วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ความเสียใจครั้งเก่ากับหมาใหม่

หนูดีลูกรัก

.... ตอนหนูดีตายคิดว่าจะไม่เลื้ยงหมาอีกแล้วในชีวิต เพราะเสียใจ โหยไห้ไม่พบปะผู้คนไปเจ็ดวัน หลับตา ลืมตาก็คิดถึง นั่งอยู่เฉยๆก็สามารถน้ำตาไหล เห็นมันชัดไปหมด แม้แต่ทุกวันนี้ เห็นทุกมุมของบ้านก็หวนคิดถึงหนูดี.... น้ำตาซึมได้ตลอด มันเป็นหมาพิเศษ เป็นลูกรัก เป็นหมาที่หน้าตาร้าย กวน เล่นตัว (ต้องถามแม่เอิ่บ..) และชอบแกล้งคน  (อันนี้...แม่หมวยซาบซึ้ง....)  สำหรับเจ้าแม่อย่างแม่จิ๋ม หนูดี...ยอมทุกครั้ง... ในชีวิตหนูดีไม่เคยกลัวอะไรนอกจากพี่ต้นไม้กับโอ่งพลาสติกสีส้ม หนูดีกลัวหัวหด  ใครแปลกหน้าเข้ามาต้องจ๋อยเพราะมันดุเหลือเกิน บ้านขังหนูดีไม่ได้ รั้วสูงก็กั้นไม่อยู่.. หนูดีกระโดดข้ามไปอย่างง่ายๆ  คุณไปรษณีย์ประสาทกินกับหนูดีทุกทีที่ต้องมาส่งจดหมาย  ต้องรีบเอาจดหมายใส่กล่องแล้วเผ่น... วันไหนประตูบ้านเปิดเป็นอันไม่ได้รับเอกสารเพราะพี่แกจะเลี้ยวกลับทันที  หนูดีเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เล็ก ไม่มีใครบังคับได้ (ไม่รู้เลี้ยงกันยังไง..เป็นกันทั้งบ้าน...)  กินยากกินเย็น ชอบจิ้นทอดและขนมเอสแอนด์พีเท่านั้น อย่างอื่นเมิน...อาหารเม็ดไม่กิน กว่าจะกินได้ต้องง้อกันนาน และที่น่าประหลาด คือ กินสุภาพมาก ค่อยๆงาบ ค่อยๆเคี้ยว ไม่มูมมาม ถือว่าเป็นลูกชาติลูกตระกูลคนหนึ่ง.... เข้านอก ออกในบ้าน เปิดประตูเอง ถ้าเปิดไม่ได้ มีทะลุมุ้งลวดเข้ามา.... วันดีคืนดี พาเพื่อนมาอยู่บ้าน... ไอ่ขาวเลยสิงสถิตย์เป็นหมาอีกตัว เป็นลูกน้องหนูดี  ไอ่นี่ก็ดีมาก ไม่ออกนอกบ้าน... หนูดีหนีเที่ยว ก็ยังมีขาวเฝ้าบ้าน... 

....บ้านนี้ไม่มีหนูดีมานานมาก.. ไม่อยากจำ ไม่อยากคิดว่าตาย ช่วงชีวิตของหนูดีเป็นช่วงที่ทุกคนในบ้านหัวเราะได้ตลอด เรียกได้ว่าเป็นลูกเล็ก ขวัญใจ... ทำอะไรได้หมด ทางบ้านให้อภัยเสมอ สายตาหนูดี ไม่มีอะไรจะเปรียบได้ มันมากกว่ารัก ภักดี มากกว่าผูกพัน...ยิ่งกว่าสายตาคน.. เวลาทำผิดหูจะลู่เป็นพิเศษ ทำหน้าตาหม่นหมองได้ใจ แต่เวลาเฮี้ยว เช่น ตอนอาบน้ำนี่ สุดยอด.. เพราะไม่ชอบ อาบเสร็จจะวิ่งเข้าในห้อง สบัดน้ำเกลื่อน และที่เด็ดคือ โดดขึ้นเตียงกลิ้งตัวไปมา ลากลงมาก็โดดขึ้นไปใหม่ พร้อมส่งสายตาท้าทาย... สายตาหนูดีมันหลากอารมณ์ ส่งความรู้สึกได้ทันที  

