ระบบชีวิตและการรับรู้ของคน
ชอบแนวคิดและการศึกษาของคุณ Humberto Maturana นักชีววิทยาเจ้าของคำว่า "autopoiesis" ระบบที่สร้างตัวเองได้ดูแลตัวเองได้ มันเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เป็น self-maintaining structure ใน living systems
เรื่องการที่คนเราคิด ทำ อะไรๆขึ้นมานั้น ไม่ว่าดีหรือไม่ดี มันน่าสนใจเสมอนะ มันคงเกี่ยวกับระบบชีวิต เกี่ยวกับสมองนี่แหละ ว่ากันว่าคนนั้นมีเซลล์ในสมองจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนล้านเซลล์ พวกนี้เชื่อมโยงกันหมด เชื่อมโยงไปตามประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ซึ่งคิดๆไปแล้ว แต่ละคนคงมี “ชุดข้อมูล” ในสมองตัวเองโคตรเยอะเลย และ โอโห สมองนี้เก็บไว้หมดจดเลยนะ เก็บมันทุกเม็ดเลย
“ชุดข้อมูล” ที่ว่านี้ Humberto Maturana เรียกว่า “Structurally Determined” ประมาณว่า...เมื่อคนได้รับสิ่งเร้าจากข้างนอก สมองเกิด “รับรู้” ขึ้นเลย และที่มันทำต่อ คือ “ตอบสนองอัตโนมัติ” คิดว่าคงเหมือนระบบของ googles พอเราพิมพ์อะไรเข้าไป มันทำการ “เสิร์ช” ทันที พุ่งไปหาพวกชุดข้อมูล โครงสร้างข้อมูลที่เก็บเอาไว้ในสมอง (คือมันคงเชื่อมๆกันไว้ก่อนแล้ว โดยบางทีเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย..แต่มันมีของมันอยู่ในนั้น ประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตเรา...อยู่ในนั้น)
อันนี้แหละที่เราทำอะไรเป็นอัตโนมัติ รวดเร็ว...จนตั้งตัวไม่ทัน (ในหลายๆเรื่องเลยนะ)
เช่น เราเคยเรียนรู้ว่าการทำร้ายกันนั้นไม่ดี ไม่ควรทำ สมองเรามันเลยมี “ชุดข้อมูล” ว่าด้วยการทำร้ายกันเป็น “Structurally Determined” เข้าไปไว้ในหัวเลย พอเรารู้เห็นการทำร้ายกันปุ๊บ เราจะไม่พอใจ เราจะรู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีอย่างอัตโนมัติ ไม่ได้ตั้งตัวเลยอันนี้มันเป็นกลไกของระบบชีวิตและการรับรู้ของคน ที่ธรรมชาติร่างกาย สมองของเรามันมีอยู่ มันออกแบบมาเลยเพื่อที่จะให้เราสามารถมีประสิทธิภาพในการรู้สึก การคิด การทำอะไรได้เร็ว...จนต้องมาคิดว่า...มันเร็วไปมั๊ย !!
คือที่เร็วเพราะใช้ “ชุดข้อมูลเก่า” ตลอดเลย เป็นภาคบังคับอัตโนมัติอ่ะนะ
...แล้วมันใช่เหรอ...
