วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

อะไรเอ่ย...ไม่เข้าพวก....ช้าง ม้า วัว ควาย แกะ มะเขือ

ท่านี้คุ้นๆ...

การไม่เข้าพวกนั้น..มีสำนวนที่รู้จักกันดีและเป็นสากล คือ แกะดำ (black sheep) ซึ่งคุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ (ถ้าอยากรู้ว่าเป็นใคร เจ๋งขนาดไหนก็ลองถามกูเกิลดู)  เจ้าของบริษัทที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวขับเคลื่อนการทำงาน นำมาตั้งชื่อบริษัท..แกะดำทำธุรกิจ สอนให้คนคิดแบบแกะดำ คิดสร้างสรรค์เชิงองค์รวมซึ่งไปฟังแล้วก็ได้คิดอะไรดีๆอยู่มากมาย ถ้าถามว่าใหม่ไหม..ก็คงไม่ใหม่ แต่ถามว่าดีไหม ต้องบอกว่าดีมาก คุ้มค่าที่กระตุกต่อมคิดได้ชะงัดทีเดียว ที่ชื่นชอบชื่นชมมาก คือ ผลของการฟังที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาในตัวคน ในธุรกิจ ในสังคม  
ที่จั่วหัวเรื่องว่าอะไรเอ่ยไม่เข้าพวกและต่อด้วย ช้าง ม้า วัว ควาย แกะ มะเขือนั้น เพราะเห็นคำว่าแกะดำแล้วนึกถึง มะเขือ มันไม่เข้าพวกยิ่งกว่าแกะดำ มันเป็นคนละสายพันธุ์กันเลย สิ่งที่คุณประเสริฐเล่านั้นมันเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เข้าพวกจริงๆ ไอ้ตัวเลือดเนื้อ โครงสร้างกระดูกของความคิดมันคนละเรื่อง ไม่ใช่แค่กระดูกคนละเบอร์ มันเป็น disruptive thinking มันเป็นเรื่องความคิดที่ดื้อกับโลก ดื้อกับสิ่งปกติ.. ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่บนโลกนี้  ส่วนตัวแล้วชอบมะเขือ ไม่ชอบแกะ.. แต่รักความคิดกลุ่มแกะดำนะฮะ
ครึ่งเช้า.. ชอบอะไรบ้าง
เขาว่า...ขวานำ..ซ้ายตาม
ขอเติมเองว่า...ขวาอย่าตก ซ้ายตามให้ทัน
ให้คนใช้สมองซีกขวา....จินตนาการ ความรู้สึก อารมณ์ให้มากขึ้นแล้วค่อยใช้สมองซีกซ้าย.....ตรรกะ เหตุผลมาประเมิน  พูดง่ายๆใช้ heart แล้วค่อยใช้ head      ในทางธุรกิจ.. ผู้คนที่เข้าข่ายช้าง ม้า วัว ควาย แกะ(ขาว) มักใช้ convention thinking คือ คิดตามจารีต ตามเหตุผลตามที่เคยเชื่อๆทำๆต่อๆกันมา.... มันจึงลงเอยด้วยความเหมือนที่อันตรายต่อความยั่งยืนของธุรกิจ เพราะไม่สร้างอะไรใหม่ แข่งยาก อยู่ในเวทีคนอื่น ต้องคิดเบ็ดเสร็จแบบท่านนันท์ วัดดอนจั่น..ปกติ คือ ไม่ปกติ ไม่ปกติ คือ ปกติ... เป็นการพัฒนาวิธีคิดให้แข็งแรง กาลามสูตร..อย่าเป็นสาวเครือฟ้า..เชื่อคนง่ายแล้วต้องโดดน้ำตกตาย 
ตัวอย่างที่คุณประเสริฐยกมาแล้วชัด คือ เรื่องการออกแบบการวนของบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้าที่ทำเหมือนๆกันทุกห้าง มุ่งขายโดยไม่คิดถึงความสะดวกของลูกค้า คิดถึงแต่การเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ขาย  ซึ่งมันจริง...เพราะมันน่ารำคาญมาก แล้วเราก็ไม่ดูอะไรทั้งนั้น รีบเดินๆไปหาสิ่งที่เราต้องการ หรือจะคิดว่าให้ลูกค้าออกกำลังกายก็ใช่ที่ ผิดเวลาอีก... หรือ การที่ซุปเปอร์มาร์เกตมี fast lane สำหรับลูกค้าขาจร ซื้อของไม่กี่บาท แต่กลับให้ลูกค้าขาประจำที่ซื้อเยอะๆต้องรอจนขาแข็ง.. มันเป็นสิ่งที่ทำเหมือนกันอีก.... ตกลงว่าควรจะเอาใจใครแน่ จะค้าขายเอากำไร เอายอดขายอย่างเดียวเลย..​ อารมณ์ ความสุข ประสบการณ์ดีๆไม่มีให้หรืออย่างไร  ระวังอีกหน่อยยอดขายจะหายด้วย...
การทำธุรกิจด้วยการปักธงว่าเงินเป็นพระเจ้า..ยอดขายคือสรณะ​ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เพราะมันใช้ซ้ายนำ ขวาแทบไม่เห็น  ที่สำคัญคือมันใช้เหตุผลของตัวเองคิด คนเราจะเสียตังค์อะไรสักอย่างเราก็อยากมีความสุข ทำไมเราไม่ทำธุรกิจด้วยการคิดถึงความสุข ถ้าเอาความสุขตั้ง ขวานำ...ลองคิดดูว่าอะไรดีๆจะเกิดขึ้นมามากแค่ไหน ทำไมเราจึงคิดแต่ความสุขของเราโดยไม่เห็นแก่ความสุขคนอื่น..อันนี้ยังไงก็ไปไม่รอด  ซึ่งไม่ใช่แค่ค้าขาย..แต่มันเป็นชีวิตคน เป็นวิธีคิดของคน การสร้างความสัมพันธ์ของคนที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขยืนยาวมันต้อง...ยุติธรรม ซื่อสัตย์ต่อกัน แปลว่า..ไม่เอาเปรียบ ขอย้ำ..ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน.. นี่เป็นเรื่องของใจ เป็นของการ์ดขวาอย่าตก  ส่วนจะทำกำไรอะไรนั้นมาทีหลัง..​จะวางแผน คำนวณอะไร...ซ้ายค่อยตาม
(ยังมีต่อ..โปรดอดใจรอนะฮะพี่น้องเพื่อนฝูง)

7 ความคิดเห็น:

  1. ชอบคนเขียนบล๊อกที่สุดเลยครับ มีอะไรมาแบ่งปันน้องๆ ลูกๆ ได้ตลอดกาล นับถือๆครับ ขอให้ป้ากิ๋งแข็งแรง มีสุขภาพดี สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้น้องๆต่อๆไปครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากลูกหลาน.. ป้าพยายามแข็งแรงอยู่นะ

    ตอบลบ
  3. เป็นหลักเชิงคิดที่ดีมากหลักหนึ่ง และหากมองดีๆแล้วหลักนี้เหมาะสำหรับการฝึกให้ตนเองรู้ทันและมีสติอยู่กับตนเสมอ ให้เกิดการรู้ทัน...ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งที่ดีดีให้เป็นอาหารสมองครับ...

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณกำลังใจนะคุณเพื่อนสุดหล่อ

    ตอบลบ
  5. เยี่ยมครับ ขอบคุณที่แบ่งปันมุมมอง จะลองไปใช้ดูครับ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับผม :)

    ตอบลบ