บันทึกเดินทาง...
ความตั้งใจ คือ ต่อไปนี้ใครจ้างไปไหน ทำงานเสร็จต้องแวะเที่ยวสักสองสามวัน ไหนๆก็กึ่งเกษียณแล้ว ไม่มีภาระมากเหมือนตอนทำงานเต็มเวลา ต้องพาตัวเองไปชื่นชมเมืองสวยๆของประเทศเรา กระจายรายได้ที่น้อยนิดสู่ท้องถิ่นบ้าง เดินเล่น กินลมชมวิว สำรวจชีวิตคนอื่น อยู่กับตัวเองบ้าง ชำระความคิด เปลี่ยนมุมอับ น่าจะดี....
อานิสงฆ์จากการจ้างงานของสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง ไปเป็นวิทยากรเรื่องแนวคิด กรอบ องค์ความรู้ในการวางแผนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่อุดร ส่งผลให้ได้ตั๋วฟรี..นกแอร์..เชียงใหม่ถึงอุดร ทริปนี้เที่ยวก่อนทำ .. ทริปอื่นคงต้องทำก่อนเที่ยว.. จะได้ไม่กังวลใจ
ออกจากเชียงใหม่สิบโมงครึ่งถึงสนามบินนานาชาติอุดร (มีไปลาวประเทศเดียวก็นานาชาติแล้วนะ) ประมาณสิบเอ็ดโมงสิบห้า ออกไปหารถตุ๊กๆ รถเมล์ ไม่มีซักคัน ต้องกลับมาง้อรถตู้ในสนามบิน หลังจากที่เมิน เดินหนีไปตอนแรก จำใจเสียไปแปดสิบ ค่ารถไปสถานีขนส่ง ซึ่งค้นจากอินเทอร์เนตมาแล้วว่ามีแต่รถประจำชาติ คือ บขส. 99 ไปเมืองเลย ออกทุกครึ่งชั่วโมง ซื้อตั๋วได้ที่โต๊ะเก่าๆโทรมๆจากป้าหน้าบอกบุญไม่รับ.. คงเป็นเพราะอากาศร้อนนรก ราคา 92 บาท รถสีส้มนี้ก็โทรมเช่นกัน มีคนไปนั่งจองเกือบเต็มแล้ว อันนี้ใช้ระบบมาก่อนเลือกที่นั่งก่อน.. ใครจะไปเตรียมหนังสือที่ชอบไปด้วย เพราะร้านแถวสถานีจะมีแต่ดาราเดลี่ ภาพยนตร์ คู่สร้างคู่สม อุ๊บส์ ก็อสซิป ประมาณนั้น สะท้อนถึงความสนใจของชาวไทยได้อีกทาง แต่ถ้าชอบก็แล้วไป... คงต้องนั่งร้อนๆไปอีกสามชั่วโมงกว่า อย่าคิดว่าไม่มีแอร์นะ แอร์น่ะมี เปิดอย่างแรงด้วย กระหนำ่พัดลมอีก แต่มันไม่เย็น... มีคนเดินทาง ขึ้นลงรถตลอดเวลา ไม่รู้ไปไหนกัน นั่งไปปลงไป.. ทำไมชีวิตเราดีจัง..ได้เที่ยว ดูพี่น้องชาวไทยอีสานหน้าตาเครียด ไม่มีสุข เนื้อตัวมอมแมม ของกินทั้งหลายที่ขึ้นมาขายในรถก็หน้าตาประมาณว่าจะท้องเสียได้ทันทีถ้าลองกินเข้าไป.. อือ.. พวกเรานี่สุขภาพดีนะ กินอะไรก็ได้ อย่างนี้สาธารณสุขไม่ต้องกังวล..คนไทยแข็งแรง
