คิดวันละอย่าง # 174

บางทีเราก็กลัวเกินไปไหม...

กลัวตาย..ยังไงก็ตาย หายใจไม่ออกก็ตายแล้ว ตายได้ทุกวินาที
…เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความตายชะทุกสิ่ง มาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า
กลัวโดน..ช่วยดูหนังหน้านิดนึง เหี่ยวแบบนี้ผียังกลัว 
…เจียม สะกดเป็นไหม สมองไม่พัฒนา หนังหน้าไม่ช่วยอะไร
กลัวป่วย..มีใครบ้างไม่เคยป่วย แม่งป่วยกันทุกคนแหละ
…รู้ไหมมียาดี ที่เรียกกันว่า “ยาใจ” อย่าหวันไหว ทำใจนิ่งๆ
กลัวไม่มีใครรัก..ตัวเองมีไว้ให้รัก รักตัวเองเป็นก็ได้อยู่นะ
…คนมีค่า ไม่ได้แปลว่าต้องมีใคร... คนมีใจ ไปได้ทุกที่
กลัวไม่สวย..เอาสะอาด สดใส ไม่เหม็นสาบก็ดีมากแล้วมั๊ย
…หน้าตาไม่เกี่ยว อาศัยทางเปลี่ยวและพละกำลัง !!
กลัวอ้วน..อันนี้ก็กลัวอยู่ แต่กลัวอีกหน่อยจะกินไม่ได้ กินไม่เข้ามากกว่า
...ของกินเหมือนไอติม ไม่รีบชิมมันจะละลาย 55
ลงท้ายด้วยกำเมือง...กั๋วเหลือ...อันนี้ตัวใครตัวมัน เกี่ยวกับนิสัย
…น้ำใจไม่มี ไมตรีก็ไม่สน แอบแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ

ทุกวันนี้แค่เป็นคนดีดี ทำชีวิตคุณภาพ ใจดีควบคุณธรรมจริยธรรมเข้าไป อยู่กับใครก็ไม่เบียดเบียน อยู่แบบสันติๆ มีความสุข แข็งแรงตามอัตภาพ ไม่เกร็ง ไม่เก๊ก ปกติๆไปก็ดูดีแล้ว เพิ่มความทันสมัย ไม่เชย ควบคุมตัวเองได้ดี มีความเป็นไทยพอเพียงกันบ้าง พัฒนาตัวเองเป็น แบบนี้ก็เป็น “คนทั้งครบ” แล้ว อาจไม่ต้องเก่งฉลาดล้ำในทางโลกมาก เอาตัวรอด ปลอดความเป็นทาส เจอบันไดขึ้นได้ก็ลงเป็น...อันนี้เหลือๆนะ

คิดวันละอย่าง # 173

Opportunity seldom knocks twice 

โอกาส เป็นคำธรรมดาที่มีคนร้องขอกันมาก
โอกาส เป็นเรื่องของการให้และการได้
จะสร้าง หรือ จะขว้างมันไป !!

คนเรามีโอกาสดีดีเท่าเทียมกันไม่กี่อย่าง...
 โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง : ใครๆก็ทำได้ ถ้าคิดจะทำ และมันมีเหตุผลดีพอที่จะทำ เพราะคนเรานั้นเกิดมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ยิ่งมีชีวิตในสังคมปัจจุบันที่มันเปลี่ยนแบบนาโนวินาทีนี่ ไม่เปลี่ยนคงลำบากแน่ แต่แน่กว่านั้น...เรามีโอกาสจะเปลี่ยน ก่อนที่จะมีใครหรืออะไรมาทำให้ต้องเปลี่ยน แบบนั้นจะตั้งรับไม่ทัน

 โอกาสในการเปิดใจ : ทุกครั้งที่แย่ ที่ผิด ที่พลาด อันนั้นก็ถือเป็นโอกาสที่ทุกคนมีเพื่อเปิดใจตัวเอง ที่จะรับฟังคนอื่น รับความแตกต่างของคนอื่น มันจะทำให้เข้าใจอะไรได้ดีขึ้นในชีวิต ไม่มีใครไม่เคยพลาด และนี่เป็นโอกาสที่เท่าเทียมกัน 

