วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ร่มใคร ร่มมัน...


นิทานเซน: ยังมีอุบาสกผู้หนึ่งหลบฝนอยู่ใต้ชายคา พอดีกับที่มีอาจารย์เซนผู้หนึ่งกางร่มเดินผ่านมา อุบาสกผู้นี้จึงร้องเรียกขอให้อาจารย์เซนพาตนไปด้วยโดยอ้างว่า ตามหลักธรรม...พระสงฆ์คือผู้ช่วยนำพาสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทะเลทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด   ทว่าอาจารย์เซนกลับปฏิเสธคำขอของอุบาสก ทั้งยังกล่าวว่า "ประสกอยู่ใต้ชายคาซึ่งไม่มีฝน มิได้เปียกปอน ฉะนั้นอาตมาไม่จำเป็นจะต้องพาประสกออกไป"
       
เมื่ออุบาสกได้ยินดังนั้น จึงก้าวออกมานอกชายคา ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำจนร่างกายเปียกชุ่มโชก จากนั้นขอร้องอีกครั้งให้อาจารย์เซนพาเขาไปด้วย
       
ยามนั้น อาจารย์เซนจึงเอ่ยว่า "ประสกยังคงไม่เข้าใจ แม้ว่าขณะนี้เราทั้งสองล้วนอยู่ใต้สายฝน แต่อาตมาไม่เปียกเพราะมีร่มคุ้ม ส่วนประสกกลับเปียกปอนเพราะไร้ร่มกำบัง ดังนั้นมิใช่ว่าอาตมาไม่พาประสกไป แต่ประสกต้องเสาะหาร่มคุ้มฝนของตน เพื่อข้ามผ่านไปด้วยตนเอง"

....อุบาสกคนนั้นมันร้ายจริงจริง.. จะเอาให้ได้ ไอ้การจะเอาให้ได้นี่มันเห็นแก่ตัวชัดๆ หน้าฝนก็ไม่รู้จักเตรียมร่มของตัวเองจะอาศัยคนอื่นวันยังค่ำ... คนเรานี่ประหลาดแท้เชียว หรือจะมีแต่เราที่เห็นว่าประหลาดก็ไม่รู้  เพราะสมัยนี้ใครก็อยากสบายทางลัด ไม่ต้องใช้ทรัพยากรของตัวเองก็ยิ่งดี แต่ไม่คิดบ้างหรือว่ากำลังเบียดเบียนชาวบ้านเพื่อให้ตัวเองได้... เหนื่อยนะแบบนี้ จะบาปเอาด้วย..และยังพลอยให้ไอ้คนมีร่มจิตตก คิดไม่ดีไปเสียอีก... แบบนี้เรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวมากมาก.. ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันเป็นสันดานข้ามชาติหรืออย่างไร อันนี้ไม่ได้ว่า..แต่หมายถึงนิสัยที่ติดข้ามภพข้ามชาติมาแต่ปางก่อน สลัดไม่หลุด.. หรือว่ามันจะเป็นที่สิ่งแวดล้อม พ่อแม่ยากจน ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้หรืออย่างไร จึงแร้นแค้นนัก กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว.. ไม่ยอมทำอะไรเอง..ใช้ ฉก ฉวยความใจกว้างใจดีของคนอื่นเพื่อเอาเปรียบแล้วอ้างว่า...แค่นี้..ทำให้ไม่ได้หรือ..อ้าว..ร่มก็ร่มเรา ตัวเองไม่มีแล้วยังมาว่าเขาอีก.. หรือว่าจะเป็นที่ทักษะการบริหารจัดการอ่อน..ทำอะไรไม่เป็น (ไม่ยอมรับ รักสบาย แต่อยากได้ อยากมี) บริหารเงินทองไม่คล่อง..เงินขาดมือ เลยทำให้เห็นแก่ตัว... 

คนมีร่มคงต้องมาดูว่าไอ้คนไม่มีร่มน่ะ...มันเป็นแบบไหน... 
ถ้าเป็นแบบแรก..เป็นมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว อันนี้ลำบาก..ต้องทำใจอย่างเดียว
ถ้าเป็นแบบที่สอง แบบที่สาม...พอแก้ได้ ไม่ใช่แก้ที่มัน..ต้องแก้ที่เรา.. พระท่านว่าเหมือนคนผิงไฟหน้าหนาว.. มันหนีไม่ได้ เพราะมันเป็นพี่เรา มันเป็นน้องเรา มันเป็นญาติเรา มันเป็นเพื่อนเรา มันเป็นคนทำงานร่วมกับเรา.. เข้าใกล้มากจะถูกย่างเอา.. ถอยห่างมากจะหนาวไป จะย้ายมันไปที่อื่นก็ไม่ได้.. ต้องขีดเส้นตาย คือ แบ่งพรมแดนกัน มีขอบมีเขตสักหน่อย มันแค่เตาผิง ไม่ใช่เตาย่าง..ไม่ต้องใกล้นักเดี๋ยวจะสุก ตีกรอบเอาแค่ผิงพอ.. สบายใจ แผ่เมตตาเข้าไป...

ร่มใคร ร่มมันนะ..ท่านผู้ชม ไม่มีร่มก็หัดตากฝนซะมั่ง เผื่อจะรู้เร็วขึ้น.. ไม่มีปาบติดตัว อ่ะ อ่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น