วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตมันยาก..นอกจาก...


ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่มุ่งด่วน..อะไร อะไรก็ต้องด่วน ความสุขต้องทันที ต้องได้รับการยอมรับทันที... สิ่งมีค่าจริงๆของคนไม่ได้ได้มาเร็วและง่าย 
มันเป็นเรื่องของ อยากเป็น อยากทำ อยากได้ ส่วนใหญ่จะอยู่กันที่ อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากทำแต่อยากได้ และหนักยิ่งกว่า คือ ไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ที่อาจต้องจ่ายแพงกว่า อาจต้องจ่ายด้วยอิสรภาพ อาจต้องจ่ายด้วยชีวิต...
คนเราเป็นเราทุกวันนี้ด้วย.. what do you think ความสำเร็จ ความทุกข์เป็นภายนอกที่เป็นผลมาจากความคิดภายใน เราเห็นคนอื่นมีเหมือนมันจะได้มาง่ายๆ เหมือนเป็นความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่เราไม่ได้ดูกระบวนการเป็น กระบวนการทำที่มันมาจากความอุตสาหะพยายาม เช่น พวกดารานักร้อง เราเห็นทำแป๊บเดียวได้ตังค์ ร่ำรวยแล้ว แต่เรามักจะไม่เห็นเบื้องหลังการฝึกซ้อม เราไม่รู้ว่าแต่ละคนได้เสียอะไรไปมากเท่าไหร่กว่าจะได้มา
คงต้องมองกันที่กระบวนการทำ.. ในสิ่งที่ถูก.. มากกว่าจะจดจ่ออยู่ที่  "การได้"    ถ้ามุ่งการได้..นั่นแหละ ชีวิตมันยากขึ้นมาทันที  การดูความสำเร็จของคนอื่นมันก็ดีอยู่.. แต่มันคงต้องมองให้ทะลุไปถึงสิ่งที่ทำ..มองเรื่องราวทั้งหมด เราจะเห็นว่าความสำเร็จของชีวิตเป็นการวิ่งมาราธอน.. ไม่ใช่ 4x100 แน่ๆ


ชีวิตมันยาก..นอกจากจะมองให้ครบ แล้วเป็น แล้วทำ..ตามที่ตัวพิจารณาว่าดี.. จึงจะได้..
ถ้าไม่ได้.. ขอแนะนำ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อะไรสำคัญในชีวิต



จากรูปบัตรเชิญไปชมงานแสดงภาพของน้อย..ธรรมนิติ์ ทำให้ได้คิดมากขึ้นเหมือนกัน... 

ขอขอบคุณฮ่ะ คุณเพื่อน


อะไรสำคัญในชีวิต? 
นั่นซิ..อะไรสำคัญ
ที่สำคัญคือ “ความคาดหวังของเรา” นี่แหละ..และมันเหนื่อย ไม่หมดซักที
คนพยายามหาความสมดุลระหว่างความเป็นจริงกับความคาดหวังมาตลอดชีวิต แต่ก็มีช่องว่างมาตลอดเหมือนกัน มีคนบอกว่ามันเป็นเรื่องของวิธีการที่แต่ละคนใช้เกี่ยวกับเวลาและเงิน หรือ ถ้าจะง่ายไปกว่านั้นคือ การที่คนเราใช้ชีวิตอย่างไรกับเวลา ครอบครัว งานและเงิน คงต้องยอมรับว่า ความสมดุลไม่ได้แปลว่าเท่าๆกัน (เหมือนรูปของน้อยนะ ดอกแต่ละดอก ความใกล้ ไกล สี มุมมอง ชนิดของดอกไม้ ใบไม้.. หลากหลาย สวยงาม สมดุลได้ ไม่ต้องเหมือน ไม่ต้องเท่า อยู่ที่จัดวาง) และยอมรับอีกว่างานกับครอบครัวเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ และชีวิตในอุดมคติคือชีวิตที่การปราศจากความกังวล    จะให้ดี..มีหลายอย่างที่ทำได้... 
อย่างแรก...ลองทบทวนดูค่านิยม หาหลักการให้ตัวเอง คิด..through my senses.. คิดไม่ออกก็ลองอ่านหนังสือที่เป็นปรัชญาและภูมิปัญญาต่างๆบ้างก็ดี   ตั้งเป้าหมายตัวเองจริงๆสักที ดูว่าชาตินี้จะเป็นอะไรได้ดีบ้าง เพื่อสามารถกลั่นกรอง เรียงลำดับค่านิยม หลักการ ความสำคัญในชีวิตที่เหมาะเจาะกับเรา  อันนี้ทดลองแล้ว..รู้สึกสบายขึ้น เห็นตัวตนชัดขึ้นว่า ไม่ต้องขอข้าวใครกิน วันๆอยู่ได้ไม่ต้องมาก.. คือ กิน อยู่ ใช้ ตามอัตภาพ ตามหาได้ ดิ้นรนไปเหนื่อยเปล่า อยู่มันไป หายใจดีๆ มีอิสระ อยากคิดอยากทำอะไรก็คิด ก็ทำ  ค่อยๆปลดบ่วงความคาดหวังของคนอื่นออกไป  คิดถูก คิดดี บางทีมีโมหะ โทสะ นำบ้างก็..แค่รู้  ไม่ฝืนแก้ .. มันจะน้อยลงไปเอง ไม่คาดหวัง(มาก).. เรื่องของมัน 
อีกอย่าง คือ...นั่ง หรือจะยืน นอน ก็ได้ ลองประเมินประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา.. through my senses (อีก) เคยคาดหวังอะไร ได้กะเขาบ้างหรือไม่ (ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง..) เรียนรู้สักนิดกับการใช้ชีวิตของตัวเอง ถ้าไม่ค่อยโสภานัก ให้คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์ที่ให้เราเรียนรู้ได้มากกว่า ใช้เวลาในการใคร่ครวญและหาทางสว่างในการแก้ไข  แบบนี้ก็ลองทำแล้วเหมือนกัน.. เห็นอะไรเยอะ อย่างน้อยก็เห็นว่าตัวเอง.. ก็แค่เนี้ย ไม่ได้มีอะไรดีพิเศษกว่าคนอื่น (เป็นดอกหนึ่งในรูปที่รอวันเฉา) บางทีออกโง่หน่อยๆด้วย (บ่อยๆ อีกต่างหาก)  สติก็ไม่ค่อยดี สตางค์ก็ไม่ค่อยมี ผิดศีลห้ามาเป็นนาน ฟาดฟันคนอื่นมาก็มาก..ไม่รู้เพื่ออะไร ไร้ปัญญาจริงจริง.. ตอนนี้เลยต้องบอกตัวเองว่า..หนิง หนิงไว้..นับสักสาม ก่อนทำ.. ทำอะไรต้องถูก..ชีวิตเหลือน้อย.. แผ่เมตตาเข้าไว้..เป็นแรงบันดาลใจใช้ชีวิตที่เหลือ... ให้มันสวยๆในใจตัวเอง