  โอกาสในการดูแลคนที่รักกันชอบกัน : ไม่มีใครในโลกที่ไม่ผูกพันกับคนอื่น คนเป็นสัตว์สังคม มีการเรียนรู้ที่จะชอบใจ ที่จะรักกัน คนสมบรูณ์เต็มๆเพราะรักเป็นนะ และสิ่งที่เป็นโอกาส คือ การ "ให้" แก่คนที่เราชอบพอรักกัน การดูแลกัน ขอต่อว่า...โดยไม่ต้องคาดหวังด้วย ไม่งั้นให้ไม่จริง ดูแลไม่จริง อย่าคิดว่าจะไม่ตาย ไม่ดูแลกันตอนนี้จะไปดูแลตอนไหน 

แต่โอกาสจะไม่มีจริง ถ้าเราเอาแต่รอ มันจะไม่มาหา ชีวิตไม่ได้ขึ้นกับดวง ที่พูดกันบ่อยๆว่าสักวันต้องเป็นวันของเรา มันไม่มีจริงหรอกนะ มันอยู่ที่เรา..หากมีปัญญาสร้างได้ทันที แค่เปลี่ยนแปลง เปิดใจ นี่ก็คือโอกาสความก้าวหน้าแล้ว และยิ่ง “ให้เป็น” อันนี้ perfect โอกาสดีๆแบบนี้มีตรงหน้า รีบคว้าไว้ เพราะว่าอาจจะไม่ได้เจอมันอีกก็ได้

