andragogy: การศึกษายิ่งบริโภคยิ่งอ่อนแอ.. เพราะทำให้เกิดกฎกติกา ไม่ใช่ความสุข อยากจะสอนคนอื่นให้มีความรู้ต้องละลายเครียดก่อน คนเราล้วนแบกความทุกข์อยู่ อาจเครียดเรื่องครอบครัว เรื่องเงินชักหน้าไม่ถึงหลัง เครียดเรื่องต่างๆอยู่ในใจ อารมณ์รับรู้เรียนรู้ไม่มี แต่เรามุ่งยัดความรู้เข้าไปในคนทุกข์..มันจึงล้น มันจึงยากที่จะแลกเปลี่ยน เรียนรู้ (ครูนี่แหละตัวดี ชอบจับยัดอะไรเดิมๆ คิดเดิมๆ ไม่พัฒนา ไม่เปลี่ยน ไม่รู้จัก learn how to learn...)
energizer: ต้องทำให้ "สุข" (หรือสุกก่อน..ค่อยกิน ดิบๆกินยาก..ยกเว้นบางอย่าง อย่างปลาดิบ อ่ะ อ่ะ) มันเป็นการทำลายความเศร้า ความเครียด ก่อนก่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
สุข = อิสระ
สุข = ลดขั้นตอน
สุข = ขยายผล
องค์ความรู้จะมีคุณภาพได้ คือ ต้อง "สุข"
แต่ทุกวันนี้องค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มันทำให้เกิดแต่ทุกข์ เกิดเป็นสิ่งร้อยรัดกายใจให้มีแต่กฎเกณฑ์ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่จะทำให้เกิดสุข ทำตัวเองตกอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แพ้ทั้งชาติ...
ต้องอยู่เหนือการเปลี่ยนแปลง เราทุกคนมีกฎกติกาผูกมัดตัวเองไว้เยอะ เจอการเปลี่ยนแปลงที่เป็นอนิจจังก็ไม่เข้าใจมัน มันไม่มีอะไรไม่เปลี่ยน แค่เข้าใจก็อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ท่านว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงเมื่อนึกถึงลูก ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกแบบไร้เงื่อนไข ไร้กฎเกณฑ์ แต่ลูก (อย่างเรา) กลับมีเงื่อนไขตลอดเวลากับพ่อแม่ ลูกไม่สบายฝนตกหนัก พ่อแม่ไม่สนใจฟ้าฝน ต้องพาลูกไปหาหมอให้ได้ ถึงตาลูกแม่ขอให้พาไปธุระ กลับว่า โห ฟ้าฝนไม่เป็นใจ วันนี้รอไปก่อน ซะงั้น.. ฟังแล้วเจ็บ (โดนหมัดเด็ดไปหนึ่งดอกเมื่อวาน) ลูกยังอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลง ภายใต้กฎเกณฑ์ของตัวเอง ไม่มีวันอิสระ รู้ว่า"ดี" ยังไม่ทำ
"ดี" ไม่ได้เป็นของใคร
"ดี" เป็นมรดกโลก
"ดี" เกิดก่อนศาสดาและศาสนา
"ดี" คือ ศีล สมาธิและปัญญา
พระพุทธองค์เข้าใจความเป็นจริงของโลก โลกนี้มีอยู่สองอย่างเท่านั้น คือ สิ่งที่มีชีวิตกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตซึ่งย่อมเปลี่ยนตามกาลเวลา อันนี้พระพุทธองค์ไม่สงสัย แต่เรากลับไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง วิทยาศาสตร์ก็ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แต่หนักกว่านั้นดันเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางโลก มีแต่ "ทำ" แต่ไม่มี "ธรรม" ที่เป็นธรรมชาติ ที่เป็นตามความจริง (เราก็คงท.ทหาร มากกว่า ธ.ธง เหมือนกัน)
ท่านตบท้ายสอนมาอีกหมัดว่า...ทั้งหมดทั้งมวลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น...ที่หนีไม่พ้น ที่ต้องเข้าใจ คือ กรรม มันเป็นจ๊อกกี้ควบขี่เราอยู่ทุกวันทุกคืน เอาสั้นๆว่า
มีความรู้สึก = มีกรรม
มีเหตุผล = มีกรรม
มีข้ออ้าง = มีกรรม
ไปคิดเอาเอง.. หมดความรู้สึกก็หมดกรรม หมดทุกอย่าง
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น