ถ้าคิดว่าเห่าเก่งกว่าหมาก็เห่าต่อไป
คนเรามีกลไกโต้ตอบอัตโนมัติอยู่ในร่างนี้
ร้อน..เปิดพัดลม หนาว...หาเสื้อมาใส่
หิว...กิน เหนื่อย...พัก หนัก...วาง
แบบนี้ไม่เป็นไร มันช่วยให้เราสบายตัว อยู่ต่อไปได้
แต่มันดันมีกลไกโต้ตอบความโกรธ ความเจ็บใจอยู่ในเราด้วยนี่ซิ
ด่ามา...มีด่ากลับ
เจอคำพูดบาดใจ...พ่นกลับไปสามเท่า
แบบนี้ มันสาสมใจจริงหรือ ทำแล้วสบายใจมากไหม
อาจมีคนตอบว่า ใช่ มันสะใจ แค้นต้องชำระ
แล้วพอเหตุการณ์ผ่านไป...มีอะไรดีขึ้นบ้างไหม
ไม่ต้องตอบก็ได้...ของแบบนี้ในใจลึกๆก็รู้ว่า..ไม่มีอะไรดีขึ้น
ตรงกันข้าม...เสียประโยชน์ เสียเวลา เสียความรู้สึก
...ความสัมพันธ์เลวลง ต่อไม่ติด...
กลไกโต้ตอบนี้มันพัฒนาได้นะ...ด้วยตัวเอง
ต้องยอมรับก่อนว่า ห้ามหมาเห่าไม่ได้ และหมาเห่า อย่า เห่าตอบ
ไม่มีทางที่คนจะเห่าเก่งกว่าหมาไปได้
- ก่อนเห่า เอ้ย ก่อนพูด ให้อึ้งๆไปสองสามวินาที อันนี้พูดง่าย ทำยาก ปากมันเร็วกว่าใจเสมอ ตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน ฝึกสูดหายใจลึกๆเข้าไว้ ถ้ามีบุญ คำพูดที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า “คิดก่อนพูด”
- มุ่งไปที่ปัญหาให้มากกว่าใครเป็นคนพูด หรือคำพูดอะไร การพูดกันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยคนเดียวแน่ๆ มันต้องมีเหตุ มีปัญหามาพูดกันทั้งสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย โฟกัสที่ประเด็นปัญหา จะจบสนทนาได้สวยกว่ามาก แต่ถ้าฝังใจไปกับคำพูดที่เราไม่พอใจ มันจะลืมปัญหา มันจะลากไปเรื่องทัศนคติที่ไม่ชอบใจ เรื่องมันจะยาวไร้สาระไปเลย ความคิดเห็นของคนไม่สำคัญเท่าความจริงของปัญหา
- นึกเสมอว่า เราเป็นคนดี เป็นบัณฑิต ต้องมีจิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศล คนดีมีกาละเทศะ ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น คนดีจะไม่ทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดขาดสติ แผ่เมตตาไป ใจเป็นบุญนะ พอใจเป็นบุญเราก็ไม่พูดด้วยอกุศลจิต
- ถ้าไม่ได้จริงๆก็ท่องไว้ “ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิด” ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าโง่นะ
มีคนว่าไว้...
อยากไปข้างหน้า อย่าเสียเวลา "หยุดเตะปากหมา" ระหว่างทาง !!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น