คิดวันละอย่าง # 172

1. เลิกอวย : เอาใจทุกคน ผลคือความฉิบหาย ไม่ได้ยุให้ช่างแม่ง แต่ช่างมันมั่งก็ได้นะคนเรา  people-pleasing จน “อะไรก็ได้” นี่มันถึงขั้นเป็นโรคจิตง่ายๆนะ เพราะว่าคนที่อยากอยู่ในวงทุกวง อยากให้เป็นที่ชื่นชม อยากเป็นที่รักนั้น คือคนที่ไม่เข้าใจว่ามันผิดธรรมชาติ ช่วยมีปัญญาหน่อย แม้องค์พระปฎิมายังราคิน มนุษย์เดินดินไม่ต้องพูดถึง  อวยตลอดเพราะอยากเป็นที่ยอมรับนี่มันเครียด ลึกๆคืออยากควบคุมคนอื่นให้เป็นไปในทิศทางที่ตัวเองอยากให้เป็น เพราะรู้สึกไร้ค่า ไร้ความสำคัญ ต้องแสวงตลอด อยากมีความสำคัญตลอด พยายามทำเหมือนนึกถึงคนอื่น คือจริงๆแล้วอยากให้คนอื่นนึกถึงอย่างที่ตัวเองทำ บางทีแบบนี้มันทำร้ายตัวเองนะ ไอ่ที่ยอมๆไปนั้น แน่ๆคือขัดใจตัวเอง ขัดไปบ่อยๆใจมันเหลือน้อย หรือ ไม่เหลือเลยก็เป็นบ้ากันพอดี  มันแบกรับความรู้สึกคนอื่นมากกว่าแบกรับความรู้สึกตัวเองอ่ะนะ เหนื่อยแน่นอน กังวลแน่นอน ลามไปเศร้าทุกข์ไร้สุขโรคจิตแน่นอน  แก่แล้ว เวลาน้อย อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่อยากก็ไม่ต้องทำ (แต่อันนี้คนละเรื่องกับเวลาอยากได้อะไร เจอหน้าค่อยอวย พอถึงเวลาต้องเสียสละบ้างทิ้งได้เฉยๆนี่มันนิสัยไม่ดีนะ ช่วยแยกแยะให้ถูก)  ในชีวิตนี้ข้าพเจ้าก็อวยอยู่แค่พวกเพื่อนพี่น้องที่รักกันเท่านั้น เลือกคนอวย แต่ก็อวยอยู่ดี ซึ่งมันอันตรายต่อทั้งเขาทั้งเรา คือเขาก็เสียนิสัยไป เราก็หงุดหงิดสุขไม่เต็มที่ไป นานกว่านี้คงไม่ดี เดี๋ยวบ้ากันทั้งหมู่บ้าน เลิกอวยคนชอบพอกันมันคงยาก เอาสายกลางๆที่อวยไปไม่เดือดร้อนนะ  ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองอวยหรือเปล่า ลองเข้าไปทำแบบทดสอบดู http://www.bbc.co.uk/guides/zcvrwxs  ข้าพเจ้าทำแล้ว...ปรากฎว่า..อวย 
2. เลิกกลัวความเปลี่ยนแปลง : คนนี่มันเปลี่ยนกันได้ทุกวันนะ สิ่งแวดล้อมก็เช่นกัน ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกเช้ายังไม่เหมือนเดิมเลย จะหวังอะไรลมๆแล้งๆทำร้ายใจตัวเองไปทำไม เมื่อวานไปหาพระมา มีน้องคนนึงท่านทักว่าให้เลิกกินเนื้อวัว แม่คุณก็ใจเด็ด เลิกมันเดี๋ยวนั้นตอนไปกินหมูกะทะมื้อเย็น มีเนื้อวัวหมักเด็ดมาก ทั้งที่ตอนมื้อกลางวันยังโซ้ยกะเพราเนื้ออย่าฟินอยู่เลย  เธอว่า เชี่ย ไม่กินก็ไม่เป็นไรนะ มันไม่ตาย แบบนี้เรียกว่ารับการเปลี่ยนแปลงได้ระดับ 5 เลย ต่อไปนี้อะไรคงจะสั่นไหวเธอยากแล้ว พร้อมเปลี่ยนแบบเจ็ด-สิบเอ็ด สามารถเปลี่ยนได้ 24 ชั่วโมง  ความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ปัญหา มันอยู่ที่วิธีรับมือกับปัญหาที่มาจากการเปลี่ยนแปลง ถ้ามีปัญญา คิดหาทางเลือกได้ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แม้แต่ความป่วย ความตายนะ 
3. เลิกอยู่กับอดีต : ถ้าติดอดีตนี่...ยิ่งกว่าไม่มีสติ อาจเรียกได้ว่าบ้า คนสติดีไม่มีใครไม่รู้ว่าอดีตมันไม่หวนคืน อะไรที่ผ่านไปแล้ว คือ ผ่านไปแล้ว ภาษาง่ายๆไม่เข้าใจได้ไง  จะมาลมพัดหวนนี่ก็ไม่ได้นะ ลมที่พัดมันยังไม่ใช่ลมเดียวกับที่เคยพัด ยิ่งแก่ต้องยิ่งต้องเข้าใจ อะไรมันไม่มีวันเหมือนเดิม มันแค่คำว่า “เคย...” จะเคยได้ เคยดี เคยทำ มันก็แค่ “เคย...” เข้าใจยากตรงไหน  ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ตอนนี้แหละ หายใจตรงนี้ รู้ตรงนี้ กำลังทำอะไรอยู่ พอแล้วอ่ะนะ อดีตจะสวยงาม จะดำมืด..มันผ่านไปแล้วพี่น้อง
4. เลิกรันทดตัวเอง : สาบานได้ว่าเกิดมายังไม่เคยคิดจะทำให้ตัวตกต่ำเลยนะ เชื่อว่าคนทุกคนล้วนต้องการสิ่งดีดีให้ตัวเอง ต้องการให้ตัวเองดี ไอ่รันทด หดหู่ โทษแต่ตัวเอง เห็นตัวเองไม่มีค่านี่ขอเสียที น้ำเน่ามาก อย่าทำ เกิดมาเป็นคนนี่ว่ายากแล้ว พวกเรานี่ยิ่งโชคดีกว่าคนอื่นอีกหลายคนนะ อย่างน้อยก็ครบสามสิบสอง บางคนยังมีแถมสวย หล่อ รวย เก่ง นิสัยดีเข้ามาอีก อันนี้ยิ่งกว่าถูกหวย เฮ้ย รันทดไม่ได้ นอกจากพวกจะทำรันทด อ่อนแอเพื่อ manipulate คนอื่น อันนั้นนิสัยเสีย อันนั้นมันยาก อันนี้มันน่ากลัว อะไรก็ไม่ได้ ทำให้หน่อย บอบบางไปมั๊ยเธอ 
5. เลิกคิดมาก : อันนี้เป็นบ่อย คิดมันทุกวัน อย่างน้อยก็..คิดวันละอย่าง (ฮา)  มันยากจริงนะ จะหยุดคิดถึง... คนละเรื่องๆ กลับมาๆ  คิดมากนี่ใครๆก็รู้ว่ามันไม่ดี มันเครียดลงผิว ลงตับ ลงไต ลงไปทั่วร่างกายได้เลย NCDs ไม่เคยปรานีใคร มันแพร่เข้าตัวเองมากที่สุด มาจากอีคิดมากนี่แหละ และที่ว่าไม่แพร่ติดต่อกันนั้น ไม่จริง ลองเครียดดูดิ คนรอบข้างนี่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี มีได้เครียดตกตามกันไปได้นะ เลิกได้จะดี เลิกไม่ได้ก็เพลาๆก็ยังดี 
   

Transformation ที่แท้ทรู 3 ประการ

แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม...เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า  

