วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลังกาหลัง..กลับตัวกันดีกว่า



มีเพื่อนส่งอีเมล์มาให้ของสมคิด ลวางกูร...วลีกวนตา...วาจากวนตีน... เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง อ่านแล้วบาดใจดี..เลยสรุปๆมาให้อ่าน..เผื่อจะบาดกันต่อๆไป
เขาว่า..คนที่เป็นโรคซึมเศร้า เนื่องมาจาก...
ต้องพูด...ในสิ่งที่...ไม่ชอบและไม่อยากพูด
ต้องอยู่...ในสถานที่ที่...ไม่ชอบและไม่อยากอยู่
ต้องกิน...ในสิ่งที่...ไม่ชอบและไม่อยากกิน
ต้องทำ...ในสิ่งที่...ไม่ชอบและไม่อยากทำ
ต้องคุย...กับคนที่...ไม่ชอบและไม่อยากคุยด้วย
ต้องอยู่...กับคนที่...ไม่ชอบและไม่อยากอยู่
ต้องอยู่...ในสภาพแวดล้อมที่...ไม่ชอบและไม่อยากอยู่
คนบางคนต้องทนรับสภาพแบบนี้มานาน (...ไม่รู้จะทนไปหาพระแสงอะไร...) เพราะอ่อนแอ ไม่ปรับตัว ไม่รู้จักให้ ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง..เวรแท้ๆ  และที่ตามโรคซึมเศร้ามา คือ โรคกรดไหลย้อน โรคเครียด โรคภูมิแพ้และอีกหลายสิบโรคที่ยังหาสาเหตุไม่เจอ  จะหยิบจะจับอะไรใส่ปากก็ลำบากแพ้มันไปเสียหมดเสียสิ้นทุกอย่าง  พอทำการรักษาก็หมดเงินไปโขอยู่  ไปๆมาๆก็รู้ว่า...ตัวเองโง่...และเดินมาผิดทาง (...แล้วก็ยังเดินอยู่..) 
เอาง่ายๆว่าอารมณ์ คือ ตัวกำหนดสุขภาพ
อวัยวะทั่วร่ายกายทำงานประสานกับอารมณ์แน่ๆ
อารมณ์ดี...ร่างกายจะหลั่งสารสุขออกมา เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายดี สดชื่น แจ่มใส ผิวพรรณดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยและสำคัญดูอ่อนกว่าวัย
อารมณ์เสีย....ร่างกายจะหลั่งสารพิษออกมา สารพิษทำลายภูมิต้านทานและทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดโรคซึมเศร้า เหี่ยวเฉา ผิวพรรณเหี่ยวย่น อ่อนแอ ขี้โรค ดูโทรมและแก่กว่าวัย (ว้าย...)
มาดูอารมณ์ที่ทำให้เกิดโรคกันดีกว่า...
พวกโกรธ...โมโห...หงุดหงิด = โรคตับ
พวกเก็บกด...เบื่อหน่าย...ซึมเศร้า...เจ้าน้ำตา...นั่งตัวงอ = โรคปอด
พวกกลัว...หวาดระแวง = โรคหัวใจ (อันนี้ไม่เกี่ยวใจง่าย ใจเร็วด่วนได้นะฮะ)
พวกวิตก..กังวล...เป็นทุกข์ = โรคม้าม
เครียด วิตก กังวล มีปัญหากดดันจิตใจ = อาการทางกายที่เกิดตามมา คือ หายใจลำบาก หายใจติดขัด หอบ หายใจเร็ว หายใจไม่อิ่ม หายใจไม่เต็มปอด = ผลที่เกิดตามมา คือ อากาศเข้าไปเลี้ยงสมองไม่พอ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในเลือดลดลง สารเคมีในเลือดผิดปกติ เส้นเลือดหดตัวทั่วร่างกาย (แหมคิดไปถึงสายยางที่หมออุดมทำให้ดูเลยเนี่ย) ทำให้ร่างกายขาดเลือด แคลเซียมในเลือดลดลง = โรคที่เกิดตามมาคือ หน้ามืด เวียนหัว ใจสั่น ชาบริเวณปากและนิ้วมือ (..ดีว่าไม่ชาไปถึงนิ้วตีน..)