....เวลาผ่านมานาน เหมือนไม่นาน ไม่นาน เหมือนนาน มันเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งของชีวิตคนว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรในชีวิต.. (ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินทนจนตายไปก่อน).. LIFE GOES ON  ชีวิตมันมีทางไปของมัน เศร้ายังไง โศกสลดหดหู่ เบื่อหน่ายยังไง... มันก็ดำเนินไปแบบนี้ ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ..เป็นปกติ เป็นธรรมชาติ วนเวียน วนเวียนอยู่... เก่าไป ใหม่มา และใหม่มา เก่าไป เป็นฉากชีวิตคน... ตอนนี้มีหมาใหม่ เป็นอะไรในชีวิตที่ไม่คาดคิด อือ..ก็เกิดขึ้นได้   จะว่าปกติก็ไม่เชิงเพราะมันเปลี่ยนจากปกติ..เลยเจอกับหมาใหม่..เพราะชีวิตปกติคือประชุมที่นิ่มซี่เส็งสำนักงานใหญ่เชียงใหม่ ไม่เคยสัญจรเวลาไปตามสาขาเพราะเบื่อการประชุมที่พูดแต่เรื่องประจำวัน แต่คราวนี้มันมีวาระซ่อนเร้นเลยต้องออกนอกพื้นที่ ..ไปประชุมสัญจรสาขาลำปาง  เจอหนูมาดีถูกมัดอยู่แถวที่พักคนขับรถ ไปเล่นกับมัน... ได้รู้ว่ามันถูกคนเอามาคืนเมื่อเช้าเพราะไปไล่ขุดต้นไม้ ไล่กัดสิ่งของ คนที่คาดว่าจะเอาไปเลี้ยงทนไม่ได้ พามันกลับมา.. ไอ่ตัวนี้มีพี่น้องห้าตัว แม่เป็นพุดเดิ้ล พ่อเป็นบางแก้ว ตัวอื่นสีขาว ขนปุย สวยน่ารักเหมือนแม่ คนแย่งกันเอาไปหมดแล้ว มีหนูมาดีตัวเดียวที่ขี้เหร่ ดำๆด่างๆ เหมือนพันธุ์ทาง ถูกทิ้ง ไม่มีอนาคต ไม่มีใครอยากได้... เห็นแล้วคิดถึงหนูดีทันที เป็นบางแก้วพันธุ์ทางเหมือนกัน สายตาดูคล้ายกัน... (แต่ไม่แรงเท่า) ซนเหมือนกัน  เลยขอเขามาซะโดยไม่ได้นัดหมาย คนที่ให้ก็ดีใจเพราะไม่ต้องเป็นภาระ... เขาว่ามันถูกแยกจากแม่มาตั้งแต่เด็กเพราะแม่ตัวเล็กมาก คลอดออกมาห้าตัว คลอดเสร็จสภาพย่ำแย่ เกือบตายถ้าเอาไปหาหมอไม่ทัน..เฮ้อ มันเกินตัวไปหน่อย ทำอะไรไม่พอดี หรือ ดีพอ..ทุกข์มาเยือน    การเอาหนูมาดีมาเลี้ยงที่บ้าน..จะฝึกคนในบ้านหลายคน เป็นสีสรรใหม่.. โดยเฉพาะลูกเล็กของแม่บ้านที่กำลังโต แต่มันนรก มันงกเหลือเกิน แม่ตามใจจะเสียคนแน่ การมีหนูมาดีคาดว่าจะทำให้มันอ่อนโยน มีจิตเมตตา เผื่อแผ่ รู้จักแบ่งปันมากขึ้น... คุณยายจะได้หายเหงา มีเรื่องให้คิดให้สนใจมากกว่าญาติโยม ต้นไม้ก็จะได้ออกมาจากที่กบดานบ่อยขึ้น สรุปคือทั้งบ้านจะมีวาระร่วมกันอีก จากที่ต่างคนต่างอยู่..หนูมาดีจริงจริง   อย่างไรก็ตาม...เรื่องนี้มันต้องคิด ทำให้ต้องคิดว่า.. เวรกรรม ถ้ามันจะมา ไม่ต้องรอ..เดี๋ยวมาเอง ต่อให้ตั้งใจอะไร อย่างไร วิบากกรรมหนีไม่พ้น... เซลาวี..แต่ว่า..นง อองโครส...
หนูมาดี...

