วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

คิดวันละอย่าง # 273

เล่นกันที่สมอง

เหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา มันลึกลับซับซ้อนเกี่ยวทับผลประโยชน์ทั้งต่างชาติและนักการเมืองไทยทั้งอดีตและปัจจุบันที่อยากเป็นใหญ่ เรื่องนี้เข้าใจได้แต่ไม่รู้จะทำยังไงกับความหยาบของกิเลสคน คือ มันอยากครองอยากอำนาจไม่สิ้นสุด บ้านเมืองจึงปั่นป่วนต่อเนื่องกันไปแบบไม่รู้จะจบสวยได้ยังไง แต่ลูกหลานเรานี่สิ...ที่ผิดเพี้ยนตามการกระหน่ำชักจูงด้วยความเร็วและแรงของเทคโนโลยีสื่อสารแบบเอาให้ลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เหตุผลอะไรก็เอาไม่อยู่ 


จึงมาคิดว่ามันคงเกี่ยวกับการใช้สมองด้วย ถ้ามาดูกันตามทฤษฎีสมอง 3 ส่วน ของ Paul D. Maclean นักประสาทวิทยา จะเห็นได้ว่าลูกหลานเราถูกกระตุ้นให้ใช้สมองชั้นสัตว์เลื้อยคลาน Reptilian Brain ที่สนใจแต่ว่าอะไรที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดหรือการหลีกเลี่ยงจากอันตรายซึ่งในที่นี้คงเป็นเรื่องเผด็จการ เรื่องสถาบันที่คิดว่าเป็นเรื่องคุกคามอยู่นี่แหละ ก่อนเป็นด่านแรกเลย มีการชวนให้สมองลูกหลานเชื่อโดยกระหน่ำ “Visual” ที่ “Fake” ภาพบิดเบือน ข้อความโกหกหลอกลวง เพราะมันรู้ว่าสมองส่วนนี้ไม่เข้าใจภาษาคน ไม่ต้องมีเหตุผล มันง่าย ไม่ซับซ้อนและกระตุ้นสัญชาตญาณในเวลาอันสั้นได้ผลดี ลูกหลานไม่ต้องคิดจาก vitual หรือ message ต่างๆ แค่ใช้สัญชาติญาณว่ามันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตัวเอง มันมีความจำเป็นต้องลุกฮือชู 3 นิ้ว หรือผูกโบว์ขาวที่เห็นว่าสำคัญแค่นั้น ให้สมองประมวลผลแบบชั้นเดียว ไม่ใช้ตรรกะหรือเหตุผลอะไรทั้งสิ้น แค่นี้ก็คงพอเข้าใจว่าทำไมพูดกันด้วยเหตุผลไม่ได้  


