วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ชวนเข้าวัด..


วัดความดี วัดอารมณ์และวัดศีลธรรม

บางทีการได้ใคร่ครวญเงียบๆอยู่กับ “วัดในใจ” ก็ดีกว่าไปนุ่งขาวห่มขาวในวัดแต่ไม่ได้พิจารณาตัวตน 
เริ่มเลยก็แล้วกัน...
วัดแห่งที่ 1 : วัดความดี

ความดี คือ ทำในสิ่งใดก็ตามที่เราได้ทำแล้วใจและกายมีความสุขและทำให้คนอื่นเป็นสุข ส่วนความเลว คือ ทำแล้วเบียดเบียน ไม่เกิดประโยชน์ ทำแล้วคนอื่นเดือดร้อน
มันอยู่ที่ “มโนสุจริต” ความดีความงามทางใจ เห็นชอบ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ ไม่พยาบาทป้องร้าย คิดง่ายๆ คือ ทำอะไรมันต้อง “ถูกต้องและถูกใจ” ที่ไม่ใช่ความดี คือ ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจ / ถูกต้อง ไม่ถูกใจ / ถูกใจ ไม่ถูกต้อง 

วัดแห่งที่ 2 : วัดอารมณ์

เราตัดอะไรได้แค่ไหน ไม่ต้องถึงกับตัดเครื่องรัดร้อยกิเลส สังโยชน์ 10 เอาแบบคนธรรมดา อารมณ์ใด ๆ มากระทบจิตกระทบใจแล้วปลดไม่ได้ ก็ถือว่าอารมณ์ไม่ดี เป็นกิเลส เกิดทุกข์เศร้าหมอง ถือว่ายังปลดไม่พอ จะให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้เรื่องอารมณ์ ก็อย่าเป็น “ชาวเกาะ” เกาะขันธ์ 5 ตัวเอง เกาะขันธ์ 5 ชาวบ้าน เกาะงาน เกาะกังวลความเป็นอยู่ของชีวิต เกาะความเจ็บป่วย เกาะมันไปหมดทุกอย่าง อันนั้นอารมณ์คับคั่งเกิน เหมือนรถติดตอนฝนตก ไปไหนไม่รอด หงุดหงิด ยุ่งยากใจ ปวดหัว ใครก็ช่วยไม่ได้ แต่ “สติ” ของตัวเอง คือ คำตอบสุดท้ายที่ช่วยปลดได้
วัดแห่งที่ 3 : วัดศีลธรรม

อันนี้คนละเรื่องกับศาสนา ต้องเข้าใจกันก่อนว่า ศาสนาไม่ได้เป็น “เครื่องชี้วัดศีลธรรม” คนเข้าวัดไม่ใช่คนที่มีศีลธรรมกันทุกคน คนนุ่งอะไรที่ไม่ใช่สีขาว ไม่เข้าวัดก็ไม่ใช่คนไร้ศีลธรรม ศีลธรรมเป็นเรื่องอิสระโดยสมบรูณ์จากศาสนา (เดี๋ยวมาจะพุทธ คริสต์ อิสลาม ใครดีกว่าใคร มันจะยุ่ง) ศีลธรรมเป็นหลักการที่จะนำไปสู่ความสงบสุขในสังคม ทำให้คนทั้งหลายในโลกนี้มีความสุข ไม่มีใครเอาเปรียบกัน หรือ ฆ่ากันหน้าด้านๆ 
ดังนั้นหากเราไม่ลัก ไม่ฆ่า ไม่โกหก ไม่เพ้อเจ้อ ไม่หยาบคาย ไม่ทำร้ายใครด้วยกาย วาจา ใจ ไม่โลภอยากได้ในทางที่ผิด มีจิตเมตตาไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบและถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ศีลธรรมก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ถ้าไม่มีเวลาเข้าวัด...ไม่เป็นไร
มาเที่ยววัดความดี วัดอารมณ์ วัดศีลธรรม...วัดเหมือนกัน
“วัดความดี” “วัดอารณ์” และ “วัดศีลธรรม” 
อยู่ข้างๆกัน อยู่ใกล้กันมาก  

....มาเยี่ยมบ่อยๆ ไม่เสียเวลามากนัก...ไม่เปลืองทรัพยากร
ไม่ว่าตัวอยู่ที่ไหนก็เข้าไปสามวัดนี้ได้...แบบสบาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น