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องตาย เรื่องหวังของคนยังไม่ตาย


เข้าไปใน  http://EzineArticles.com/?expert=Bronnie_Ware  เป็นบทความสั้นๆที่อ่านแล้วได้คิด... คนเราถ้าไม่กลัวตาย หรือ ใกล้จะตาย จะคิดจะทำอะไรได้เยอะ เหมือนกับที่สตีฟ จอบส์ เคยพูดว่า.. อยู่วันนี้ให้เหมือนกับจะตายในวันรุ่งขึ้น ไม่มีผิด มันเป็นความหมายของความกล้าหาญของคนจริง    คำว่า “กล้า” นั้นดูเหมือนจะเป็น “ที่รู้” แต่มันไม่เคยเป็น “การรู้” ซึ่งหมายถึงการทำได้ด้วย คนที่ไม่ได้กำลังจะตายอย่างเราๆ คงต้องถามตัวเองว่า กล้าไหม ... 
bronnie ware ได้ดูแลผู้ป่วยที่รู้ตัวแน่ๆว่าไม่ได้กลับบ้านตัวเป็นๆ   คุณคนนี้เป็นหลายอย่าง.. เป็นทั้งนักเขียน นักร้อง แต่ที่ดี คือ เป็นนักสังเกตุชีวิต .....เธอพูดคุยกับบรรดาผู้ป่วยใกล้ตาย ใกล้ตายจริงจริง...ประมาณสามถึงสิบสองอาทิตย์ก่อนตาย  เห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นความหลากหลายของอารมณ์ แต่ในที่สุดทุกคนกลับผ่านไปอย่างชิวๆ เติบโตสมวัยใกล้ตาย!
สำคัญอยู่ตรงนี้.... ตรงที่คำถามเกี่ยวกับ สิ่งใดที่ยังเสียใจ หรือ อะไรที่อยากประพฤติแตกต่างก่อนตาย ประมาณว่า สิ่งเสียใจก่อนเสียชีวิต... คุณคนนี้ พบว่ามีเหมือนๆกัน 5 อย่าง 5 ความหวังที่คนเสียใจที่ไม่ได้ทำก่อนตาย...
  1. ความกล้าในการมีชีวิตที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่การมีชีวิตบนความคาดหวังของคนอื่น​.... แสบเข้าไปถึงทรวงจริงจริงค่ะ  คุณเขาว่าเป็น the most common regret of all  คิดว่ามันจริงๆด้วยนะว่าคนสูญเสียความฝัน ไม่ต้องยิ่งใหญ่ แค่ฝันเล็กๆน้อยๆที่อยากเป็น อยากทำแล้วไม่ได้ทำ ไม่ได้เป็น หรืออยากกินแล้วไม่ได้กิน มันเจ็บจริงจริง   แค่คิดว่าทำไมเราต้องมีชีวิตอยู่บนความคาดหวังของคนอื่น (ที่อาจไม่ใช่คนอื่นคนไกล) และคิดอีกว่า ทำไมต้องคาดหวังกับเรา (วะ) อันนี้หนัก....  ที่จริงก็รู้ตัวกันทุกคนหละนะว่าตัวเองเป็นยังไง  (กำเมืองว่า มันมีหั้นอย่าง) มันอยู่ที่การเลือก จะเลือก หรือ ไม่เลือกก็แปลว่าเลือกแล้ว.... บางทีมานั่งนึกดูก็เศร้าหน่อยๆว่าทำไมเรายอม ยอมได้ไง ยอมให้หลายคน หลายสิ่งมามีอิทธิพลต่อการกระทำของเรา  ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ท้ายสุดเราก็รับผิดชอบเองอยู่ดี ไม่เห็นจะมีใครมาร่วมรับด้วย  ทุกคนก็สนใจอยู่กับเรื่องตัวเอง เฮ้อ นาทีนี้ยังไม่สายเพราะยังไม่ตาย... ชอบที่คุณเขาว่า คนที่ยังอยู่ดีๆนั้น มีอิสระภาพ แต่น้อยคนจะระลึกได้  เมื่อใกล้ตายจึงค่อยสำนึก แหม..คมขาดเลยอันนี้
  2. ความหวังที่ว่าไม่ได้ทำงานมากจนเกินไป อันนี้คลาสสิกเลย..จะเอาเงินไปทำไมตั้งมากมายจนเสียช่วงเวลาเก็บดอกไม้ ชื่นชมคนอยู่ใกล้ อยู่ไกล ปรีดากับประสบการณ์ชีวิต หฤหรรษ์กับโลก.. เที่ยวบ้าง มีโอกาสควรคว้า ทำงานอย่างเดียวจะบ้าเอานะ  เราต้องการเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ ต้องเก็บเงินเยอะๆหรือจึงจะมีความสุข เหนื่อยนะ เหนื่อย.. ชีวิตตามอำเภอใจ มีอะไรอีกมาก แต่เวลาสั้นลงทุกที  ใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัวจะดีกว่า.. แม้จะปวดหัว  แต่ก็จะได้ไม่เสียใจ 