ถึงเมืองเลย.. แต่ไม่เลย บ่ายสามโมงกว่า มองหารถไปเชียงคาน.. เจอรถจอดรออยู่ เวลาสะดวกมาก ออกทุกสิบห้านาที แต่เป็นรถหกล้อ หลังคาสูง มีที่นั่งสองแถว ไม่มีพาหนะอื่นให้เลือก มีแต่ต้องไปเท่านั้น ถ้าอยากเห็นเชียงคาน...ค่ารถ 35 บาทจ่ายขาลง.. นั่งตาก-ลมไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่า ทั้งๆที่ห่างจากเลยแค่สี่สิบกิโล พบว่าเป็นเพราะความหวานเย็น.. จอดมันทุกหมู่บ้าน ตำบล อือ..ปลง..ไม่เป็นไร..ไปเที่ยวอารมณ์ดี แต่ที่ผุดขึ้นมาทันที คือ เออ..หน้าตาคนมีความสุข ไม่เหมือนพวกนั่งรถ 99 มอมเหมือนกัน เสื้อผ้าโทรมกว่า ผิวพรรณหยาบกร้าน รู้สึกได้ว่าหนังที่มือ โดยเฉพาะเท้าต้องแข็งๆหนาๆ มด แมงทำอะไรไม่ได้ก็แล้วกัน เด็กนักเรียนก็มอม แต่เห็นความใสถึงแม้ว่าจะนั่งรถไกลเพื่อกลับบ้านและต้องเดินเข้าไปอีกท่าจะไกลเหมือนกัน กว่าจะถึงบ้าน ดูๆแล้วลูกหลานเรามันจะสบายเกินไปหรือเปล่า.. คิดไปคิดมา คนเรามีแค่พออยู่ พอกินนี่ถือว่าเหลือกินนะ.. นี่ชีวิตนี้ที่ผ่านมา..แค่เรื่องเสื้อผ้าอย่างเดียว ก็กลุ้มทันที ซื้อเสื้อผ้าแค่พอใส่ สงสัยจะรวยแล้ว มันจะต้องมีอะไรกันนักหนา มีใหม่หลายตัวก็ไม่ได้ดูดีหรือสวยขึ้นขนาดนั้นนะ (ถึงจะสวยขึ้น ก็จะสวยทำไม) ยังเป็นตัวเราที่ประกอบไปด้วยเนื้อหนังมังสา เลือด กระดูก จิตวิญญาณเดิมๆ ไม่พัฒนาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะหาอะไรมาใส่.. ไร้สาระจริงๆ (โง่มาได้ตั้งครึ่งชีวิตและมีทีท่าว่าจะโง่ต่อไป) นี่ถ้ากินแค่พออยู่อีกอย่าง.. ถึงขั้นเศรษฐี (อ้าว ยังอยากรวยอีก) สรุปก่อนถึงเชียงคานได้ว่า.. คนไม่มี คนไม่รู้ เป็นสุขกว่า สัญญาไม่ต้องเยอะ..
ถึงท่ารถเชียงคานแล้วงง ไม่เหมือนที่คาดหวัง แห้งๆ ตึกน่าเกลียดๆ ไม่ค่อยเชียงคานเลย.. เรียกตุ๊กตุ๊กไปที่พัก 25 บาท (อ่านไป กรุณาเปรียบเทียบราคาค่าโดยสารไปด้วย..จะเห็นแจ้ง คิดเอาเอง) โอ้.. ตอนนี้เหมือนแล้ว.. แปลว่าฝั่งริมน้ำโขงเท่านั้นที่เป็นเชียงคานตามความคาดหวังของคน ที่อื่น นอกจากนั้นดูไม่จืด(เหมือนทุกที่ในประเทศไทย) เออ..เมืองน่ารักจริงๆด้วย บรรยากาศปายๆยังไงก็ไม่รู้ วันที่ไปถึงเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดยาว คนเต็ม บรรยากาศคึกคัก ที่พักแทบไม่เหลือ แต่เมื่อตั้งใจและวางแผนมา.. จึงจองและจ่ายล่วงหน้า พักสุเนต์ตาได้ดังหวัง เพราะหาข้อมูลแล้ว ถูกจริตที่สุด แต่ราคาก็ถือว่าแพงนะ คืนละพันสองพันห้าอะไรเนี่ยแหละ เมื่อเปรียบเทียบกับที่เขาอยู่กันห้าร้อยบาทได้บ้านทั้งหลัง หรือ ห้องละสองร้อยบาทในบริเวณเดียวกัน ต้องขอความเห็นใจนิดหน่อย.. คนมันแก่แล้ว ขอนอนสบาย ห้องน้ำในตัวจะเป็นพระคุณ และยังติดสัญญาของดีไซน์ ความทันสมัยอยู่... จ่ายได้ไม่เดือดร้อน ไม่ได้โกงใครมาก็เอาน่ะ..
