วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความสุุขของการให้..ฮ้าไฮ้

ขอบคุณเจ้าของภาพ

นิทานจากเวปพลังจิต: ชายหนุ่มคนหนึ่ง มีชีวิตที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ หน้าตาหล่อเหลา มีการศึกษาสูง มีงานการที่มั่นคง มีความก้าวหน้าในอนาคต มีคนรักใคร่รอบข้าง เรียกว่าใครเห็นใครรู้เป็นต้องอิจฉา

วันหนึ่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบของชายคนนี้ยิ่งสุดยอดสมบูรณ์แบบมากขึ้น เมื่อพี่ของเขายอมควักเงินก้อนโต ซื้อรถสปอร์ตคนงามเป็นของขวัญให้กับน้องชาย ไม่ต้องบอกว่าเจ้าตัวจะยินดีปรีดาแค่ไหน เพราะรถสปอร์ตสุดหรูคันนี้ชายหนุ่มนายนี้ฝันอยากได้ เป็นเจ้าของมาตลอดชีวิต เมื่อความฝันเป็นจริง สิ่งที่ชายหนุ่มคิดทำอย่างแรกคือ ขับเจ้ารถสปอร์ตตระเวนไปตามที่ต่างๆให้สมอยาก

ใจหนึ่งต้องการทดสอบแรงม้าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเครื่องว่าจะมีเรี่ยวแรงเต็มกำลังแค่ไหน อีกใจก็แน่นอนว่า ใครที่มีรถสวยแรงขนาดนี้ คงไม่บ้าเก็บเอาไว้ดูตามลำพังที่โรงรถในบ้าน ขับโฉบเฉี่ยวไปมาสักพัก ก็ถึงเวลาพักทั้งเครื่องและคน ชายหนุ่มจัดแจงจอดรถข้างถนน ระหว่างกำลังพักผ่อนอิริยาบถ  เขาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินลูบๆคลำๆรอบรถคันงามด้วยกิริยาท่าทีชื่นชอบรถสปอร์ตอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ สิ่งที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝัน เขาเดินยืดอกมาที่รถพร้อมพูดจาทักทายเด็กคนนั้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจดั่งขุนศึกผู้ชนะ สงคราม 
"ระวังหน่อยน้อง เดี๋ยวเป็นรอย" เขาบอก 
เด็กคนนั้นมองไปยังชายหนุ่มเจ้าของเสียง ก่อนจะพูดตอบ "รถของพี่เหรอ สุดยอดจริงๆ" 
"แน่นอน" เขาตอบ 
"พี่ซื้อมาราคาเท่าไหร่" เด็กคนเดิมถาม 
"คนอื่นอาจต้องควักสตางค์ซื้อเอง แต่พี่ไม่ต้องเพราะพี่ชายพี่ซื้อให้เป็นของขวัญ" 
"โอ้โห! ดีจัง ผมอยาก...."
เด็กคนเดิมพูดตะกุกตะกักชะงักในตอนท้าย ชายหนุ่มคิดในใจว่า เด็กคนนี้คงไม่กล้าพูดต่อ เพราะที่เด็กอยากจะพูดแต่ยั้งปากยั้งคำไว้นั้นคงต้องการบอกว่าอิจฉาตัวเขาเอง อยากจะเป็นอย่างเขาบ้าง...มีพี่ที่แสนดีซื้อรถสุดหรูให้เป็นของขวัญ... 

แต่สิ่งที่ชายหนุ่มคิดกลับผิดถนัด "โอ้โห ดีจัง ผมอยาก....เป็นอย่างพี่ชายของพี่จัง" เด็กคนนั้นพูด "ผมจะได้ซื้อรถให้น้องชายผมนั่งบ้าง"

ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง ในสังคมทุกวันนี้ ที่ใครๆตั้งหน้าตั้งตาแต่จะรับ หรือ บางคนไม่ยอมรอ ใช้กำลังความได้เปรียบแย่งชิงของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง แต่เด็กคนนี้กลับคิดสวนทาง

...เขาอยากเป็นผู้ให้ มากกว่าเป็นผู้รับ.... 

