วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

โครงการความสุข











ใครๆก็บอกว่า “happiness is a CHOICE” ไม่รู้จริงไหม 
แต่เป็นประโยคที่ฮิตมากมากแน่นอน  อันที่จริงก็พอจะเข้าใจได้นะ  
สำหรับตัวเองมันยาก มันใหญ่มาก ... 
เอาเป็นว่า จะเปลี่ยน จะตั้งเป้าหมายอะไรให้ชีวิตมันมีความสุขมากขึ้น  
มันคงไม่เกี่ยวว่าจะ “ได้” หรือ “มี” ขนาดนั้น แต่ไอ้ที่เกี่ยวมากๆ คือ 

อารมณ์..

สำหรับคนอื่น ไม่รู้   
แต่เชื่อว่า...มันทรงอำนาจที่สุด ควบคุมยาก ตามไม่ทันถึงขั้นหมดสุข ปีที่จะถึงนี้.. 
น่าจะอารมณ์นิ่ง (...อยู่หนิง หนิง) 
สิ่งแวดล้อมอื่น คนอื่นช่างมันไปก่อน 
เพราะว่าเป็นเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา   
ถ้าเลือกโครงการความสุขประจำปี.. อันนี้..ต้องเลย มันเป็นด่านแรก...

ความตั้งใจที่จะเป็นสุข and it pays! พอนิ่ง หนิง หนิง ก็น่าจะค้นพบว่าเราต้องการอะไรจริงๆในชีวิตที่จะเกิดสุขและคงหาทางเลือกได้มากขึ้น

เปลี่ยนความคิด... 

Leo Tolstoy: If you want to be happy, BE. 

และ B1
มันต้องเริ่มที่นี้ด้วย.. สุขได้ 
ความคิดเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้คนสุข หรือ ทุกข์นะ 
มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ต้องถามใคร มันเป็นของเรา 
มันเป็นการเลือก.. เข้ากับที่เขานิยมกัน ที่บอกไปแล้ว คือ “happiness is a CHOICE” 
ไม่ต้องวิลิศ บรรเจิด...เอาธรรมดา อยู่กับ “จริง” มากขึ้น 
เอาที่มันเคยคิดโง่ๆออกไปบ้าง 

Colette: Be happy.  It's one way of being wise.

Anonymous: Being happy doesn’t mean that everything is perfect. It means that you’ve decided to look beyond the imperfections.       

รู้จักชื่นชมชาวบ้านบ้าง เมตตา เมตตา อันนี้ไม่มีใครแย่งแน่ๆ และคนอื่นก็คิดแทนไม่ได้ซะด้วย 
หาความสุขเล็กเล็ก...

Ralph Waldo Emerson: Can anything be so elegant as to have few wants, and to serve them one's self?

คือใหญ่ๆก็ได้แค่อยาก.. มากเกินปวดหัว ปีนลำบาก จะไม่สุข... 
การมีความสุขตลอดเวลามันยากจริงจริง หนักเข้า มันทุกข์มากกว่าสุข  
ดังนั้น อีกโครงการความสุขปีนี้.. คือ
ได้ขับรถเที่ยวคนเดียวโฉบเฉี่ยวไปจังหวัดต่างๆในบ้านเราก็พอ  
เริ่มมันตั้งแต่สองอาทิตย์สุดท้ายปลายเดือนมกราก่อนเลย  เดือนอื่นๆ ค่อยๆว่ากันใหม่... 

Mahatma Gandhi: Happiness is when what you think, what you say, and what you do are in harmony.
เชิญแบ่งปัน.. ปีหน้าจะสุขกันยังไงดี

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทำดี ต้อง ได้ดี


ก่อนสิ้นปีนี้ ขอระบาย.. เพราะเซ็งกับแรงขับเคลื่อนที่ผิดที่ ผิดทาง เบื่อกับแนวคิดบ้าๆบอๆของผู้ประกอบการไทย และ คนไทยที่คิดว่า.. 

