มีคนส่งอีเมล์มาให้นานแล้ว.. กลับมาทบทวนก็ยังชอบใจ ซึ้งเหมือนเดิม เลยต้องทบทวนบ่อยๆ และอยากให้เพื่อนทบทวนด้วย (บังคับ) นี่ลอกเขามาเลย..
“ ข้าพเจ้าจะนำท่านย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้วมา ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ใหม่ๆ ทรงโปรดการทรงภูษาเป็นสนับเพลาสั้น ( กางเกงขาสั้น )
ในยามดึกเวรยามรอบพระราชฐานที่ประทับต่างทำหน้าที่กันตามจุดต่างๆไม่มีบกพร่อง ไม่มีการละทิ้งหน้าที่ ไม่มีการหยอกล้อ เฮฮา ไม่มีส่งเสียง อึกทึกหรือเล่นหัวกัน เพราะต่างรู้หน้าที่ของตนว่ากำลังถวายอารักขาและถวายความปลอดภัยแด่องค์พระประมุขของชาติ จอมคนของปวงชนชาวไทย แม้จะมิได้ทรงเสด็จออกมาทอดพระเนตร แต่ทุกคนก็รู้หน้าที่กันเป็นอย่างดี ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ลมพัดกรูเกรียวเสียงน้ำค้างตก ใครจะนึกบ้างเล่าว่า...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จลงมา ทรงพระราชดำเนินไปรเวท(เดินเล่น)บางครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเงียบๆ แล้วก็มีพระราชดำรัสทักทายแก่ทหารมหาดเล็กที่ถวายเวรยาม และนายทหารราชองครักษ์เวรประดุจน้ำทิพย์หยาดลงชโลมดวงใจของผู้ที่ทำการอยู่เวรยามให้ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงเป็นห่วงผู้ที่มาอยู่เวรยามด้วยความจงรักภักดี แม้เวลาจะดึกดื่นแล้วก็ยังคงอยู่ในหน้าที่ด้วยอาการสงบที่เป็นการถวายชีวิตเป็นราชพลี...
ตอนนั้นทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านหน้าข้าพเจ้า ซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิต ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัสเรียกชื่อของข้าพเจ้า จากนั้นทรงพระราชดำรัสต่อไปว่า
“ ชีวิตมนุษย์เรานี่...อิ่มเดียวหลับเดียว...เท่านั้น ”
ทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปจนลับพระองค์ ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจ นึกไม่ออกว่าทรง หมายความว่าอย่างไร จนรุ่งเช้าออกเวร แล้วจึงได้กลับบ้าน อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะกับพระที่วัดเทพธิดา จึงได้เอ่ยถามท่านมหาผู้มีเปรียญเป็นดีกรีว่า
“ท่านมหาขอรับ คำว่า...อิ่มเดียวหลับเดียว....นี่หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
ท่านมหาขมวดคิ้วแล้วย้อนถามผมด้วยความฉงนฉงาย ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปอีกว่า
“โยมเฉลิมศักดิ์ไปเอาคำนี้มาจากไหนกันล่ะ”
ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านตรงๆ ในที่สุดท่านก็ได้ตอบปัญหาให้ผมได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ว่า
“โยมเฉลิมศักดิ์ คำนี้น่ะ ผู้ที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นผู้มีความรู้ในพระพุทธพจน์ อันมีความหมายยาวให้ ย่นย่อเข้าใจได้ง่ายอีกด้วย คำว่า...อิ่มเดียวหลับเดียว...นั้นมาจากพระพุทธพจน์ ที่ทรงให้ตัดความโลภ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข ให้รู้จักคำว่า ...พอ... เพราะมนุษย์เรานั้นจะกิน ได้มากเท่าใด ก็ไม่เกินอิ่มของตน พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว การนอนก็เช่นกัน จะนอนนานแค่ไหนก็แค่อิ่ม นอนของตัวเองเท่านั้น มนุษย์เรานั้นวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะไม่รู้จัก...อิ่ม... ได้มาอิ่มแล้ว ก็ยังอยากได้อีก นอนอิ่มแล้ว ก็อยากนอนอีก อยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก ถ้าคนเรายึดในหลักว่า....อิ่มเดียวหลับเดียว....โลกก็จะเป็น...สุข...
ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีและแสวงหาจนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว… คนเรานะโยม จะบริโภคอาหารอันอิ่มเอม โอชะสักเท่าใดก็อิ่มเดียว กินข้าวคลุกน้ำปลา หรือ กินอาหารจีนรสเลิศชามละเป็นพันบาท ก็อิ่มเดียวแค่อิ่มเท่านั้น กินเข้าไปไม่ได้แล้ว จะนอนบนที่นอนยัดนุ่นรองด้วยสปริง อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ นอนในสลัม หรือ นอนในคฤหาสน์ ก็แค่นอนหลับอิ่มเดียวเท่านั้น...... เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ก็เท่าเทียมกันด้วย
...อิ่มเดียวและหลับเดียว...นี่แหละ ”
สุดยอด...ไม่ต้องบรรยาย
อากิ๋งขา ขอบคุณนะคะ บทความนี่ดีมากๆ ทำให้หนูรู้สึกว่ากินอิ่มเดียวก็พอ ฮ่าๆๆๆ ช่วงนี้หนูอ้วนขึ้นเวลาอิ่มแล้วแต่อยากกิน หรือตื่นแล้วแต่ขี้เกียจจะลุก ฟางจะนึกถึงบทความนี้ค่ะ จะได้ขยันๆ นะคะ ฮะๆๆ :)))
ตอบลบกด like
ตอบลบกด like แรง ๆ ค่ะ
ตอบลบ