เป็นเมืองที่ต้องเดิน.. หรือขี่จักรยานก็ได้ หน้าเทศกาลรถเยอะ ถ้าขี่ไม่แข็งแรงก็เดินนี่แหละสะดวกที่สุด.. ไม่มีอะไรไกลเกิน.. เดินไปเดินมา เพลินได้.. ยกเว้นแต่จะไปสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องไป เช่นแก่งคุดคู้ หรือ ขึ้นภูทอก ถ้ามีเวลาสองสามวัน ขอแนะนำให้ซึมในเมือง นอนเล่นอ่านหนังสือ ดูวัด หาของกินอร่อยๆ ไม่ควรรีบไปนู่นนี่ เหนื่อย... นี่เที่ยวแบบลึก (เท่าที่เวลาอำนวย) ไม่ได้เที่ยวแบบกว้าง ว่าไปมาแล้วทุกที่ที่คนไปกัน... ประสาทกิน.. เอาเป็นว่า อยากไปแบบไหนก็ไป ตัวใครตัวมัน
ที่ว่าเหมือนปายเพราะมัน..หนึ่ง..คอมแพค สอง..เกือบจะดี และสาม..รู้สึกรำคาญคนเหมือนกัน อารมณ์เดียวกันจริงๆ คอมแพคดูได้จากรูป เกือบจะดีนั้นเกี่ยวพันกับคน ไม่รู้คนที่มาเที่ยวเมืองแบบนี้เป็นอะไร.. พูดเป็นภาษาสมัยก็คงเป็นได้ว่า (ทำตัว) ติ๊ดแดก จบข่าว... เพราะเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา... เอาที่ชอบ ที่ชอบดีกว่า.. ถ้าจะจัดลำดับความชอบเมืองเชียงคาน..ทั้งจับต้องได้และจับต้องไม่ได้นะ
- ชอบที่สุด คือ ความตั้งใจของคนที่นี่ในการตกแต่งเมือง (ถึงแม้จะมากไปนิด..ก็พอรับได้ แต่อย่ามากกว่านี้ จะงง) ถ้าทุกเมืองในบ้านเรามีคนที่ถือว่าความสวยงามของเมืองเป็น personal agenda ประเทศนี้จะน่าอยู่มากขึ้นอีกพะเรอเกวียน คนเชียงคานรู้จักจุดแข็งของตัวเอง รู้ศักยภาพของเมือง รู้ที่ยืน รู้ว่าจะยั่งยืนได้อย่างไร (อันนี้อาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหน่อย และเขียนได้อีกยาว)
- ชอบที่สุดอีกอย่าง คือ แววตา ท่าทางของคนขายเสื้อเชียงคานอยู่แถวสุเนต์ตา เวลาพูดถึงพระองค์ภาตอนที่ท่านเสด็จมาอุดหนุนเสื้อที่ร้าน สุดจะบรรยาย....ความจงรักภักดี ปลื้มใจ ภูมิใจฉายชัด และยังแอบเก็บแก้วพลาสติกของพระองค์ภาไว้ในพานอย่างดี..
- ชอบรองลงมาเป็นภาพฝาผนังวัดมหาธาตุ เก่าแก่ สวย สวยจนงง...
- ชอบกิจกรรมใส่บาตรข้าวเหนียวตอนเช้าของคนเชียงคาน (โดยเฉพาะเวลาที่ไม่มีนักท่องเที่ยว) คนแก่ๆยืนรอหน้าบ้านกันเป็นเรื่องเป็นราว ตอนแรกนึกว่าจัดฉากให้นักท่องเที่ยวมีกิจกรรมทำตอนเช้าซะอีก (บาปนะเนี่ย คิดไปได้) ชอบที่เป็นกิจวัตร.. ชอบเนื้อหา ชอบวิธีการ น่ารักจริงๆ..
- ชอบอาหาร.. ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เด็ด..
- ชอบผ้าห่มที่ทำจากผ้าฝ้าย ยัดใส้ด้วยฝ้าย ลืมผ้าอื่นๆไปเลย..และยังใช้อยู่ทุกคืน ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน (อย่าเชื่อ จนกว่าจะได้ลองใช้เอง)
- น้ำโขง.. ไม่ชอบไม่ได้
การเรียนรู้
ชีวิตมีช่องทางเสมอ... จะเลือก หรือ ไม่เลือก
เลือกรักเลย.. ไปเชียงคาน นานแต่คุ้ม
อารมณ์เสีย.. ต้องรีบอารมณ์ดี
แล้วจะเห็นอะไรดีๆ
เมืองเล็กริมโขง.. สวย ปล่อยให้ สวย อย่ายุ่ง
เชียงคาน..เมืองน่ารัก คนรู้ตัวว่าน่ารัก
ร้านเรือนไม้.. มีให้เห็น ให้ชื่นชม
แต่งได้ แต่งดี แต่อย่ามาก จะเสียเชียงคาน
เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับช้าง..
จักรยาน..มีกันทั่วหน้า
โปรดรักษาจักรยาน
ของดีที่สุด..อยู่ที่..วัดมหาธาตุ ๒๑๙๗
ของล้ำค่า.. ควรรักษาดูแล
ดีกว่าจะ...เสียดาย
สองตัว.. นำพระมาทุกเช้า มารับข้าวเหนียว
กิจวัตรไม่ปลอม.. อยู่นาน
ผ้าห่มฝ้ายร้อยทั้งร้อย... ดีที่สุด สบายไทยๆ
วันธรรมดาหรือวันหยุด
แต่ไปวันไหน เรื่องของเขา ไม่ใช่ของเรา
ที่พักที่เก๋ไก๋ที่สุด... จอง ต้องจองล่วงหน้า.. ไม่งั้นอด
นอนดูแม่น้ำโขงจากห้องสุเนต์ตา
ความสุขง่ายๆ เฉิ่มสบายมากมาก
อาหารเช้า.. ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว แจ่มสุด
ปลาสดมากถึงมากที่สุดจากน้ำโขง
แต่..อย่ากินมากเดี๋ยวปลาหมด
น้ำโขงยามเย็น สวย สง่า สงบ...ชาตินี้ต้องมาอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น