ทุกวันนี้คนเรากลายเป็นเมืองขึ้นของอะไรต่อมิอะไรเยอะมาก
…แต่กลับอยากได้ “ความสุข” “ความสบายใจ”...ดูมันย้อนแยงพิกลนะ
เมื่อมาคิดดูแล้ว...การเป็นเมืองขึ้นนี่...ไม่ค่อยดี เสียอิสรภาพไปจนถึงเสียศูนย์
เมื่อมาคิดดูแล้ว...การเป็นเมืองขึ้นนี่...ไม่ค่อยดี เสียอิสรภาพไปจนถึงเสียศูนย์
เป็นเมืองขึ้นของเวลา :
เป็นเมืองขึ้นอดีตและอนาคต แต่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของปัจจุบันที่มันจริงยิ่งกว่าจริง
เป็นเมืองขึ้นอดีตและอนาคต แต่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของปัจจุบันที่มันจริงยิ่งกว่าจริง
เป็นเมืองขึ้นของบุญ :
จดจ่อกับบุญจนกลายเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งความเจริญก้าวหน้าทางธรรม
จดจ่อกับบุญจนกลายเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งความเจริญก้าวหน้าทางธรรม
เป็นเมืองขึ้นของความรัก :
กระเสือกกระสนดิ้นรนหา ไข่วคว้าจนลืมว่ารักจริงคือไม่ปรารถนาแม้แต่การรักตอบ
กระเสือกกระสนดิ้นรนหา ไข่วคว้าจนลืมว่ารักจริงคือไม่ปรารถนาแม้แต่การรักตอบ
เป็นเมืองขึ้นของสังขาร :
ยื้อจนสุด ไม่ได้คิดเลยว่าคนนี่มันแค่เกิด แก่ เจ็บตายนะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผอมก็ตาย อ้วนก็ตาย สวยหล่อก็ตาย ยังไงก็ตาย ให้ธรรมชาติจัดสรรไป
ยื้อจนสุด ไม่ได้คิดเลยว่าคนนี่มันแค่เกิด แก่ เจ็บตายนะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผอมก็ตาย อ้วนก็ตาย สวยหล่อก็ตาย ยังไงก็ตาย ให้ธรรมชาติจัดสรรไป
เป็นเมืองขึ้นของเกียรติ :
ตัวใหญ่มาก แตะต้องไม่ได้ เกียรตินี่ต้องคนอื่น “ให้” ไม่ใช่ยึดมาแล้วจะมี
ตัวใหญ่มาก แตะต้องไม่ได้ เกียรตินี่ต้องคนอื่น “ให้” ไม่ใช่ยึดมาแล้วจะมี
เป็นเมืองขึ้นของการกิน :
แดกก็มาก อดก็มี ยั้งๆเอาแต่พออยู่พอสุขพอดี
แดกก็มาก อดก็มี ยั้งๆเอาแต่พออยู่พอสุขพอดี
เป็นเมืองขึ้นของความเก่ง :
ไม่ใช่เก่งไม่ดี แต่เน้นเก่งนั้นมันทำให้โลกนี้ไม่สมดุล ต้องได้ที่ 1 มันมีอยู่ที่เดียว แล้วคนที่เหลือละ ถูกละเลยหรือไง ใจร้ายไปนะ สังคมอยู่ไม่ได้
ไม่ใช่เก่งไม่ดี แต่เน้นเก่งนั้นมันทำให้โลกนี้ไม่สมดุล ต้องได้ที่ 1 มันมีอยู่ที่เดียว แล้วคนที่เหลือละ ถูกละเลยหรือไง ใจร้ายไปนะ สังคมอยู่ไม่ได้
เป็นเมืองขึ้นของเงิน :
คำเดียวง่ายๆ คือ “งก” และเลยเถิดไปเป็นไร้ศักดิ์ศรี ให้คนว่าได้ เงินต้องมีก็จริง แต่จ้องจะเอาจนเดือดร้อนชาวบ้านนั้น ไม่ไหวนะ มั่งคั่ง 4.0 ไปไหม
คำเดียวง่ายๆ คือ “งก” และเลยเถิดไปเป็นไร้ศักดิ์ศรี ให้คนว่าได้ เงินต้องมีก็จริง แต่จ้องจะเอาจนเดือดร้อนชาวบ้านนั้น ไม่ไหวนะ มั่งคั่ง 4.0 ไปไหม
เป็นเมืองขึ้นของคน :
คนนี่จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน คนร่วมงานหรือคนอื่นได้หมด มันแปลว่าเราเปิดประตูให้คนเข้ามาจัดการชีวิตของเรา เป็นสุขก็ดีไป ถ้าเป็นทุกข์ก็หาทางปลดแอกไป
คนนี่จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน คนร่วมงานหรือคนอื่นได้หมด มันแปลว่าเราเปิดประตูให้คนเข้ามาจัดการชีวิตของเรา เป็นสุขก็ดีไป ถ้าเป็นทุกข์ก็หาทางปลดแอกไป
เป็นเมืองขึ้นของความกลัว :
โลกนี้สิ่งน่ากลัวมีมาก กลัวไปหมดก็ไม่ต้องอยู่กันแล้ว กลัวก็อยู่บ้านไป ความกลัวเป็นโรคติดต่อ มันแพร่ไปง่ายมาก เป็นตัวแม่ “แพร่กลัว” นี่มันจะบาปนะ ไม่พัฒนาอะไรให้ดีขึ้นได้เลย ไม่เปลี่ยนแปลง เดิมๆไป..มันจะดีหรือ...
โลกนี้สิ่งน่ากลัวมีมาก กลัวไปหมดก็ไม่ต้องอยู่กันแล้ว กลัวก็อยู่บ้านไป ความกลัวเป็นโรคติดต่อ มันแพร่ไปง่ายมาก เป็นตัวแม่ “แพร่กลัว” นี่มันจะบาปนะ ไม่พัฒนาอะไรให้ดีขึ้นได้เลย ไม่เปลี่ยนแปลง เดิมๆไป..มันจะดีหรือ...
คงมีอีกมากมายนะ...ที่เราเป็น “เมืองขึ้น” กันอยู่ทุกวันนี้
ถ้าชีวิตคนเราต้องขึ้นกับ...นู่นนี่นั่นจึงจะสุข.. มันสุขจริงหรือ
ถ้ายอมสุขแบบนั้น มันแปลว่า ชีวิตถูกปล้น !!
และถูกปล้นแล้วปล้นเล่า...ปล้นไปเป็นทาสอยู่ทุกลมหายใจกันเลยนะ...
เลือกเอา จะถูกปล้นกันทั้งชาติก็ว่าไปตามนั้น
กรรมใคร..กรรมมัน...
ถ้าชีวิตคนเราต้องขึ้นกับ...นู่นนี่นั่นจึงจะสุข.. มันสุขจริงหรือ
ถ้ายอมสุขแบบนั้น มันแปลว่า ชีวิตถูกปล้น !!
และถูกปล้นแล้วปล้นเล่า...ปล้นไปเป็นทาสอยู่ทุกลมหายใจกันเลยนะ...
เลือกเอา จะถูกปล้นกันทั้งชาติก็ว่าไปตามนั้น
กรรมใคร..กรรมมัน...
ความเป็น “เมืองขึ้น” = ความเป็น “ทาส”
(อนุสนธิจากการไปร้อง hotel california มาเมื่อวันก่อน 55)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น