วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดอยหลวงเชียงดาว: ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว



เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำพูดของคนโบราณที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ก็คราวนี้.. การไปเดินดอยหลวง เชียงดาวมันใช้ “ใจ” ที่มีสติควบคุม “กาย” ให้ตื่น เผลอไม่ได้ เพราะทุกย่างก้าวมันหมายถึงประมาทอาจลื่นล้ม เจ็บตัว เผลอมากๆอาจตกดอยเดี้ยงได้  เหมือนคำพระว่าสติเป็นเครื่องตื่นในโลก ขาดไม่ได้  ทำให้เรียนรู้ว่าสติมันมีอยู่แล้วในสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ช่วยสนับสนุนสัญชาตญาณการอยู่รอดของชีวิต  จำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่จริงๆ  ใช้ได้ในทุกกรณี ทุกอารมณ์ ทุกเวลา ทุกสถานที่  มันทำให้เราระลึกได้  ให้รู้สึกตัวในการเคลื่อน การไหว  ใจมันจดจ่อ.. ก้าว วาง ก้าว วาง ไม้เท้าค้ำไว้ รู้เกร็ง รู้ผ่อน รู้เท่า รู้ทัน  ซึ่งตัวเองคิดว่ามันดีกว่านิ่งๆอยู่มาก เพราะเคยทำนิ่งๆมาก่อนหน้านี้ตอนไปที่โกเอนก้า ไม่เคลื่อนไหว มันเลยเข้าไปในความคิดซะ ไม่มีอะไรดึงไว้   แต่การเดินครั้งนี้มันรับรู้การเคลื่อนไหวของกายเราอย่างยิ่ง ไม่คิด เอาปัจจุบันเท่านั้น อดีต อนาคต อนางอวางไปหมด  ถึงแม้จะถอนใจเบา หนัก หรือแม้กระทั่งโวยดังๆ ก็ยังรู้ทุกขณะ  มันสุดยอดจริงๆ

มันรู้สุข รู้ทุกข์ เป็นระยะระยะ  เพราะเดินเนี่ยมันโคตรเหนื่อย แต่ตามทางมันมีวิวดอยที่งาม มีดอกไม้เล็กๆน้อยๆให้เห็นให้รู้  และจริงๆแล้วมันสุขจากข้างในมาเอง มันมาแบบสะอาดๆ นิ่งๆ อิสระของมัน  ยิ่งตอนที่อยู่ในเต้นท์คนเดียว เพราะชาวบ้านเขาไปดูทุ่งดอกไม้ ไปดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เราก็ไม่สามารถ  คือ ขึ้นมาถึงแคมป์ได้ก็บุญแล้ว หมดเรี่ยวแรงจะไปไหนต่อได้  แค่เดินไปเต้นท์ลูกหาบไปกินข้าวก็ยังต้องจิกเท้าไปจนเหนื่อยกว่าจะถึง  ตอนนั้นเป็นตอนที่สงบจริงๆ มันหนิงมาก มันสุขในโดยไม่ต้องอาศัยวัตถุภายนอกมาเสนอความอยาก  มันจริงที่ว่าสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี มันไม่ต้องดิ้นรนค้นหา มันนิ่ง มันเงียบ มันเย็นใจ   อีกทีที่รู้สึกก็ตอนขาลง ตอนที่เจ้าหมู่กำลังรุมถ่ายรูปกล้วยไม้อะไรสักอย่างที่ว่าช่อเดียวมีหลายสี พอดีมันเพิ่งออกเลยเห็นแต่เหลืองๆเลยแอบเดินลิ่วไปก่อน  ตอนนั้นมันแฮบปี้สุดๆ มันเดี่ยวๆกลางดงพงไพร มีแต่เสียงเดิน เสียงหญ้าที่เราผ่านมัน  ก้าวไปสบายๆ ก่อนจะเจอทางดำลื่นและชัน อันนั้นก็ได้ฝึกสติหนักอีกที  

ที่รู้อีกอย่าง คือ ร่างกายคนเรานั้นมันทนยิ่งกว่าควาย ไม่คิดว่าจะทนได้ มันก็ไปได้ของมัน  มันไม่ยักกะตายแฮะ เรามีความสามารถใช้ร่างกาย อวัยวะต่างๆของเราได้เต็มที่แค่ไหน ก็รู้มันตอนนี้แหละ เดินดอยนี่มันได้ใจเต้น..อย่างแรง ภาษาหมอคงว่าเป็นสมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิตและหายใจ  cardio –respiratory fitness มันได้น้ำอดน้ำทน  endurance ได้ strength ได้ flexibility เอาเป็นว่าได้ครบที่คนควรได้เวลาออกกำลังกาย  คุ้มจริงๆ ถึงแม้ลงมาแล้วจะเดินเดี้ยงไปสองวันก็เหอะ 

ทั้งหมดทั้งมวล คือ ใจคุมกาย
ไม่มีอะไรที่คนทำไม่ได้ ถ้าใจถึง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น