ชายหนุ่มมองเด็กด้วยความรู้สึกทึ่งและพูดออกมาทันทีว่า "อยากนั่งรถเล่นกับฉันไหม" "ครับ อยากมากเลย" หลังจากขับรถเล่นอยู่พักหนึ่ง เด็กชายหันมาพูดด้วยดวงตาวาวแวว "คุณจะกรุณาขับรถไปหน้าบ้านผมได้ไหมครับ" ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เขาคิดว่าเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไร....คงต้องการให้เพื่อนบ้านเห็นว่าเขาได้นั่งรถคันโตกลับบ้าน 

แต่ชายหนุ่มคิดผิดอีกแล้ว "คุณจอดตรงบันไดนั่นล่ะครับ" เขาวิ่งขึ้นบันได จากนั้นสักครู่จึงกลับมาแต่เขาไม่ได้วิ่ง เขาอุ้มน้องตัวเล็กๆที่ขาพิการมาด้วย และวางน้องลงที่บันไดล่าง กอดไว้และชี้ไปที่รถ "นั่นไง รถคันที่พี่เล่าให้ฟัง พี่ชายของเขาซื้อให้เป็นของขวัญ เขาไม่ต้องเสียตังค์เลย สักวันหนึ่งพี่จะซื้อให้น้องบ้าง น้องจะได้ดูของสวยๆงามๆด้วยตาของน้องเองเหมือนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง" 

ชายหนุ่มลงจากรถ แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นรถ พี่ชายปีนตามขึ้นมานั่งใกล้และแล้วทั้งสามก็เริ่มออกเดินทาง ชายหนุ่มรู้แล้วว่า "ความสุขยิ่งกว่าการให้" หมายถึงอะไร

นิทานดี....แต่คนเริ่มฟุ้งซ่าน
....อันนี้ต้องอาศัยความรักอย่างยิ่ง... มันถึงจะยินดี เต็มใจ ไม่หวังผล...
จากประสบการณ์..หวังผลตลอด มันจึงแย่ จิตตก ..อายเด็กเลยเนี่ย..
แต่บ่อยครั้งที่ให้แล้ว..มันรู้สึกดี อันนี้เป็นความเต็มใจอย่างยิ่ง เมตตามหานิยมเลย
แต่บางครั้ง... ให้แล้วอารมณ์เสีย.. มันไม่เชิงหวังผล (....แต่ก็หวังนั่นแหละ) คนที่รับไปมันไม่ค่อยรู้สึกรู้สม.. ไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทน แต่ให้มันจริงใจกันหน่อยก็พอ อย่าเบียดกันมาก ..อันนี้หวังผลเหมือนกัน... ลำบาก

บางทีก็รู้อยู่...แต่ก็ไม่มีปัญญาจะจะคิดได้ ทำได้.. ความทุกข์มาเยือนทันที
เกิดเป็นคนมันทุกข์อยู่แบบนี้.. จะมาก จะน้อยเท่านั้น
มันต้องมี trigger event แบบนิทานข้างบน..มันถึงจะรู้สึก
บางคนโชคดี..มีบ่อย รู้ทันบ่อย 
แต่ส่วนใหญ่เป็นวิบากกรรม.. ไม่ค่อยรู้ 
ต้องฝึกไป... ว่ากันว่า การให้เป็นสุขมากกว่าการรับ... 
เอาแบบไม่ให้..ไม่รับ ได้ไหม.....ท่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่... 
ประมาณว่าไม่เบียดเบียนใคร...ใครก็ไม่ต้องเบียดเบียนเรา.. ใจร้ายไปไหมเนี่ย..

ชักไปกันใหญ่.. เอาเป็นว่า ให้เท่าที่ให้ได้แล้วดี มีความสุข ไม่คิด ไม่หวัง..ให้ไปเฉยๆนี่หละ
จบข่าว....

1 ความคิดเห็น: