วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ศันสนา..วิปลาส




















หลังจากเลิกอ่านหนังสือธรรมมะมานาน... เพราะมันเหนื่อย 
แต่ว่าเหลือบไปเห็นหนังสือของพระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส... พระศิลปิน
เห็นชื่อเขียนว่า อยู่กับมาร  อือ ท่าจะม่วน เลยอ่าน 
โอ๊ะ ปรากฎว่าเหมือนเดิม ศัพท์แสงที่ไม่เคยเข้าใจ ก็ยังอยู่... 
เหนื่อยไม่เลิก..​ แต่ก็มีอะไรที่ชอบหลายอย่าง เป็นประโยชน์ต่อใจและความคิดในหัว 

ชอบที่สุด ได้เรียนรู้ที่สุด (ประยุกต์ใช้..รอก่อน) คือ 
ความจริงที่คิด กับ ความจริงที่เป็นธรรมชาติ
(อันนี้แปลเข้าข้างตัวเอง เพราะท่านเขียนว่า สมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะ 
...งง เป็นแบบนี้ทั้งเล่ม) 

อยู่กับอันแรกมานาน จนนึกว่ามันจริงไปแล้ว ลืมไปเลยว่าธรรมชาติเป็นยังไง
เอาตัวอย่างง่ายๆที่เพิ่งเกิดกับตัวเองนี่เลย..
เฟซบุค... หลงไปโกรธ ด่าคนน่ารัก (น่ารัก=ความที่คิดว่ามันจริง) เสียนาน 
หรือชื่นชมลมๆแล้งๆกับหลายสิ่ง หลายอย่าง
ลืมไปเลยว่า มันไม่เป็นจริง มันเป็นแค่โลกเสมือนจริง 
ไอ้เราเลยโง่จริงจริง...

ต่อให้เป็นชีวิตเรา..ชีวิตที่หายใจอยู่นี้ 
เป็น เรา หรือ เป็น เขา (ที่แบ่งกันจัง แยกอยู่ได้) ก็ไม่มีจริง
เป็นแค่ชื่อที่ใช้สื่อสาร ใช้เรียกให้เข้าใจ..มันเลยติด มันเลยยึด คิดว่าจริง (รู้เรื่องไหมนี่..)
ศันสนาเนี่ย...ความจริงตามธรรมชาติ 
เป็นก้อนเนื้อ เป็นหนัง เป็นกระดูก เป็นเอ็น 
เป็นชิ้น (รอวัน) เปื่อย.. 
อันนี้ทุกคนเหมือนกันหมดนะคะ ไม่ใช่ศันสนาคนเดียว (เดี๋ยวเหงา...)
มันไม่มีหรอก..ศันสนา คุณศันสนา ดร.ศันสนา อีศันสนา เนี่ย... สมมุติเอา 
แต่มันซวยตรงที่คราวนี้..คิดว่ามันมีอยู่จริง เป็นตัวตนจริง ใครแตะ เป็นมีเรื่อง...
ลามปามไปถึง เพื่อนศันสนา ของศันสนา หมาศันสนา เรียงกันมา..เป็นไม่จบ
ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่ได้ดังหวัง... เลยถือเป็นจริงเป็นจัง..  
สมมุติ คิดเอง ดันถือว่าจริง.. ทั้งโง่และบ้า อวิชชา มิจฉาทิฐิของแท้

และนี่ยังไม่นับ ความรู้สึกนะ.. ความรู้สึกต่างๆในชีวิต ที่มันไม่จริง..
(เหมือนชื่อเรา ที่ว่าสื่อเป็นเรา ที่เราคิดว่าเป็นตัวตนจริง ก็ไม่จริง) 
ความรู้สึก คือ ความรู้สึก 
จะร้อน หนาว รัก เกลียด เป็นแค่เรียกกัน.. สมมุติกัน อยากจะสื่อกัน
ตามธรรมชาติ คือ ความรู้สึกเท่านั้น จบข่าว
แต่ก็เต้นสุข เต้นเศร้าไปตามมันนะ... 

อันตรายอยู่ที่ ไอ้ความจริงที่คิดเองนี้ 
มันส่งผลต่อมุมมอง ทัศนติของก้อนเนื้อหนังกระดูกศันสนานี่ซิ
ส่วนใหญ่..ที่ไม่ดี ไม่ดี จะแบบนี้ คือ...
....มีเรา (ที่ไม่มีจริง) เข้าไปแฝงอย่างต่อเนื่อง
....มีผลประโยชน์เข้าไปเพิ่ม งกเข้าไป
....อิงกับสิ่งสมมุติตลอดเวลา 
ไม่มีปัญญาจะรู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ

พระท่านว่า...กลายเป็น วิปลาส
คิดว่า รูป นาม  หลงผิด ความฝัน..มันเป็น เรา
เที่ยงก็ว่าไม่เที่ยง ไม่เที่ยงดันหาว่าเที่ยง
ทุกข์กลายเป็นว่าสุข สุขของจริง ไปมองเป็นทุกข์
งามว่า ไม่งาม ไอ้ที่ไม่งาม ดันงามซะได้... และอยากได้ด้วยนะ ไม่งาม ที่คิดว่างามเนี่ย..
FITFLOP ^_^
ตีค่าจากอุปาทาน....กลุ้ม
มันมาจาก ขันธ์ห้า นี่แหละ.. (ถ้าจำไม่ได้ก็ไปหาเอาเอง)

บ่นไปงั้น...คนมันกลวง..
ให้รู้ว่า มันเป็นทุกข์..และที่สำคัญ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา...ก็พอกระมัง
เอาเป็นว่า...เผลอแล้วรู้..น่าจะได้
(เรียกกันว่า สติ..ซึ่งเหนื่อย เบื่อ ...เฮ้อ ความจริงที่คิดเอาเอง..ออกจะบ่อย)
ศันสนาเริ่มวิปลาสมานาน และยังวิปลาสอยู่....