โกงภาษีได้.. คือ เก่ง การเสียภาษีถูกต้อง คือ โง่ 

ที่จะเขียนความรู้สึกแบบนี้ได้เพราะ คนเล็กๆอย่างเราตั้งแต่เกิดมาและมีรายได้ ต้องเสียภาษี.. ไม่เคยโกง พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเสียเต็มที่มาตลอด เสียจนบางครั้งมีหลายคนมองว่า มันโง่หรือเปล่า  บางปีเสียมากกว่าธุรกิจที่มีกำไรเป็นหลายๆล้านด้วย ที่บอกนี่ไม่ใช่รวย จะยกตนข่มท่าน หรือ มีรายได้มาก ยังจนเหมือนเดิม จนชนิดที่ตัวเองยังงงอยู่  ว่าทำงานมาตลอดชีวิต ยังจนอยู่ได้...ถ้าคนจนอย่างเราต้องเสียภาษีมากขนาดนี้ ลองคิดว่าถ้ารัฐสามารถเก็บภาษีได้ถูกต้อง... มันจะวิเศษขนาดไหนที่จะได้มีเงินมาพัฒนาบ้านเมืองเรา แทนที่จะกองท่วมอยู่ในบ้านเศรษฐี  หรือ ผู้ประกอบการที่โกงภาษี (...บาปนะโยม..เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า..ไม่ใช่ไม่มีกิน) และไม่ต้องคิดแบบกลวงๆว่า อ้าว เสียเยอะทำไม เสียให้นักการเมืองไปถลุงเล่น นั่นเป็นอีกเรื่อง..เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในความสามารถที่ (หากจะทำ) เราทำได้ทันที...

โครงสร้างธุรกิจในประเทศเราที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ทุกวันนี้ เป็นรูปปิรามิด...ที่ยอดเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีเพียงเล็กน้อย ถัดมาเป็นบริษัทขนาดกลางรวมทั้ง 71 แห่งที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ที่เหลือมีอีกเป็นสองล้านกว่ากิจการที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กๆ (คงประมาณนี้.. )  มันเป็นการกระจายตัวที่ดีแล้วหรือ  ทำไมไม่ทำให้สองล้านกว่าๆนั้น ยกระดับขึ้นมาปลายยอดบ้าง สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถือเป็นการพัฒนาผู้ประกอบการที่แท้จริง ตัวจริงเสียงจริง เพราะไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกคนที่จะสร้างคุณภาพให้เกิดขึ้นและเป็นพลังการเติบโตของสังคม เศรษฐกิจ แต่มันต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ ผู้ประกอบการที่กล้าหาญในการสร้างระบบรายรับ รายจ่าย ระบบภาษีที่ถูกต้อง เพื่อเป็นแรงส่งให้บ้านเมืองเคลื่อนในทั้งความมั่งคั่งทางใจและทางกายภาพ ในทิศที่ถูกที่ควร ซึ่งมีน้อยมาก.. และกำลังน้อยลงทุกวันเพราะมันแข่งขันกันไม่ได้ กลายเป็น SME นอกระบบที่รัฐเก็บภาษีไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มันไม่ใช่ไม่ดีอย่างเดียว แต่มันบั่นทอนจิตสำนึกดีๆที่กลายเป็นเชื้อชั่วในสังคม  ผู้ประกอบการหลายคนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่กล่าวว่ารัฐไม่ได้มีแต้มต่อสำหรับคนทำดี ทำถูก ไม่ได้มีรางวัลสำหรับคนทำดีอย่างเพียงพอที่จะกระตุ้น ส่งเสริมให้คนทำดี.. ฟังแล้วมันเศร้าใจ   แบบนี้ยังจะมุ่งหวังให้ประเทศเกิดความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่ยั่งยืน.. มันเป็นฝันกลางวัน มันเป็นฝันของคนที่ไม่มีวันตื่นมาพบความเป็นจริง บ้าหรือเปล่า.. 