ความพลาดของเรา คือ การพยายามให้ข้อมูลความจริงกันกับลูกหลานมากมาย สื่อสารข้อมูลที่ยาวยื้อเยื้อ พยายามอธิบายโดยที่ไม่ได้คำนึงว่าตอนนี้ลูกหลานใช้แค่ Reptilian Brain เป็นด่านแรก มันไม่โดน ลูกหลานจะไม่เข้าใจหรอกว่าเราต้องการบอกอะไร สิ่งที่รู้แค่อย่างเดียว คือ ข้อมูลที่กำลังบอกนั้นซับซ้อนเกินไปและไม่มีความสำคัญ สมองจะ skip ผ่านไปทันที ไม่เข้าหัว นี่ขั้นแรกนะ สมองมันมีกระบวนการของมัน ในเมื่อมีคนปลุกปั่นให้สมองด่านแรก “ตัดสินใจ” ไปแล้ว ข้อมูลเราจึงผ่านเข้าไปไม่ได้  และสมองด่านที่สอง Limbic Brain มันประมวลต่อแล้วว่ามันรู้สึกยังไงกับข้อมูลปลอมๆที่รับเข้ามาเต็มๆอย่างต่อเนื่อง ไอ้คนที่ยัดเยียดข้อมูลมันต่อด้วยการกระตุ้นอารมณ์ สมองส่วนนี้เป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก มันจดจำประสบการณ์ที่ได้รับจากส่วนแรกได้ดีเป็นพิเศษ จึงคล้ายกับ double action ที่มีผลต่อพฤติกรรมชุมนุมของลูกหลาน ตอกย้ำการทำตามอารมณ์มากกว่าที่จะใช้เหตุผล และก็แน่นอนมองส่วนนี้มันไม่มีความสามารถในการรับรู้เรื่องภาษา มันจึงมีข้อความแปลกๆแย่ๆจากลูกหลานเราเป็นวาทกรรมบ้าๆบอๆที่ฮิตกันไปอย่างได้อารมณ์กันเอง จะเห็นว่าเวลาคุยกับลูกหลานมันอธิบายไม่ได้มันแค่รู้สึกอะไรก็ว่าไปตามนั้น สมองในสองส่วนแรกนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำโฆษณาชวนเชื่อที่ต้องการดึงความสนใจให้กลุ่มเยาวชนรับรู้ข้อมูลปลอมที่ยัดเข้าไปแต่แรกรวมถึงกระตุ้นการตัดสินประเทศ ตัดสินสถาบันไปอย่างไร้เหตุผล กลายเป็นเชื่อแบบงมงาย เพราะตามการศึกษากว่า 90% ของการตัดสินอะไร ตัดสินใจ หรือการแสดงพฤติกรรมทั้งหลายที่จาบจ้วงรุนแรงเกิดจากการทำงานของสมองสองส่วนนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมไม่ได้ โอละพี่ โอละพ่อมากเลยนะ 


จากสมองสองส่วน มันมาถึง Neocortex หรือ New Brain ที่รับผิดชอบในเรื่องของ “ตรรกะ” ซึ่งสมองของลูกหลานเรามันแชร์มาจาก Reptilian Brain กับ Limbic Brain มันเลยกลายเป็นตรรกะเหมือนกัน แต่เมื่อส่วนแรกส่วนที่สองผิดเพี้ยน สมองส่วนนี้จึงเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายเลยว่าสุดท้ายลูกหลานก็มีตรรกะที่ผิดเพี้ยนเป็นของตัวเอง ซึ่งมันประมวลออกมาเลยแล้วว่า “คุ้มค่าแก่การชุมนุมต่อต้าน” 


หากเราเข้าใจและอยากลุยกับลูกหลาน มันคงต้องมาเล่นกับสมองของมนุษย์แล้ว ต้องสื่อสารสิ่งที่ต้องการจะสื่อกับสมองทั้งสามส่วนให้ครบถ้วนและถูกลำดับของมัน คือ กระตุ้นสมองส่วน Reptile ให้สนใจด้วยเมตตาธรรมที่ไม่ยื้ดเยื้อ เอาให้โดนโดนจะจะ ขาดๆไปเลยว่าอะไรกันแน่ที่อันตรายกันแน่ ไปหารูปที่โดนๆมาให้ดูแล้วคุยกันแล้วสร้างความผูกพันทางอารมณ์ ไม่ต้องอ้างเหตุผลเพราะไม่มีประโยชน์ในการกระตุ้นสมองสองส่วนนี้ ดราม่าน้ำตาไปให้สุด ดูว่าใครมันจะแน่กว่าใคร คิดว่าขนาดนี้แล้ว สมองส่วน New Brain ของลูกหลานจะสามารถเรียนรู้วิเคราะห์ได้ คือมันเป็นการสื่อสารกับสมองทั้งสามส่วนครบ มันเป็นพื้นฐานเลยนะของการจะรู้จักผิดชอบชั่วดี เพื่อการยืนหยัดอยู่รอดภายใต้สถานะการณ์ขัดแย้งของครอบครัวในปัจจุบัน 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น