สิ่งที่เราเจอๆนี่มันไม่มีความเดจาวูตลอดนะ มันอาจเป็นเหตุการณ์เหมือนกัน แต่มันคนละเวลา คนละที่ และไม่ใช่คนเดียวกันทำแน่ๆ แต่ไอ้ระบบนี้มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเดิม มันถูกมั๊ย (เขียนไปเขียนมาเริ่มงง สมองมีแต่ให้ใช้ข้อมูลชุดเดิม ฮา) เราไม่ได้ใช้ “ชุดข้อมูลใหม่ๆ” เลย มันบังคับเราชัดๆ
ทีนี้ไอ้ “ชุดข้อมูลใหม่ๆ" มันจะมาได้ยังไง ที่ไม่ต้องให้เราเร็วสปีดนรก แล้วอาจมีเดือดร้อนใจ เผลอไปเบียด ไปมีความมิจฉาทิฐิแบบอัตโนมัติเข้าให้ ตามหลักการมีคนว่าไว้ คือ ต่อเมื่อคน “สามารถรู้สึก” ถึง “ผล” ของความรู้สึก “ผล”ของชุดข้อมูลเดิม ว่ามันทำให้เกิดอะไรกับร่างกาย กับใจแล้วเท่านั้น สมองมันถึงจะ “re-route” เพราะมันเรียนรู้ปฏิกิริยาเราแล้วว่า...แบบนี้ แบบนั้นมันส่งผลดีหรือไม่ดีต่อร่างกายคน ต่อใจคน เช่น อารมณ์ไม่ดี ใจมันจะอึดอัด เต้นแรงขึ้น พอโกรธเนี่ย ใจราวกับรัวกลองจะออกรบ เนี่ย ถ้าเราแค่รับรู้ได้นะ สมองมันทำบันทึกใหม่เลย นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะสร้าง “ชุดข้อมูลใหม่” ให้เกิดขึ้นมาเพื่อแทนที่ “ชุดข้อมูลเก่า”
สรุปสิริรวม คือ สติ นั่นแหละนะ คือ การรับรู้ที่ส่งผลให้สมองมี “ชุดข้อมูลใหม่”
แปลว่า ยิ่งสติมา ปัญญาเกิดได้ด้วย “ชุดข้อมูลใหม่”
มันเป็นจุดเริ่มต้นของ “การเรียนรู้” ของคน
จุดเริ่มต้นแห่งการมีปัญญาของคน !!
ในปัจจุบันที่ซวยหนักข้อ ไม่ใช่เรื่องการรับรู้ แต่เป็นเรื่อง “การไม่รับรู้”
เมื่อ “ไม่รับรู้” คือ “ไม่รู้สึก”
เกิดเรื่องอะไร...ก็ไม่รู้สึก อันนี้ตัวใครตัวมันนะ
สมองคนไม่รู้สึกก็จะโดนบังคับให้ใช้แต่ “ชุดข้อมูลชุดเดิม” แบบที่เคยใช้มาตลอด
หมดโอกาสเรียนรู้ที่จะสร้างการโยงใย เชื่อมต่อของเซลล์สมอง “ชุดใหม่” ไม่มี “Structurally Determined” ชุดใหม่ในชาตินี้
ที่จะเจอก็มีแต่ “ความมืดบอด” Maturana เรียกว่า “Cognitive Blindness”
มีแต่ใช้ประสบการณ์เดิมอยู่ในระบบชีวิตและการรับรู้...เท่านั้น..
...น่าเสียดายศักยภาพสมอง...ที่เอามาไว้แค่คั่นหูตัวเอง !!
และทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง ที่เป็นเหตุแห่ง“การคิดไม่เหมือนกัน”
“Structurally Determined” มันแตกต่างกัน
ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเปลี่ยนแปลงใคร ไปรู้เรื่องราวอะไร หรือข้อมูลอะไร
…ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง...มันไม่เปลี่ยน...
จะให้ดีมันต้องใช้ความเข้าใจและฝึกการรับรู้กันเอาเอง...
เกิดอะไรขึ้น ก็พยายามนึกไปว่า เฮ้ย..กำลังใช้ชุดข้อมูลไหนอยู่เนี่ย...เดิมๆหรือเปล่า..
ที่สำคัญ...ใช้สติ จับความรู้สึกไป... เป็นการฝึกการรับรู้ประจำวัน...
แค่ “รับรู้” ได้ ก็เท่ากับ “เปิดโอกาส” ให้สมองได้ “เลือก” ที่จะใช้อะไร “ที่แตกต่างไปจากเดิม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น