คนทำดีต้องได้ดี 

รัฐต้องเน้นให้ถูกที่ ไม่เช่นนั้นบ้านเราก็จะมีแต่... คน(ที่คิดว่า)ฉลาด โกงภาษี คน(ที่ถูกมองว่า..)โง่ เสียภาษีถูกต้องจะลดจำนวนลง... แล้วคิดดูว่า มันจะก้าวไปทางไหน.. คุณไม่ได้อดอยาก คุณทำบุญมากมาย คุณมีชีวิตที่ดีกว่าอีกหลายคนที่ไม่มีแม้แต่จะกิน เจ็บป่วยไม่มีเงินรักษา แก่เฒ่าไม่มีเงินประทังชีพ โชคดีขนาดนี้ ยังจะโกงกันอีกหรือ ... ยังจะหลอกตัวเองว่ารักในหลวง รักแผ่นดินไทย รักชาติ  แค่ทำให้ถูกต้องยังทำไม่ได้  เรื่องที่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของตัวเอง ทำดีจริงๆทำบุญให้ประเทศไม่ได้หรือ  จะเอาอะไรกันมากมาย ชีวิตอาจไม่อยู่ถึงร้อยปีนะ...  เริ่มที่ตัวเอง.. อย่างกไม่เข้าท่า อย่าเห็นแก่ตัว สร้างค่านิยมใหม่ อย่างน้อยก็ในกลุ่มเล็กๆของเราเอง.. 

บทบาทหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง.. ก็ส่งเสริมอะไรก็ไม่รู้ ผิวเผิน ทำให้งานจบไปวันๆ เดินทางดูงานกันสนุกสนาน เบิกบาน บินกันจ้าละหวั่นจนมีบัตรทองการบินไทย มีพริวิเลจนั่งลอยหน้าอยู่ในเลาจน์อย่างภาคภูมิ ในขณะที่คนเสียภาษีได้แต่ยืนมองอยู่ข้างนอก  ส่วนสรรพากรก็ไร้เดียงสา ยังมี(หน้า)มีสมมุติฐานอีกว่า ธุรกิจที่ส่งเงินให้ทุกปี มีบัญชีเล่มเดียว เก็บแค่ไหนแค่นั้น ธุรกิจนอกภาษีไม่มี.. ทำไมไม่เล่นเป็นทีม ทุกหน่วยงานมาคุยกัน.. สร้างเครือข่าย (ที่ขยันทำให้ผู้ประกอบการ กระตุ้นการรวมตัว ..แต่ตัวเองยังไม่มีเลย แค่จะรวมในกรมกระทรวงเดียวกันยังทำไม่ได้ แล้วชอบเสนอหน้าไปทำให้คนอื่นอีก กลุ้ม)  เครือข่ายที่มีอัลติเมทเป้าหมาย กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนให้คนเสียภาษีถูกต้อง.. เลือกเล่นที่ผู้ประกอบการนี่แหละ ช่วยกัน ใครเสียภาษีถูกต้อง ให้แต้มต่อ ให้รางวัล กระทรวงมีคนเก่งๆเยอะแยะ คิดได้ถมเถ อย่าไปคิดเรื่องเลื่อนลอย เอาที่จับต้องได้ ให้รัฐมีตัวเงินเพิ่มขึ้นนี่แหละ วัดได้จริง (หรือจะกลัวว่าวัดจริงแล้ว ไม่ขึ้น ไม่มีฝีมือจริง)  รู้อยู่แล้วว่าผู้ประกอบการทั้งหลายมีปัญหาด้านบัญชี กรมกองที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ..แทนที่จะส่งเสริมให้สร้างกิจการใหม่ ส่งเสริมนวัตกรรม (ที่ดูโก้.. แต่กินไม่ได้)  หันมาจับมือกันทำเรื่องหญ้าปากคอกนี่แหละ ทำให้เกิดระบบบัญชีที่โปร่งใส ได้แค่ไหน จ่ายภาษีแค่นั้น N=1 อย่างถูกต้อง จัดสัดส่วนงานใหม่ สร้างกระบวนงานใหม่ให้เหมาะสมว่าต้องโฟกัสเรื่องอะไรที่สำคัญ น่าทำ ในการสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่แท้จริง สถาบันการเงินก็ต้องช่วยกัน อย่าเห็นแก่เงิน เห็นแต่เงินตัวเดียว ต้องส่งเสริมผู้ประกอบการดีๆให้มีกำลังใจ คิดใหม่ จัดกลุ่มลูกค้าใหม่ จัดชั้นพวกเสียภาษีถูกต้องให้เป็นลูกค้าชั้นดีที่สุด ไม่ใช่พวกโกงแต่มีเงินเยอะ

