน คิดว่าตัวเองไม่มี "ความงามสากล" ขาดความเชื่อมั่น หลายคนเลยชวดการเรียนรู้ทางธรรมชาติและยังอยู่อย่างอดๆอยากๆทั้งๆที่มีอันจะกิน ทำสารพัดวิธี อดความสุขที่หากินได้ตามร้านอาหารทั่วไป ทำลายจริตตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับความรู้สึกดีเพื่อให้ตัวเองสวยงาม และมีมากที่ทำร้ายตัวเองจากศัลยกรรมพลาสติก ดูไปดูมาว่าพวกเราจะกลายเป็นเหยื่อถาวรโดยสมยอมซะแล้ว แต่แอบหวังว่าคงไม่สมยอมขนาดผ่าไขมันออกจนตายตกไปตามกัน  

คนพยายามส่งเสริมแนวคิดงามอย่างมีคุณค่า (แต่จริงๆแล้วสวย มาก่อนตลอด) ทำให้ดูเหมือนการถูกครอบงำเรื่องความงามจะดูดีขึ้น แต่แท้จริงแล้ว ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความเป็นอิสระของผู้หญิงยังคงเป็นอิสระที่ฉาบฉวยต่อไป เพราะมายาคติว่าด้วยความงามจะยังคงเป็นกับดักที่ผู้หญิงยังดิ้นไม่หลุดจากแอก (กลายเป็นควายที่อยากสวยไปจนได้)  พวกนักโฆษณา นักการตลาด นี่แหละตัวดี    ทุกซอกทุกมุมในโลกนี้ ผู้หญิงที่สวยจะมีโอกาสหลายอย่างมากกว่าผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ทำให้อยากตะโกนว่า อ้วน ไม่สวยมันผิดตรงไหน-วะ ไม่วัดความดี วัดปัญญาบ้างหรือไง-โว้ย (ไม่สวยแล้วยังโวยอีก หนักเข้าไปใหญ่)  นิตยสารผู้หญิงนี่ก็ตัวดีเหมือนกัน ถนัดนักกับการกำหนดกรอบวิถีชีวิตแบบนี้ มันเลี่ยงยากเพราะเป็นแรงถีบของสินค้าที่ลงโฆษณาทุกชนิดเพื่อหลอกให้เรา "รู้สึกดี" และเราก็หลอกตัวเองอีกทีว่าสามารถหลีกหนีมลทินความไม่สวย(ในใจ)ได้  ....แปลว่าความงามที่ไร้สมอง ดีกว่าสมองที่ไร้ความงาม.. เฮ้อ  คงต้องยอมมัน   ที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือนิยายหญิงงามคลาสสิกของโลกตอกย้ำเข้าไปอีก มีที่ไหนนางเอกไม่สวย มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ชาติไหนๆก็จะมีพวกงามล่มเมืองสิงอยู่ทุกชาติพันธุ์

Wolf ว่าศาสนายังไม่เว้นพวกเราเลย คัมภีร์ศาสนาทุกแห่งได้มีส่วนสร้างพิธีกรรมแห่งความงามด้วยการยกย่องให้หญิงผอมบางเป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และการปลดเปลื้อง ในขณะที่หญิงอ้วนคือสัญลักษณ์แห่งบาป ความโลภและน่าเกลียด (อะไรจะขนาดนั้น)  เป็นการสร้างลัทธิยอมจำนนให้กับหญิง และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น คัมภีร์ส่วนใหญ่ยังสร้างเรื่องให้หญิงชรากลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ประมาณว่าเป็นแม่มดไปซะงั้น  อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความกลัวแก่ในจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ เปิดทางให้ กับการนำเสนอ "น้ำมันศักดิ์สิทธิ์" ชโลมกายในสมัยต่อๆมารวมทั้งการเสียเงินเพื่อสวยเป็นแสนของพวกเรา (อันนี้ก็ว่าไม่ได้ ชีวิตมันต้องเลือก)   ความอยากสวย (หรืออยากหล่อด้วย) ทำให้คนกลายเป็น "เครื่องมือประเมินความงาม" มากกว่ารักกันแบบล้วนๆ (มิน่า..ชวดตลอด)  โรคระบาดของความเชื่อว่า ผอมดีกว่าอ้วน แพร่เชื้อไปทั่วทุกมุมของสังคมหญิงทั้งหลายไม่ว่าเด็ก สาวหรือแก่ ยอมสยบให้กับความผอม ถือคติ "ตายดีกว่าอ้วน" โดยยอมแลกกับความเสี่ยงและเดี้ยงในเรื่องผิดปกติในการกิน จะเห็นว่าความงาม ความฟิตขายได้ตลอดแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ เรื่องอย่างนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ยิ่งประเภทต้องการ "สวยทางลัด" มีการนำพาเหตุผลต่างๆนานาเดินไปสู่คมมีด คมหอก สารพัดอย่างไม่หวาดหวั่นต่อความเสี่ยงพิการ เสียศูนย์   อันนี้เป็นความเชื่อว่าความงามนั้นออกแบบได้และมีค่ากว่าสุขภาพปกติ หญิงเหล็กมีคุณค่าน้อยกว่าหญิงที่สวยเพอร์เฟกต์ เกาหลีมากมาก ชอบสภาพดอกไม้พลาสติกที่ทุกดอกจมูกโด่งเหมือนกันหมด 
ราวกับมีพ่อแม่มาจากประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกา
เฮ้อ...อิจฉาคนสวย แต่คงต้องช่วยกันคิดให้ มันพอดี พอดี (โดยเฉพาะลูกชาย ถ้าคุณต้นไม้จะมีแฟน ก็ใคร่ครวญประเด็นนี้ด้วย) ถึงไม่งามกายก็งามใจ งามปัญญาได้ ลองพิจารณาคำกล่าวของ Helen Keller ที่ว่า “The best and most beautiful things in this world cannot be seen or even heard, but must be felt with the heart.” คมดีเหมือนกัน  คนเราเลือกได้ที่จะเอาพลังชีวิตของเราแลกกับอะไร เราแลกได้ที่จะอยู่ในถิ่นที่เหมาะ (ที่ไม่รังเกียจความอ้วนหรือความไม่สวยของเรา) มัววนไปวนมากับมายาความสวยความงาม เดี๋ยว ความคิดของตัวเองจะช้ำใน การสวย ไม่สวย รวยแสนล้านไม่ใช่เรื่องอมตะ (ดูทักษิณไว้) ยังไงเราดีกว่าพวก "เจ้าซื่อต่อคนคด เจ้าทรยศต่อคนไทย" ของรวี โดมพระจันทร์เยอะ อย่าลืมว่า Some people grin and bear it. Others smile and change it. – Anonymous      มองความดีความงามของแท้บ้าง คนไม่สวย ไม่ผอม จะได้เกิดนะ เอาบุญ ผู้หญิงกับความงามเหมือนผีกับโลงศพ คู่กันแต่ยังไงก็ตายอยู่ดี ที่ยังเหลือคู่โลกก็ความดีนี่แหละ อมตะนิรันดร์กาล  แต่ถ้าไม่สวย ไม่มีดี แล้วยังไม่ดีด้วยก็ตัวใครตัวมัน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น