  3. ความกล้าที่จะแสดงความรู้สึกอันแท้จริง.... สะใจคนไทย ชอบประนีประนอม กลัวเสียความสัมพันธ์ กลายเป็นคนกลางๆ (เคยเขียนไปทีนึงแล้วว่า..อย่าเทา อย่ากลาง มันน่าเบื่อ..ชัดๆไปเลย) เป็นตัวของตัวเองได้ก็เป็นไป คนอื่นก็คือคนอื่นวันยังค่ำ เหมือนท่านวรบูรณ์ว่า เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา เราคุมจิตตัวเองยังไม่ได้เลย (และไม่ควรคิดจะคุมด้วย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งคุมยิ่งจะงง) เปลี่ยนเป็นซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง น่าจะดีเมื่อยังมีชีวิต ตายแล้วอดนะ คุณเขาว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ (โห...) และ either way, you win.. ชอบมาก
  4. ความหวังว่าจะอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อน...โดยเฉพาะเพื่อนเก่าเก็บ เก็บจนเก่า บางทีจนตายจาก อาจไม่เจอกัน อันนี้ไม่ค่อยอิน..เพราะอยู่กับเพื่อนเยอะมาก วันแม่ วันพ่อ วันลูก..ไปกับเพื่อน เฮ้อ.. เพิ่งจะมาอินตอนเจอแฟนฉัน แฟนเก่าที่ไม่ได้เจอมา 30 ปี นานมาก นานจนไม่คิดว่าจะได้เจอ มันเป็นช่วงเวลาที่คิดได้เลยว่าไม่ควรขาดกันนานขนาดนี้  ได้คุยกันก็มีความสุขมาก เสียดายเวลา แต่ไม่เป็นไรยังไม่ตาย  ต้องเจอกันอีกให้ได้  ต้องติดตามต่อเนื่อง ไม่ปล่อยแน่ๆ  เผื่อใครเป็นอะไรไปจะได้ส่งกำลังใจ  นี่เป็นบุญคุณของการสื่อสารแบบใหม่ social network ที่ทำให้หากันจนเจอ... ไม่ใช่แฟนอย่างเดียวนะ มันยังมีเพื่อนแบบหนุ่มเมืองตาก หรือ น้องนรกเมืองขอนแก่น ที่ยังไงก็ต้องเจอกันซักวัน.. ก่อนที่ใครจะเป็นอะไรไปก่อน.. ไม่มัน ก็เรา.. ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ คนชอบคิดว่าอัปมงคล ไม่เห็นอับตรงไหน  เกิดมาใครมันก็ตายทั้งนั้น ก่อนตายเจอกันอีกหน่อย ชีวิตสดชื่นขึ้นเยอะ  
  5. สุดท้ายแล้ว...ความสุขในชีวิตน่าจะมากกว่านี้  คุณเขาว่า happiness is a choice ชีวิตที่มีความสุขเป็นชีวิตเลือกได้ อยู่ที่จะเลือกหรือเปล่าเท่านั้น อยู่ใน comfort zone มากมาก ระวังต้องใส่ comfort ก่อนวัยอันควร จะกลัวอะไรกับการเปลี่ยนแปลง ต้องกล้าๆหน่อยนะ ไม่งั้น ไม่หลุด ความดันขึ้น มีชีวิตที่มีสีสรร ไปในที่ที่อยากไป ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและอยากทำ ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข มันจะเสียหายอะไรนักหนา จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  ลองถามตัวเองว่า ถ้าจะตายอยากเจอหน้าใครบ้างก่อนจะไปลับ  คำตอบก็อยู่ที่ตัวเอง อย่าโกหกก็ใช้ได้.. 
คุณเขาจบว่า life is a choice และ it is YOUR life จงเลือกแบบมีสติ เลือกอย่างฉลาด เลือกอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ท้ายสุด เลือกที่จะมีความสุข.. ขออีกที ตัวใครตัวมันค่ะ