การบำบัดรักษา = อย่าสะสมอารมณ์เหล่านี้ไว้ในร่างกายเด็ดขาด
เมื่ออารมณ์เสีย  = ต้องระบายออก...โดยเร็ว โดยการรีบปรับสมดุลย์ของร่างกายและจิตใจ ทำร่างกายและจิตใจให้ทำงานสัมพันธ์กัน
เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ดี...อารมณ์เสีย
  • สติมา สมาธิเกิด...หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เครียด
  • ยิ้มให้อวัยวะต่าง ๆ ที่กำลังเกิดความเครียด (แหมอันนี้ชอบมาก ปวดตับ ก็ยิ้มให้ตับนะฮะ)
  • ผ่อนคลายโดยปล่อยวางอวัยวะทุกส่วนตามสบาย ไม่เกร็ง
  • มองความคิด...เราจะเห็นความเครียด...สิ่งที่ทำให้เครียด...ที่ทำให้อารมณ์เสีย รู้แล้วหยุด
  • หยิบเอาพวกอารมณ์เครียด อารมณ์เสียปล่อยทิ้งให้ลอยไปในอากาศ แล้วเอาอารมณ์ดี ความคิดดีๆม่วนๆ สนุกสนานใส่เข้าไปแทน 
  • เสร็จแล้วก็ให้ยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข (อย่ามาก..มันเหมือนคนบ้า) แล้วกลับไปทำงาน หรือ ทำสิ่งต่างๆอย่างแจ่ม...ด้วยความคิด...มุมมอง...และทัศนคติใหม่...คิดบวก
  • ออกกำลังกายทุกวัน (อันนี้ยาก..ใครทำได้ก็ลองดูฮะ) 
  • ก่อนนอน ทำนิ่ง หรืออยากดูดีก็นั่งสมาธิ...ทำจิตใจให้สงบ
  • เอาอารมณ์เครียด อารมณ์เสียทิ้งมันไปทุกวัน
ถ้าทำได้ตามนี้...สุขภาพจะดี...ห่างไกลโรค...มีชีวิตที่มีความสุข...ไม่เศร้า ไม่บ้า  โรคที่รักษาไม่หาย...ถ้ารักษาด้วยยา...จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต (หูย...) ถ้าอยากหาย...ไปเปลี่ยนนิสัย...ไม่ต้องกินยา...หายป่วย...โดยไม่ได้เสียเงินเยอะ
การดำเนินชีวิตธรรมดาให้มีความสุข
  • กินข้าวตรงเวลาทุกมื้อ (มีก็กินไป ไม่มีจะกินแล้วจะลำบาก)
  • กินอาหารจืด ไม่กินรสจัด เผ็ดจัด (ว้า..มากไปนะเนี่ย ต้องการรสชาดฮะ) 
  • กินแค่จานเดียว...เลิก...ไม่ว่าจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม... (เออ อันนี้ดี..)
  • มื้อสุดท้ายกินก่อน 6 โมงเย็นแล้วไม่กินอะไรอีกเลย ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม
  • อารมณ์ดีตลอด...ยิ้ม...หัวเราะ...ทำตัวให้มีความสุขทั้งวัน... (อันนี้ก็ดีด้วย)
ผลที่เกิดตามมาคือ...
  • พุงหายไป ไม่อึดอัด หายใจสะดวก...สุขภาพดีขึ้น...ไม่เป็นโรคอ้วน
  • บุคลิกภาพดีขึ้น...ความมั่นใจเพิ่มขึ้น
  • ไม่ง่วงนอน...ไม่อ่อนเพลียเวลาทำงาน
  • การทำงานและการเคลื่อนไหวร่างกายคล่องตัวขึ้น
สิ่งมีค่าที่สุด คือ การได้รู้ว่าโรคภัยไข้เจ็บ 90 % ไม่ได้เกิดจาก"เชื้อโรค" แต่เกิดจาก"เชื้อเลว" ในการดำเนินชีวิตทั้งนั้น ถ้าดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามธรรมชาติที่คนดีๆเขาทำกัน มีสุขนิสัยที่ดี ไม่งก ไม่เห็นแก่ตัว จะไม่ป่วย ไม่เป็นโรค ไม่ต้องไปหาหมอ...หมอและยามีไว้รักษาและขายให้คนที่โง่เท่านั้น (ว้าย...)
เขาสรุปสุดท้ายว่า....เลิกโง่กันเถอะเพื่อน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น