เรื่อง “งาน” ก็สำคัญ...ไม่ทำ จะไม่มีกิน (สำคัญ คือ..ไม่ได้เที่ยว)  คนเรามองงานตัวเองแตกต่างหลากหลาย บ้างก็คิดว่าน่าเบื่อสุดๆ บ้างก็ว่านรกชัดๆ บ้างก็ว่าเป็นที่มาของชื่อเสียงเงินทองล้วนๆ  ทั้งนี้ทั้งนั้นมันสะท้อนถึง “บ่วงส่วนตัว” ของเราอย่างในกรอบเล็กๆในรูปนั่นแหละ มันไม่หลุด  ที่บอกได้อีกอย่าง (สำคัญเลย) ว่าการมองงานของเราที่แตกต่างกัน จะเกี่ยวพันหรือนำไปสู่การทำงานที่แตกต่างกันแน่ๆ (งานสวยเนี๊ยบแบบนี้ มีไม่กี่คนที่ทำได้นะ..) และที่สุดๆคือมันเป็นการบอกว่าเราได้อะไรบ้างจากการดำรงชีวิตของเราที่ผ่านมา คงต้องนำมุมมองในการทำงาน นำเรื่องที่พบเจอในการทำงานและนำใช้ผลลัพธ์ที่ได้จากเครื่องปรับทิศทางอันนี้ มาผสมผสานกันเพื่อจะได้เลือก ได้ตัดสินใจให้มันถูกต้อง เลือกเส้นทางของตัวเองได้  ถ้าคิดไม่ออกจริงๆลองถามตัวเองก็ได้ว่า..มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็นประโยชน์มากที่สุด อยากปรับเรื่องอะไรมากที่สุด  เลือกมาสัก 1 อย่างที่คิดว่าควรทำต่อไป   มีอะไรบ้างที่เราควรหยุดทำได้แล้ว หรือ ต้องเริ่มต้นทำ    ไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น คิดว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้แน่ ยกเว้นแต่ว่ากลัวผลจากคำตอบว่าอาจทำให้ทำใจลำบาก (อันนี้ร้องเป็นเพลงก็ได้ อารมณ์จะดีขึ้น)  สำหรับตัวเอง..เรื่องที่เป็นประโยชน์นั้น..พอมีอยู่.. ก็สอนคนมาทั้งชีวิต ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน ที่ทำงาน ที่บ้าน.. มันต้องมีอยู่บ้าง.. เป็นความถนัดอย่างยิ่ง..อย่างเดียวที่ทำได้ (ลองทำอย่างอื่นมาแล้ว นอกจากไม่เป็นประโยชน์ ยังเจ๊งอีกต่างหาก)  ดังนั้น..ตะบันสอนต่อไป เป็นความสุขใจอย่างยิ่ง ไอ้ที่ควรจะปรับ คือ การใช้เวลาให้คุ้มค่ามากขึ้นในการทำงาน.. หยุดหาข้ออ้างความขี้เกียจ หยุดหาข้ออ้างสวยๆดูดีเสียที..เพราะงานดีๆงานสวยๆของน้อยที่มีให้ชื่นชม ก็จากการไม่มีข้ออ้างมากำหนดให้มันอยู่กับตัวเองเท่านั้น มันได้ฉายออกมาให้คนรับรู้นะ..เป็นประโยชน์
คราวนี้เรื่องเวลา...เพราะว่า “เวลา” เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตด้วย โดยเฉพาะเมื่อเวลาส่งผลต่อความสุขและการจัดความสมดุลของชีวิตเรา ขอปรบมือให้กับการจัดการเวลาแสดงงานของน้อย..ที่มีไม่มาก แต่ดูเหมือนจะเรียบร้อยไปหลายขุมแล้ว ก่อนวันจริง.. ในขณะที่สำหรับเรา ...เวลาทำให้ร้อนรน สับสน (เป็นบ่อยขึ้น..ไม่อยากโทษสังขาร) ..ซึ่งอยู่ที่ความคาดหวังของเรานั่นแหละ  ดังนั้น..จะเริ่มทำ check list ชีวิตก่อนตาย  แล้วจะลองดูว่าเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือไม่? และจะมีความสุขมากขึ้นไหมถ้าตัดอะไรในนั้นออกไปเสียบ้าง? บางทีความต้องการที่มากมายของเรา มันทำให้เราต้องสูญเสียความมั่นใจหรือความสามารถในการทำสิ่งต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพลงได้เหมือนกัน อันที่จริงเวลาเป็นแค่เรื่อง “ด่วนและไม่ด่วน” กับ “สำคัญหรือไม่สำคัญ” มันอยู่ที่เราจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไรและอะไรสำคัญในชีวิต  ได้ครุ่นคิดชีวิตใครชีวิตมันอีกสักครั้ง ก็ดีเหมือนกัน... เรื่องเงิน..ไม่อยากพูด..เหนื่อย รู้แต่ว่าไอ้สมการที่ว่าเงินบวกสิ่งของเท่ากับความสำเร็จและความสุขนั้น..ไม่มีวันเป็นจริงได้ through my senses!