บันทึกเดินทาง
สัมมนาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการเมืองของกรมโยธาฯ เสร็จบ่ายวันที่ 11 ก็โลดลิ่วฝ่าสีแดงจากประตูน้ำพระอินทร์มาถึงอยุธยา... ทางกรมอนุเคราะห์รถตู้มาส่งด้วยความเต็มใจที่จะดูแล อันนี้ต้องรักเลย.. ให้ไปทำอะไรที่ไหนตอนนี้ไปหมด ไม่อิดออด (ไม่เหมือนกรมอื่น ของกระทรวงอื่นที่เคยเป็นวิทยากรให้จนแก่ แต่ไม่รักและไม่ดูแล มันน่า...) อีกกระทรวงที่ดี อยากทำงานให้ คือ สำนักดร.อ้วน กระทรวงสาธารณสุข เลิฟจริงจริง.. การดูแลกันไม่ต้องมาก แต่ต้องได้ใจนะ ให้ที่อยากได้ ไม่ใช่ให้ที่อยากให้...
เป็นครั้งแรกที่ได้มาพักมาอยู่..เลือกที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยา..ชื่อ อโยธยาริเวอร์ไซด์เฮาส์เป็นบ้านไม้เล็กๆ แต่มีทีเด็ดคือ boat house ทำจากเรือเอี้ยมจุ๊น มีสองห้องนอน แต่มีพักอยู่คนเดียว สุขใจจริงจริง เหมือนกับเหมาลำ แต่ไม่ได้เหมาทั้งบ้านเพราะมีหนุ่มฝรั่งสองคนพักอยู่บ้านบนบก.. ที่คนไม่มากเวลานี้ มาจากหลายสาเหตุ.. หนึ่ง ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว สอง ไม่ใช่วันหยุดยาว สามนี่น้ำหนักเยอะสุด.. คนกลัวสีแดงชวนล่องเรือ หอบปลาร้าเข้ากรุงเทพ.. เจ้าของบ้านเป็นคนกรุงเทพแต่มีสองสามีภรรยาคนท้องที่ช่วยเฝ้าดูแลคนที่มาพัก.. ถือเป็นธุรกิจเล็กๆที่ดี ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมาก จ่ายเท่าที่จำเป็นให้บ้านสะอาดและไม่เหงา มี wireless internet ด้วย cool มาก.. ที่ดีอีก คือ ข้างบ้าน รั้วเดียวกันเป็นวัดกษัตราธิราช.. ตอนกลางคืน ไฟสวยเลยและมองไปทางแม่น้ำจะเห็นเจดีย์ศรีสุริโยทัย เฮ้อ.. heavenly
อากาศร้อนได้ใจ.. วันแรกพักเหนื่อยจากการทำงานไปครึ่งวัน อ่านหนังสืออยู่ในห้อง เปิดแอร์ซะ.. บ่ายๆไปเดินตลาดเจ้าพรหม ซ้อนมอเตอไซรับจ้าง น่ากลัวหน่อยๆเพราะพี่ขับเร็ว ทั้งๆที่บอกว่า ช้า ช้า ป้าแก่แล้ว... มันก็ไม่สน ขากลับเลยต้องตุ๊กๆ ว่าจะเดินให้เพลิน ให้เป็นสุข ดันมีขบวนสีแดง ประกาศรวมตัว โห่ร้องราวกับญาติที่ตายกลับมาเกิดใหม่ อุเบกขาไม่อยู่.. กลับทันทีเหมือนกัน เย็นๆเลยเหมาเรือห้าร้อยบาทจากบ้านพักนั่งเล่นไปรอบเกาะ ค่อยชื่นใจหน่อย วัดวาริมน้ำสวยบอกไม่ถูก วัดไชยวัฒนารามสวยที่สุด ให้เรือหยุดดูเป็นนานสองนาน