เรื่องภาษีเข้ารัฐเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าทำที่สุด  ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องการขับเคลื่อนจิตสำนึกของผู้ประกอบการให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการตอกย้ำ ทำดีต้องได้ดีในสังคม.. แบบนี้จะเป็นต้นแบบของคนไทยที่เหลือ ให้อยากทำดี เพราะทำดีจะต้องได้ดี เป็นการสร้างสังคมแห่งการประกอบการที่แท้จริง ... 

รักในหลวงจริง ทำสิ่งที่ถูกต้อง
สร้างค่านิยมดีในบ้านเมืองเรา
ชีวิต..อีกไม่กี่ปีก็ตาย
ลงมือวันนี้..ไม่มีคำว่าสาย


ขออโหสิกรรมหากว่าเกิดอาการระคายเคือง..

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รักแล้วรอหน่อย..การปลีกวิเวก


ชีวิต คือ การกระเพื่อมตามขันธ์ 5 
ดร.พระมหาจรรยาเรียกว่า "กอง" 

รูปขันธ์ กองรูป 
เวทนาขันธ์ กองเวทนา 
สัญญาขันธ์ กองสัญญา 
สังขารขันธ์ กองสังขาร 
วิญญาณขันธ์ กองวิญญาณ  


มันมีหลายกอง จึงเป็นของหนัก  บ่อยครั้งจึง "อยากอยู่เงียบๆคนเดียว" หลุดจากจ๊อกแจ๊กจอแจ ไปเก็บอารมณ์ที่วน ติด ข้อง ค้าง คา ซึ่งจริงๆก็ไม่หลุด เพราะคิดว่าต้องไปเอา ต้องไปรู้ ต้องเจริญสติ อะไรที่ต้อง อะไรที่ตั้งนั้น ตัวใครตัวมัน... 

มันไม่ต้อง มันต้องไม่ตั้งทั้งนั้น 

ไอ้ที่จะหลุดจากกายจิต ถือการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาธรรมชาติ พ้นจากอนิจจัง แต่ตั้งไว้.. กองไว้ อยากสติ อยากสมาธิ.. ท่าทางจะมิจฉา มากกว่า สัมมา ... 

เอาไงดี... เอาเป็นว่า...สังสารวัฏ เวียนว่ายตายเกิดนั้นไม่มีอะไรจริงสักอย่างเดียว 

ไปยึดไปเกาะกับสิ่งที่เป็นอนิจจัง เป็นสมมติมันก็ไม่วิเวก ไม่หลุด (แต่ยังอยากปลีก..เฮ้อ) 

มันไม่หลุด มันไม่หลุด ยุ่งอยู่แบบนี้มานาน หาอุบายก็ตั้งมั่นอีก.. งงแล้ว

เอาแบบไม่ต้องไม่ตั้งนั่นแหละ..ได้ไหม 

และไม่ต้องเอาอะไรกับกายกับจิตเท่านั้นมันก็คงจะเริ่มวิเวกไปเองกระมัง.. (ยังแอบหวังอีก..)

สรุป คือ เพื่อนร่วมโลกฮะ ช่วยด้วย ช่วยหน่อย 


ช่วยไม่ตั้ง ไม่คาด ไม่หวัง.. ช่วยกันไปแบบนี้


อยู่กันไปเรื่อยๆ ไม่มีอารมณ์มากหรือน้อย ไม่ดีใจ ไม่โมโห ไม่ส่อเสียด ไม่บาดใจ

เมตตาข้าน้อยด้วยเถิด 

โอ๊ะ..แอบหวัง แอบตั้ง แอบขออีก คนไทยชัดเจน..ช่างขอ ไม่ยอมช่วยตัวเอง จะถึงไหนเนี่ย..

ถึงก็ช่าง..ไม่ถึงก็ช่าง