ทำธุรกิจนี่มันเลือกลำบาก โดยเฉพาะเลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงนี่ ไม่ได้เลยนะในโลกที่ผันผวนอย่างทุกวันนี้ และถ้าจะต้องเปลี่ยนมันต้องเข้าใจ
ความหมายของ Transformation ที่แท้ทรู 3 ประการนี่ก่อนเลย 

1. Operational Transformation
ทำดีขึ้น เร็วขึ้น หรือถูกลง โดยใช้เทคนิคใหม่ เทคโนโลยีใหม่แก้ปัญหาเดิมๆ ในโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เล่นเกมเดิมๆนั้นไม่พอแล้ว

2. Operational Model Transformation
ทำในสิ่งที่เคยทำแต่ในแนวทางที่แตกต่าง คือ เปลี่ยนวิธีการ เช่น Netflix เปลี่ยนจากการส่ง DVDs ผ่านอีเมล์ มาเป็น streaming เนื้อหา video ผ่านเวป

3. Strategic Transformation
เปลี่ยนสิ่งที่ต้องเปลี่ยน สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่จำเป็นต่ออนาคตของบริษัท เช่น บริษัท Apple จากคอมพิวเตอร์สู่ consumer gadgets บริษัท Google จาก advertising สู่ รถไร้คนขับ เป็นต้น 

Transformation เป็นหนทางเดียวที่จะรับมือกับ disruptive change ในโลกนี้ ไม่งั้นอาจตายตกไปตามกระแสที่ไหลเชี่ยวของการเปลี่ยนแปลง 

ผู้นำธุรกิจจึงต้องเข้มที่จะ reinvent ตัว core operating model แล้วมุ่งสร้าง core business สำหรับอนาคต ซึ่งต้องเชื่อมต่อกับการสร้างสมรรถนะที่สาสมกัน

สนใจไปอ่านเต็มๆที่ https://hbr.org/…/what-do-you-really-mean-by-business-trans…

คิดวันละอย่าง # 171

คำง่ายๆและนิสัยดีดี
“อดทน”

อด เป็นอาการที่อยากจะ ได้ แต่ไม่ได้

ทน เป็นอาการที่ไม่อยากได้ แต่ดันได้

ไม่ท้อถอย บึกบึนกับชีวิต !!
ในโลกนี้มันมีเรื่องต้องให้อดทนเสมอ

เราควรอดทนเรื่องอะไรบ้าง...ปักหมุดกันเลย...

📍ดินฟ้าอากาศ : นี่ต้องทน บางทีลำบากก็ต้องทน แดดมา ลมมี ฝนเท อากาศร้อนไปหนาวไป อันนี้ยังมีชีวิตอยู่ต้องทนไป

📍ทุกขเวทนา : แก่ เจ็บ (ตาย..ไม่ต้องทน มันเป็นภาวะไปเลย ไปแล้วไปลับ) อันนี้มาเองตามธรรมชาติของคน ต้องทนด้วย มันจำเป็นต้องรีบทำรีบทน ไม่งั้นมันจะท้อแท้

📍เจ็บใจ : เป็นกิเลสตระกูลโทสะ เมื่อไม่ได้อยู่ลำพัง มันต้องเจอโกรธ ขัดใจจากพฤติกรรมคนรอบข้าง ต้องข่มใจ วางเฉย ไม่งั้นมันจะเข้าทางปืน

📍ยั่วยวน : นี่อยู่ตระกูลโมหะบวกโลภะ หลงไหลได้ปลื้มกับอะไรที่ไม่จีรัง เช่น คำสรรเสริญเยินยอ ลาภ ยศ ชื่อเสียง สิ่งของ รูปกาย คือไม่รู้จริงก็หลงไป มันจะขาดปัญญา ขาดเหตุผล เสียนิสัย ต้องอดทนไป จะได้ไม่เห็นผิดเป็นชอบ

อดทนได้จะเข้าใจโลก และ เข้าใจความดีงาม...

สามารถทำความดี ไม่ท้อถอยกับความดีทุกชนิด..กลางคันได้ทุกกรณี

เวลาของคนจำกัด ศักดิ์ศรีมีให้พองาม (มีมากเกินไปฉี่เหลือง ไม่ดีนะ)

ฝึกขันติไป ใจกว้างขึ้น นิสัยจะดี

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

“ยกเว้นปัญญาแล้ว เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง”

เคล็ดลับ คือ นึกถึงหิริโอตตัปปะไว้ให้มาก

เมื่อมีความละอายต่อบาปเต็มที่...ความอดทนจะมา...นิสัยจะดี