ดูจนมืด สวยจนลืมดูวังสมเด็จพระนางเจ้าฝั่งตรงข้าม ที่ปลื้มอีก คือ ตรงคุ้งน้ำใหญ่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาเจอกับแม่น้ำป่าสัก เวิ้งว้างได้ใจมาก และที่ชอบ(อีก) มีคล้ายๆกับโบสถ์ หรือ วิหาร อะไรซักอย่างในเขตวัดพุทไธศวรรค์ อยู่ติดกันสองหลัง (ในรูปก็มี ใครทราบบอกที..) นี่ก็จับจิตจับใจ นั่งไปมองไปเห็นชีวิตคนริมน้ำน่ารัก เช่นคุณยายอาบน้ำ คุณป้าหาบน้ำ ลูกหลานกระโดดน้ำและบรรดาชายไทยนั่งกินเหล้าบนแคร่ริมน้ำ ม่วน.. เห็นป้ายบ้านคู่สร้างคู่สมอย่างชัดด้วย ที่รำคาญใจก็มี พวกผักตบ ขยะ ความมอมแมมและบ้านสมัยใหม่ที่สีและรูปแบบน่าเกลียด แต่ที่รำคาญกว่า คือ ระหว่างเรือแล่นไปก็จะมีเรือของร้านอาหารผ่านไปมาหลายลำ แค่กินข้าวคงไม่เท่าไหร่ พี่เล่นร้องคาราโอเกะซะลั่นท้องน้ำ บรรยากาศดีๆเป็นอันหมดกันทุกครั้งที่เรือเราแล่นไปเจอ ที่หนักสุดคือไอ่เรือลำใหญ่ยักษ์ (ในรูปมีประจานอีก) เปิดไฟราวกับจะดิสโก้ทั้งคืน ไม่เข้าพวกที่สุด...
วันที่ดีที่สุด คือ วันที่ไปวัดมหาธาตุ เห็นตั้งแต่ตอนนั่งมอเตอไซซิ่ง ก็เล็งว่า.. พรุ่งนี้เจอกัน.. เรียกตุ๊กๆไปแต่เช้า อยู่จนถึงเที่ยงวัน! เกิดมาไม่เคยซึ้งใจอะไรเท่านี้.. เราเป็นชาติมีดีจริงจริง ไม่ต้องอลังการเหมือนเมืองฝรั่ง ไม่ต้องกระหน่ำหินอ่อนแบบทัชมาฮาล ไม่ต้องวิจิตรเหมือนวังจีน.. พื้นๆดิบๆแบบที่เหลือนี่แหละ ไทยดี.. ขนลุก ปิติ อึ้งๆไป.. เลือดไทยวิ่งพล่าน.. ล้ำค่าในใจ เรามีดีจริงจริง.. ใครจะว่ายังไงไม่สนเลย เราต้องรู้อยู่แก่ใจ และถามตอบในใจ ใครสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เป็นสมบัติของชาติ.. ยังมีหน้าไม่เอาสถาบัน.. มันท่าจะบ้า.. เสียชาติเกิด จบข่าว
คราวนี้ได้ขี่จักรยาน.. แต่ไม่กางจ้อง ก่อนไปวัดท่าการ้อง ไปแพกรุงเก่ากินกุ้งแม่น้ำสองตัวแปดร้อยบาท สบายใจ อร่อยเหลือเกิน ตกเย็นๆ (เพราะเที่ยงๆบ่ายๆร้อนเหงื่อหยดติ๋ง.. เดี่๋ยวถ่ายรูปไม่แจ๋ว) ไปจนถึงวัดท่าการ้อง .. วัดนี้ ทันสมัย(เกินไปหรือเปล่า) จึงชื่นชมได้แค่โบสถ์เก่า หลวงพ่อยิ้ม และท่าน้ำเก่า นอกนั้นใหม่จนทำใจไม่ถูก... อันนี้คงบาปไปแล้วตั้งแต่เห็นและได้นินทาในใจ.. อย่างไรก็ตาม ไปซึมมานิดหน่อยก็จริง แต่อิ่มใจมาก คราวหน้าตั้งใจว่ามากับเพื่อนต้องไปอีกหลายๆที่ เวลาความสุขผ่านไปเร็วอย่างที่คนบอก.. ขากลับได้ขึ้นรถไฟฟรี.. ตอนแรกจะคุณนาย ซื้อตั๋วรถไฟนั่งมีแอร์ไปแล้ว สองร้อยสี่สิบห้าบาท.. ไปๆมาๆก็คิดว่า ลองรถฟรีท่าจะดีเหมือนกัน.. เลยคืนตั๋วเก็บเงินใส่กระเป๋า แล้วไปเข้าแถวรับตั๋วฟรี.. มันจริงจริงด้วย เพราะนอกจากแย่งกันขึ้นแล้วยังแย่งที่นั่ง และถึงแม้ได้ที่นั่ง ก็ต้องนั่งร้อนมากถึงมากที่สุดไปอีกชั่งโมงกว่า พอถึงดอนเมือง เปลี่ยนใจ เปลี่ยนตั๋ว ไม่เข้ากรุงเทพ ขึ้นนกแอร์กลับเจียงใหม่บ้านเฮา... แต่ว่าใจยังอยู่อยุธยา
การเรียนรู้
คุณค่า.. อยู่ที่ใจผูกพัน
ความสวยงาม..อยู่ที่ใครมอง
มหัศจรรย์.. อยู่ที่ใจคิด
ร่มเย็น..อยู่ที่ใจเป็นสุข
สติ..ไม่มีให้เห็น..อยู่ที่ใจระลึก
ผนังวิหารหลวง... ที่ยังเหลือ ยังทึ่ง..
อยู่ที่ใจหวนให้
เสียดาย... อยู่ที่ใจมาช้า
วัตถุแม้ถูกทำลาย... แต่ใจอยู่
ธุลีแผ่นดิน... อยู่ที่ใจเป็นไทย
speechless.. อยู่ที่ใจตื้นตัน
กาลเวลาไม่ปราณี..อยู่ที่ใจยังติด
มุมของสายตา..อยู่ที่มุมของใจ
อิ่มตา....อยู่ที่อิ่มใจ
สำนึกความยิ่งใหญ่...อยู่ที่ใจโน้ม
ชนรุ่นหลังต้องสำนึก..อยู่ที่ใจกตัญญู
จักรยานคันเดียว..เที่ยวทั้งวัน
อยู่ที่ใจถึง
ทางแยก..ใจไม่แยก
แขวนได้ดี..อยู่ที่แขวนได้ใจ
อยุธยายามเช้าสดใส.. อยู่ที่ใจตื่น
กิน..อยู่ที่ใจอยาก
ท่าน้ำน่ารัก.. อยู่ที่ใจสังเกตุ
คอยจนถึงยามเย็น.. อยู่ที่ยามเย็นใจ
ลวดลายเสาวิจิตร..อยู่ที่ใจจดจ่อ
ประตูไม้ที่เหลือ.. อยู่ที่ใจยังอาวรณ์
กระจก... อยู่ที่ใจเป็นคำถาม
เงาน้ำ.. อยู่ที่ลวดลายในใจ
ต้านไม่อยู่... อยู่ที่ใจไม่ต้าน
เรือขนสินค้า.. ยังวิ่งทั้งวัน
อยู่ที่ใจยังอยาก
มองจากที่พัก.. ยังสวยทุกวัน
อยู่ที่ใจยังติด
ชอบวิหารวัดพุทโธศวรรย์.. อยู่ที่ใจประหวัด
เรือคาราโอเกะทำลายบรรยากาศ...
อยู่ที่ใจไม่หมดรำคาญ
เงายังสวย... อยู่ที่ใจยังมีเงา
วัดไชยวัฒนารามยามค่ำคืน... สวยที่สุด
อยู่ที่ที่สุดในใจ
ตะวันลาลับ..วัดไชยวัฒนาราม..อยู่ที่ใจเสียดาย
อโยธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์.. ยังติดใจ
เรือนหลังไม่ใหญ่... แต่ใจใหญ่
มุมเพลิน..อยู่ที่ใจสำราญ
เรือโคลง..อยู่ที่ใจแกว่ง
ความสุขง่ายๆในชีวิตคน ถ้ายังมีใจ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น